วันพฤหัสบดีที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2555

"หงส์แดง"สำรองบุกสอยเวสต์บรอมฯ 2-1 ฉลุยรอบ 4 ศึกแคปปิตอล วัน คัพ


ฟุตบอลแคปปิตอล วัน คัพ รอบ 3
วันพุธที่ 26 กันยายน 2555

เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน 1 : 2 ลิเวอร์พูล

สนาม : เดอะ ฮอว์ธอร์นส์

เริ่มเกมมาเเค่ 3 นาที แบร๊ด โจนส์ออกมาตัดบอลจากลูกฟรีคิกไม่ดีทำให้บอลมาเข้าทางกาเบรียล ทามาสยิงเข้าไปตุงตาข่าย พร้อมกับเป็นประตูให้เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ขึ้นนำ ลิเวอร์พูล 1:0
นาทีที่ 10 โออูซาม่า อัสไซดี้บรรจงเปิดบอลจากด้านริมเส้นฝั่งซ้ายไปให้กับซาเหม็ด เยซิลได้โหม่ง บอลหลุดเสาสองออกไปอย่างน่าเสียดาย
นาทีที่ 17 ลิเวอร์พูลทีมเยือน ไล่ตามตีเสมอ เวสต์บรอมวิช 1:1
เมื่อ อันเดร วิสดอมไหลบอลจากด้านฝั่งขวา มาให้กับนูริ ซาฮินได้ยิงด้วยซ้าย บอลกระดอนพื้นทำให้เบน ฟอสเตอร์ปัดไม่ออกบอลพุ่งเข้าสู่ก้นตาข่าย
นาทีที่ 24 จอร์แดน เฮนเดอร์สันไหลบอลจากด้านริมเส้นฝั่งซ้าย มาให้กับดาเนี่ยล ปาเชโก้ได้ยิง เเต่เเนวรับเจ้าบอลพุ่งบล็อกเอาไว้ได้


นาทีที่ 42 เกรแฮม ดอร์เรนส์ได้โอกาสซัดฟรีคิกจากด้านฝั่งซ้าย เเต่บอลไปโดนดาเนี่ยล ปาเชโก้โหม่งสกัดออกไปได้
นาทีที่ 49 ซาเหม็ด เยซิลได้โอกาสซัดไกลจากเเถวสอง เเต่เบน ฟอสเตอร์ผู้รักษาประตูเจ้าบ้านปัดออกไปได้
นาทีที่ 51 ลิเวอร์พูล ได้โอกาสลุ้นอีกครั้ง จากโออูซาม่า อัสไซดี้บรรจงปั่นด้วยเท้าขวาบอลย้อยข้ามเบน ฟอสเตอร์ เเต่ไปชนคานอย่างน่าเสียดาย
นาทีที่ 55 เจ้าบ้านมาได้โอกาสลุ้นบ้างจากมาร์คุส โรเซ็นเบิร์กได้ยิงจากนอกกรอบ แบร๊ด โจนส์พุ่งปัดออกไปได้
นาทีที่ 62 ดาเนี่ยล ปาเชโก้ยิงด้วยขวาจากเเถวสอง เบน ฟอสเตอร์ผู้รักษาประตูเจ้าบ้านต้องออกเเรงพุ่งปัดออกไป

นาทีที่ 82 ลิเวอร์พูล บุกมานำ เวสต์บรอมวิช 2:1 จากจังหวะที่หลุดขึ้นมาด้านฝั่งซ้าย ก่อนจะจ่ายบอลมาให้กับนูริ ซาฮินยิงเข้าไปตุงตาข่าย
ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมไม่สามารถทำประตูได้เพิ่ม จบ 90 นาที "หงส์เเดง" ลิเวอร์พูล บุกมาเอาชนะ เวสต์บรอมวิช ด้วยสกอร์ 2:1 พร้อมกับผ่านเข้าสู่รอบ 4 ในศึกฟุตบอลแคปปิตอล วัน คัพได้สำเร็จ

รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนาม
เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ระบบ 4-3-3 :
ผู้รักษาประตู : เบน ฟอสเตอร์
กองหลัง : บิลลี่ โจนส์,โยนัส โอล์สสัน,เลียม ริดจ์เวลล์ (เคร็ก ดอว์สัน น.21), เลียม ริดจ์เวลล์
กองกลาง : กาเบรียล ทามาส,เกรแฮม ดอร์เรนส์,ยุสซูฟ มูลุมบู
กองหน้า : มาร์ค อ็องตวน ฟอร์จูน(ยาสซีน เอล กานาสซี่ น.86,โรเมลู ลูกากู(เชน ลอง น.69),มาร์คุส โรเซ็นเบิร์ก
ลิเวอร์พูล ระบบ 4-3-3 :
ผู้รักษาประตู : แบร๊ด โจนส์
กองหลัง : อันเดร วิสดอม,เจมี่ คาร์ราเกอร์,เซบาสเตียน โกอาเตส,เเจ็ค โรบินสัน
กองกลาง : โออูซาม่า อัสไซดี้,จอร์แดน เฮนเดอร์สัน,นูริ ซาฮิน
กองหน้า : ดาเนี่ยล ปาเชโก้(เฆซุส เฟร์นานเดซ น.80),ซาเหม็ด เยซิล (ซูโซ่ น.80), สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง

วันศุกร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2555

"เชลวี่ย์"เหมา 2 พา หงส์แดงดับเจ้าบ้าน ยัง บอยส์ 5-3 ศึกยูโรป้า


ฟุตบอล ยูฟ่า ยูโรป้า ลีกรอบแบ่งกลุ่ม นัดแรก กลุ่มเอ

ยัง บอยส์ 3-5 ลิเวอร์พูล
วันพฤหัสบดีที่ 20 กันยายน 2555
สนาม : สต๊าด เดอ ซุสเซ่ 
ผู้ตัดสิน : มิชาเอล คูคูลาคิส (กรีซ)


เริ่มเกมมาได้เพียง 3 นาที ก็มีประตูแรกของแล้ว เมื่อ สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง เลี้ยงมาทางริมกรอบเขตโทษ ก่อนจะโยนเข้ากลางประตูบอลลอยไปเข้าหัว คริสตอฟ สปิเชอร์ โหม่งเหมือนไม่อะไร แต่กลับลอยไปโดนหัว ยูฮานี่ โอฮาล่า เข้าประตูตัวเองไป ลิเวอร์พูล ออกนำแบบไม่ต้องเหนื่อย 1-0


ถัดมานาที เดียวเจ้าถิ่นเกือบตีเสมอได้ทันควัน เมื่อ ราอูล โบบาดีย่า พักบอลได้หน้าประตู ก่อนจะซัดด้วยขวาเต็มข้อ แต่ แบร๊ด โจนส์ ล้มตัวปัดออกข้างไปได้

ผ่านไปถึงครึ่งชั่วโมงรูปเกมไปอยู่กันตรงกลางสนามเสียส่วนใหญ่ โดยที่ทั้งสองฝ่ายยังไม่มีใครได้โอกาสจบสกอร์กันเพิ่มเลย

น.38 เจ้าถิ่นมาตามตีเสมอได้สำเร็จจากความผิดพลาดของหลัง "หงส์แดง" เป็นทาง โฆเซ่ เอ็นริเก้ ที่ตั้งใจจะไปสกัดบอล แต่ถูกคู่แข่งแย่งไปได้ ก่อนที่บอลจะมาเข้าทาง ราฟาเอล นุซโซโล่ จับบอลก่อนจะซัดตรงกลางประตูเข้าไป ยัง บอยส์ ตีเสมอ 1-1




แต่อีกนาทีเดียว "หงส์แดง" กลับมาเป็นฝ่ายขึ้นนำอีกครั้งจากลูกเตะมุม นูริ ซาฮิน โยนเข้าไปถึง อังเดร วิสดอม ได้โอกาสเทกตัวโขกบอลในกรอบ 6 หลา เปลี่ยนทางเข้าประตูไป ลิเวอร์พูล ขึ้นนำ 2-1

หลังจากนั้นไม่มีจังหวะอะไรเพิ่มอีก หมดครึ่งแรกทีมเยือนนำก่อน 2-1

เริ่มเกมในช่วงครึ่งเวลาหลังกันต่อทั้งสองทีมยังไม่มีใครทำการเปลี่ยนตัวผู้เล่นลงสนามแต่อย่างใด


น.52 แฟนบอลเจ้าถิ่นได้เฮกันทั้งสนาม เมื่อทีมมาได้ประตูจนได้ หลังจากที่ ราอูล โบบาดีย่า โยนบอลไปหน้าประตู และเป็น ยูฮานี่ โอฮาล่า ที่โหม่งเข้าประตูตัวเอง ขึ้นเทกตัวโขกตัดหน้า อังเดร วิสดอม ที่ตั้งใจจะสกัดบอลได้สำเร็จ ยัง บอยส์ ตามตีเสมอ 2-2


ลิเวอร์พูล จัดการเปลี่ยนตัวคนแรกถอดเอา ดาเนี่ยล ปาเชโก้ ที่เกมนี้แทบไม่มีส่วนร่วมกับเกมเลยออกไป แล้วส่ง ฟาบิโอ ลงมาลุ้นช่วยเสริมเกมรุก

น.62 คราวนี้ทีมเยือนถึงกับช็อกเมื่อ ยัง บอยส์ มาเป็นฝ่ายได้ประตูบ้างจากความผิดพลาดของ เจมี่ คาร์ราเกอร์ ที่ปล่อยให้คู่แข่งแย่งบอลจากทางด้านหลัง ก่อนจะจ่ายต่อไปให้ให้ อูโลจิโอ ซาราเต้ หลุดเข้าเขตโทษแล้วชิบข้ามตัว แบร๊ด โจนส์ เข้าไป เจ้าถิ่นพลิกขึ้นนำ 3-2

พอทำประตูได้เจ้าถิ่นก็เอา ซาราเต้ ผู้ทำประตูขึ้นนำออกทันทีแล้วส่ง อเล็กซานเดอร์ กอนซาเลส ลงสนามแทน




น.66 แต่หนนี้ ลิเวอร์พูล ก็ยังไม่ยอมง่ายๆ เมื่อมาทำประตูได้อีกจากการครอสของ ดาวนิ่ง เลยมาถึง  โคอาเตส ขึ้นโหม่งย้อนศรไปอีกฝั่งของประตู บอลลอยไปหา บอรินี่ แต่เจ้าตัวปล่อยให้บอลเลยผ่านตัวเองเข้าประตูไป สกอร์กลับมาเท่ากันอีกครั้งเป็น 3-3

ทีมเยือนส่ง จอนโจ้ เชลวี่ย์ ลงมาสนามแทน อุสซาม่า อัสไซดี้ ขณะที่ฝั่งเจ้าถิ่นก็เปลี่ยนตัวเช่นกันถอด ราฟาเอล นุซโซโล่ ออกส่ง คริสเตียน ชนอยวลี่ ลงเล่นแทน




น.76 ประตูที่เจ็ดของเกมมาเกิดขึ้นจนได้ เมื่อ เอลซาด ซเวโรติช ทำพลาดถูก บอรินี่ แย่งบอลมาได้ ก่อนจะจ่ายให้ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน แล้วส่งต่อมาให้ จอนโจ้ เชลวี่ย์ ที่เพิ่งเปลี่ยนตัวลงมา ได้โอกาสซัดวอลเล่ย์เข้าไปไม่เหลือ ลิเวอร์พูล นำอีกเป็น 4-3

จากนั้น ราฮีม สเตอร์ริ่ง ก็มาได้โอกาสลงสนามมาเป้นคนสุดท้าย โดยทีมจัดการถอด ดาวนิ่ง ที่เกมนี้เล่นได้เด่นออกไปพัก




น.87 ลิเวอร์พูล มาได้ประตูที่ห้าอีก เมื่อ จอร์โจ้ เชลวี่ย์ เลี้ยงบอลมาถึงหน้าเขตโทษ โดยมี บอรินี่ คอยวิ่งดึงกองหลังค่แข่งออกห่าง ก่อนที่เจ้าตัวจะตัดสินใจยิงเต็มข้อด้วยซ้าย บอลพุ่งลอยเข้าประตูไปอย่างเฉียบขาด สกอร์เป็น 5-3 และเป็นประตูที่แปดของเกมนี้

ช่วงท้ายเกมเจ้าถิ่นพยายามสู้แต่ก็ไม่ สามารถทำอะไรได้ หมดเวลา ลิเวอร์พูล เป็นฝ่ายพลิกกลับมาเอาชนะ ยัง บอยส์ ไปได้ 5-3 เก็บชัยชนะเกมแรกของรอบแบ่งกลุ่มไปได้อย่างสวยงาม


รายชื่อผู้เล่น ยัง บอยส์ (5-3-2) :
มาร์โก โวล์ฟลี่ - ซัตเตอร์, ดูซาน เวสโควัช, คริสตอฟ สปิเชอร์, เอลซาด ซเวโรติช, ยูฮานี่ โอฮาล่า - อเล็กซานเดอร์ ฟาร์เนรุด, มาริโอ ไรมอนดี้, ราฟาเอล นุซโซโล่ (คริสเตียน ชนอยวลี่ น.69) - ราอูล โบบาดีย่า, อูโลจิโอ ซาราเต้ (อเล็กซานเดอร์ กอนซาเลส น.63)
ผู้เล่นสำรอง
อิวาน เบนิโต้ - ยาน เลชยัคส์ - โมเรโน่ คอสตานโซ่ - มาธิอัส วิทคิเวียซ - ไมเคิ่ล เฟรเยอร์ เลซิเนน่า

รายชื่อผู้เล่น ลิเวอร์พูล (4-3-3) :
แบ ร๊ด โจนส์ - อังเดร วิสดอม, เจมี่ คาร์ราเกอร์, เซบาสเตียน โคอาเตส, โฆเซ่ เอ็นริเก้ - นูริ ซาฮิน, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง (ราฮีม สเตอร์ริ่ง น.77) - เฆซุส เฟอร์นานเดซ ซัวโซ่, ดานี่ ปาเชโก้ (ฟาบิโอ บอรินี่ น.61), อุสซาม่า อัสไซดี้ (จอนโจ้ เชลวี่ย์ น.66)


ข้อมูล:sanook 

หางานราชการ

วันจันทร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2555

"หงส์แดง"รอดตายหวุดหวิดตีเจ๊าแมวดำ 1-1


ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ 

วันเสาร์ที่ 15 กันยายน 2555
ซันเดอร์แลนด์ 1    -   1 ลิเวอร์พูล


สนาม : สเตเดี้ยม ออฟ ไลท์    ผู้ชม : 41,997 คน


         "แมวดำ" ซันเดอร์แลนด์ เปิดสนามสเตเดี้ยม ออฟ ไลท์ ของตัวเอง ต้อนรับการมาเยือนของ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล โดยเจ้าบ้านใช้งาน สเตฟาน แซสเซญง จับคู่ สตีเว่น เฟล็ทเชอร์ เป็นสองคู่หูในแดนหน้า ขณะที่ทีมเยือน ลิเวอร์พูล ส่ง ราฮีม สเตอร์ลิง และ หลุยส์ ซัวเรซ เป็นสองแนวรุก และให้ ฟาบิโอ บอรินี่ เป็นหัวหอกตัวเป้า โดยแดนกลางมี สตีเว่น เจอร์ราร์ด,จอนโจ เชลวี่ย์ และ โจ อัลเลน ประคองเกม

      เริ่มเกมมา4นาที เป็นฝ่ายทีมเยือน ลิเวอร์พูล ได้ยิงทักทายก่อน จากจังหวะ หลุยส์ ซัวเรซ ลากบอลลุยขึ้นมา ก่อนไหลให้ จอนโจ เชลวี่ย์ สับไกยิงระยะ20หลานอกกรอบ แต่บอลหลุดออกหลังไป

     7นาที ต่อมา ลิเวอร์พูล มีโอกาสได้จบสกอร์อีกครั้ง จากการพลิกบอลเข้ามาสับไกยิงด้วยขวาของ หลุยส์ ซัวเรซ แต่บอลหลุดออกหลังไปแบบไม่มีลุ้น


     นาทีที่18 หงส์แดง พลาดได้ประตูไป เมื่อ การ์ลอส เกยาร์ กองหลัง ซันเดอร์แลนด์ โหม่งคืนหลังเบา ถูก ฟาบิโอ บอรินี่ วิ่งแซงไปสับไกยิงด้วยขวา แต่ ซิมง มินโญเลต์ วิ่งออกมาบล็อคเร็ว บอลมาเข้าทาง จอนโจ เชลวี่ย์ แต่ดันรีบร้อนยิงไปหน่อย บอลเลยโดนแบบแป๊กๆออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย

     7นาที ต่อมา ลิเวอร์พูล มีโอกาสอีกครั้ง เมื่อ จอนโจ เชลวี่ย์ จ่ายบอลยัดเข้ากลางให้ หลุยส์ ซัวเรซ แตะบอลคืนให้ ฟาบิโอ บอรินี่ วิ่งมากดด้วยขวาเต็มข้อ แต่ ซิมง มินโญเลต์ ยังเร็ว ล้มตัวปัดได้อย่างหวุดหวิด


     แม้จะบุกน้อยกว่า แต่เจ้าบ้าน ซันเดอร์แลนด์ ก็ได้เฮก่อนในนาทีที่29 เมื่อ เคร็ก การ์ดเนอร์ พาบอลหลบ หลุยส์ ซัวเรซ และ เกล็น จอห์นสัน ก่อนเปิดยัดเข้ากลางหน้าประตู โฆเซ่  เรน่า พุ่งออกมาไม่โดนบอล ทำให้ สตีเว่น เฟล็ทเชอร์ พุ่งชาร์ตส่งบอลตุงตาข่าย ให้เจ้าบ้าน นำก่อน 1-0

     นาทีที่35 ลิเวอร์พูล มีโอกาสได้ลุ้นบ้าง เมื่อได้ฟรีคิกนอกกรอบระยะ20หลา หลุยส์ ซัวเรซ รับหน้าที่สังหาร แต่หัวหอกอุรุกวัย ยิงไม่ผ่านกำแพงของเจ้าถิ่น

      นาที ต่อมา ทีมเยือน ลิเวอร์พูล ก็เสียใบเหลืองใบแรกจนได้ เมื่อ หลุยส์ ซัวเรซ ไปเจตนาพุ่งล้มในกรอบเขตโทษ ผู้ตัดสิน มาร์ติน แอ๊ตกินสัน จึงควักใบเหลืองสั่งสอนทันที

     ช่วงท้ายครึ่งแรก แม้ ลิเวอร์พูล จะครองบอลมากกว่า แต่ยังไม่มีโอกาสเหน่งๆเข้าไปทำประตูคืน ทำให้หมดครึ่งแรก ซันเดอร์แลนด์ จึงนำอยู่ 1-0

       นาทีที่ 46 เจ้าถิ่นเปลี่ยนเอา การ์ลอส เกยาร์ ที่มีอาการบาดเจ็บออก และส่ง ไตตัส แบรมเบิ้ล ลงสนามแทน


       กลับมาเล่นต่อในครึ่งหลังแค่นาทีเดียว จอนโจ เชลวี่ย์ ได้โอกาสส่องไกลแต่บอลไปตรงตัว ซิมง มินโญเลต์ รับเข้าซองสบาย

      นาทีที่ 51 ลิเวอร์พูล พลาดได้ประตูตีเสมอ  เกล็น จอห์นสัน ปั่นบอลด้วยขวาหน้ากรอบเขตโทษ บอลโค้งผ่านมือ ซิมง มินโญเลต์ ไปแล้วแต่ไปชนคานกระดอนออกมา

      นาทีที่ 61 ลิเวอร์พูลทำเกมบุกเข้าใส่ต่อเนื่อง มินโญเลต์  ชกบอลออกมาไม่ดี บอลไปเข้าทาง จอนโจ เชลวี่ย์ ที่ตัดสินใจไหลบอลต่อให้ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ซัดด้วยขวาหน้ากรอบเขตโษแต่บอลถากเสาออกไปอย่างน่าเสียดาย

       นาทีที่ 65 หงส์แดงเปลี่ยนตัวเอา สจร๊วร์ต ดาวนิ่ง ลงมาแทน ฟาบิโอ บอรินี่


       นาที ที่ 71 หลังพยายามอยู่นาน ลิเวอร์พูลก็มาตามตีเสมอได้สำเร็จ ราฮีม สเตอร์ลิง ลากสุดเส้นหลังก่อนเปิดเข้าไปในกรอบเขตโทษ ไตตัส แบรมเบิ้ล สกัดไม่ดีไปเข้าทาง หลุยส์ ซัวเรซ กระทุ้งไม่เหลือ หงส์แดง ตีเสมอ 1-1
        นาทีที่ 72 ซันเดอร์แลนด์ เปลี่ยนผู้เล่นคนที่สอง เฟรเซอร์ แคมป์เบลล์ ลงสนามแทน แดนนี่ โรส

      นาทีทึ่ 80 จอนโจ เชลวี่ย์ ลากหลบแนวรับเจ้าถิ่นเข้าไปยิงด้วยขวาเต็มๆ แต่ ซิมง มินโญเลต์ ยังเหนียวทุบทิ้งออกมาได้

       นาทีที่ 81 เซบาสเตียน ลาร์สสัน รับใบเหลืองหลังไปเสียบ ราฮีม สเตอร์ลิง อย่างน่าเกลียด

       นาทีทึ่ 85 เจ้าบ้านเปลี่ยนเอา หลุยส์ ซาฮา ลงสนามมาแทน สตีเว่น เฟล็ทเชอร์

      นาทีสุดท้าย หลุยส์ ซาฮา ได้บอลระยะ 20 หลา ก่อนตัดสินใจยิงด้วยซ้ายบอลหลุดกรอบออกไปชนิดไม่ได้ลุ้น

      ช่วงทดเวลาเจ็บสามนาที ทั้งสองทีมแลกกันอย่างสนุก แต่ไม่มีฝ่ายใดทำประตูเพิ่มกันได้ จบเกม ซันเดอร์แลนด์ เปิดบ้านเสมอ ลิเวอร์พูล 1-1 ทำให้ทั้งสองทีมยังไม่สามารถเก็บชัยได้ทั้งคู่ตั้งแต่เปิดฤดูกาลมา


     ซันเดอร์แลนด์ : ซิมง มินโญเลต์ 8, เคร็ก การ์ดเนอร์ 8, การ์ลอส เกยาร์ 6 (ไตตัส บรัมเบิ้ล 5 น.46), จอห์น โอเช 8, แดนนี่ โรส 6 (เฟรเซอร์ แคมป์เบลล์ 5 น.72), เซบาสเตียน ลาร์สสัน 6, ลี แคตเทอร์โมล 7, แจ็ค โคลแบ็ค 7, เจมส์ แม็คคลีน 6, สเตฟาน แซสเซญง 6, สตีเว่น เฟล็ทเชอร์ 7 (หลุยส์ ซาฮา 5 น.86)

     สำรองไม่ได้ใช้
: คีเรน เวสต์วู้ด, แม็ทธิว คิลกัลลอน, เดวิด เมย์เลอร์, ชี ดอง-วอน

     ใบเหลือง :
เซบาสเตียน ลาร์สสัน


     ลิเวอร์พูล
: โฆเซ่ เรน่า 6, มาร์ติน เคลลี่ 7, มาร์ติน สเคอร์เทล 6, ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์ 6, เกล็น จอห์นสัน 7, โจ อัลเลน 7, สตีเว่น เจอร์ราร์ด 8, จอนโจ เชลวี่ย์ 6, ราฮีม สเตอร์ลิง 7, หลุยส์ ซัวเรซ 7, ฟาบิโอ บอรินี่ 5 (สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง 6 น.64)

     สำรองไม่ได้ใช้ :
แบร๊ด โจนส์, โฆเซ่ เอ็นริเก้, เจมี่ คาร์ราเกอร์, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, นูริ ซาฮิน, อุสซาม่า อัสไซดี้

     ใบเหลือง
: หลุยส์ ซัวเรซ, มาร์ติน สเคอร์เทล


     ผู้ตัดสิน
: มาร์ติน แอ๊ตกินสัน 

วันเสาร์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2555

"หงส์แดง" เดี้ยงคารังโดนปืนใหญ่อัด 0-2


 

ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
วันอาทิตย์ที่ 2 กันยายน 2555
ลิเวอร์พูล  0   -   2  อาร์เซน่อล
 

สนาม : แอนฟิลด์    ผู้ชม : 44,932 คน



         บิ๊กแมตช์ซูเปอร์ซันเดย์ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล เปิดถิ่นแอนฟิลด์ ต้อนรับ "ปืนใหญ่"  อาร์เซน่อล โดยเจ้าบ้านส่ง นูริ ซาฮิน ประเดิมสนามในลีกนัดแรก ในแนวรุกใช้ โจ อัลเลน,ราฮีม สเตอร์ลิง ประสาน ฟาบิโอ บอรินี่ กองหน้าเป้าส่ง หลุยส์ ซัวเรซ ล่าตาข่าย ขณะที่ทีมเยือน ใช้ ซานติ กาซอร์ล่า,ลูคัส โพดอลสกี้ และ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ เป็นสามประสานแดนหน้า

        เริ่ม เกมมาเพียง6นาที มีใบเหลืองแรกออกมาอย่างรวดเร็ว เมื่อ แพร์ แมร์เตซัคเกอร์ ไปทำฟาวส์ หลุยส์ ซัวเรซ จนล้มกลิ้ง รับใบเหลืองคนแรกของเกม

        หลุยส์ ซัวเรซ รับหน้าที่สังหารฟรีคิกเอง แต่ถึงแม้บอลจะปั่นข้ามกำแพงไปได้ แต่ก็ไม่ฮุคลง บอลลอยโด่งข้ามคานออกหลังไปแทน

        นาทีที่19 เป็นฝ่ายทีมเยือนมีโอกาสได้จบบ้าง จากการเติมขึ้นมายิงระยะ25หลาของ โธมัส แฟร์มาเล่น เซนเตอร์ฮาล์ฟ แต่บอลยังไม่เข้ากรอบประตู

        4นาทีต่อมา หลุยส์ ซัวเรซ มีโอกาสพาบอลเข้าไปป่วยในกรอบเขตโทษของ อาร์เซน่อล แต่ถูก แพร์ แมร์เตซัคเกอร์ ตามป่วน ทำให้บอลลั่นเข้ามือ วีโต้ มานโนเน่ รับสบาย

        เป็น ฝ่ายทีมเยือนโดนใบเหลืองไปบ้าง เมื่อ มิเกล อาร์เตต้า ไปดึง ราฮีม สเตอร์ลิง ดาวรุ่งล้ม รับใบเหลืองไปเป็นคนแรกของทีมเดอะกันเนอร์ส


        นาที ที่31 เป็นทีมฝ่ายทีมเยือน อาร์เซน่อล ได้เฮก่อน เมื่อได้ ลูคัส โพดอลสกี้ พาบอลโต้กลับมาจากแดนตัวเอง ก่อนจ่ายให้ ซานติ กาซอร์ล่า พาบอลตะลุยเข้ามายังแดนลิเวอร์พูล ก่อน ซานติ กาซอร์ล่า จ่ายคืนให้ ลูคัส โพดอลสกี้ หลุดเข้าไปซัดด้วยซ้าย ส่งบอลตุงตาข่ายให้ อาร์เซน่อล บุกนำก่อน 1-0
        หลังเสียประตู7นาที ลิเวอร์พูล มีโอกาสได้ลุ้นทวงประตูคืน จากจังหวะ ราฮีม สเตอร์ลิง ได้บอลในกรอบเขตโทษ ก่อนพลิกยิงด้วยเท้าซ้าย แต่บอลชนเสาด้านข้างออกหลังไปแบบได้เสียว

        นาทีที่40 ลิเวอร์พูล รอดเสียประตูที่สองอย่างเหลือเชื่อ เมื่อ อาบู ดิยาบี้ เปิดบอลให้ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ หลุดไปซัดโล่งๆคนเดียวด้วยเท้าซ้าย  แต่ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ยิงได้น่าผิดหวัง บอลหลุดออกหลังแบบไม่มีลุ้น
        ท้ายครึ่งแรกทั้งสองทีมบวกสกอร์เพิ่มกันไม่ได้ หมดครึ่งแรก อาร์เซน่อล จึงบุกมานำ ลิเวอร์พูล อยู่ 1-0



        เริ่ม ครึ่งหลัง ลิเวอร์พูล เจ้าถิ่นรับใบเหลืองอีกใบ จากจังหวะ มาร์ติน สเคอร์เทล ไปสไลด์เสียบบอลจากด้านหลังใส่ อาบู ดิยาบี้ ผู้ตัดสิน ฮาวเวิร์ด เว็บบ์ ควักแจกอย่างไม่ลังเล

        นาทีที่52 อาร์เซน่อล มีลุ้นอีกครั้ง เมื่อ ลูคัส โพดอลสกี้ ไหลบอลให้ คีแรน กิ๊บบ์ส เติมขึ้นมายิงด้วยซ้ายมุมแคบ แต่ โฆเซ่ เรน่า ยังล้มตัวเซฟไว้ได้

        2นาทีต่อมา ลิเวอร์พูล ชิงเปลี่ยนตัวแก้เกมก่อน โดยเปลี่ยนเอา สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง ลงมาแทน ฟาบิโอ บอรินี่

        นาทีที่58 เป็นฝ่ายหงส์แดง ได้จบสกอร์บ้าง เมื่อ สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง ตอกส้นให้ หลุยส์ ซัวเรซ หลุดเข้าไปกดยิงด้วยเท้าขวาในกรอบเขตโทษ แต่ยิงตรงตัว วีโต้ มานโนเน่ ทำให้โดนปัดข้ามคานไป

        2นาทีต่อมา คาร์ล เจนกินสัน แบ็กขวาดาวรุ่งของอาร์เซน่อล มีโอกาสเติมเกมขึ้นมาส่องไกลด้วยเท้าซ้าย ทำให้ โฆเซ่ เรน่า ต้องออกแรงพุ่งทุบ

        นาทีที่65 แม้ ลิเวอร์พูล พยายามเปิดเกมกดดัน แต่ก็ยังไม่สามารถเจาะตาข่าย อาร์เซน่อล ได้ และก็ต้องใจหายวาบ เมื่อ ซานติ กาซอร์ล่า มีโอกาสกดยิงด้วยซ้ายนอกเขตโทษ บอลหลุดเสาไปอย่างน่ารักน่าลุ้น

        นาทีต่อมา ลิเวอร์พูล ทำการเปลี่ยนตัวอีกครั้ง ด้วยการเปลี่ยนเอา นูริ ซาฮิน ออก แล้วส่ง จอนโจ เชลวี่ย์ ลงมาแทน



        นาที ที่68 สาวกเดอะกันเนอร์ส ได้เฮกันสนั่น เมื่อ ซานติ กาซอร์ล่า พาบอลลุยเข้ามาในแดนลิเวอร์พูล ก่อนชิ่งกับ ลูคัส โพดอลสกี้ หลุดเข้าไปซัดมุมแคบ โฆเซ่ เรน่า ล้มตัวรับช้า ทำให้บอลหลุดรอดตัวตุงตาข่าย อาร์เซน่อล บุกนำ 2-0 พร้อมกับเป็นประตูแรกของ ซานติ กาซอร์ล่า ในสีเสื้ออาร์เซน่อล อีกด้วย

        นาทีที่72 อาร์เซน่อล ทำการเปลี่ยนตัวบ้าง โดยเปลี่ยนเอา อารอน แรมซี่ย์ ลงมาแทน อเล็กซ์-อ๊อกเลด เชมเบอร์เลน

        นาทีที่80 ลิเวอร์พูล ได้โอกาสยิง จากจังหวะ หลุยส์ ซัวเรซ เปิดบอลให้ สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง กดยิงด้วยเท้าซ้ายข้างถนัด บอลแฉลบกองหลัง อาร์เซน่อล ออกหลังไป

        นาทีต่อมา เวนเกอร์ ทำการเปลี่ยนตัวอีก โดยส่ง อังเดร ซานโตส ลงมาแทน ลูคัส โพดอลสกี้ ผู้ทำประตูแรก

        6นาทีต่อมา ลิเวอร์พูล มีโอกาสได้ยิงเหน่งๆจาก จอนโจ เชลวี่ย์ แม้บอลจะแรง แต่ยิงไม่ห่างตัว วีโต้ มานโนเน่ มากนัก จึงล้มตัวเซฟไว้ได้หวุดหวิด

        ช่วงท้ายเกม ลิเวอร์พูล มีโอกาสได้ประตูหลายครั้งจาก หลุยส์ ซัวเรซ และ จอนโจ เชลวี่ย์ แต่บอลยังไม่ผ่านมือ วีโต้ มานโนเน่

    
นาที ที่90 อาร์เซน่อล ทำการเปลี่ยนตัวอีกครั้ง โดยส่ง โลรองต์ กอสซิแอลนี่ ลงมาแทน โธมัส แฟร์มาเล่น ก่อนทั้งสองทีมจะทำอะไรกันไม่ได้ หมดเวลา อาร์เซน่อล จึงบุกเอาชนะ ลิเวอร์พูล 2-0 เก็บชัยนัดแรกของซีซั่นของทีมปืนใหญ่ ส่วน หงส์แดงยังไม่ชนะใครต่อไปอีกนัด

รายชื่อผู้เล่น
        ลิเวอร์พูล : โฆเซ่ เรน่า 5, เกล็น จอห์นสัน 6, มาร์ติน สเคอร์เทล 6, ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์ 6, โฆเซ่ เอ็นริเก้ 6, โจ อัลเลน 7, นูริ ซาฮิน 5 (จอนโจ เชลวี่ย์ 7 น.66), ราฮีม สเตอร์ลิง 7, สตีเว่น เจอร์ราร์ด 6, หลุยส์ ซัวเรซ 6, ฟาบิโอ บอรินี่ 6 (สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง 6 น.53)

        สำรองไม่ได้ใช้ : แบร๊ด โจนส์, เซบาสเตียน โคอาเตส, มาร์ติน เคลลี่, เจมี่ คาร์ราเกอร์, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน

        ใบเหลือง : มาร์ติน สเคอร์เทล, จอนโจ เชลวี่ย์


        อาร์เซน่อล : วีโต้ มานโนเน่ 7, คาร์ล เจนกินสัน 6, แพร์ แมร์เตซัคเกอร์ 7, โธมัส แฟร์มาเล่น 8 (โลร็องต์ กอสซิแอลนี่ น.90), คีแรน กิ๊บบ์ส 6, อาบู ดิยาบี้ 8, มิเกล อาร์เตต้า 7, ซานติ กาซอร์ล่า 8, อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน 6 (อารอน แรมซี่ย์ 6 น.71), ลูคัส โพดอลสกี้ 7 (อันเดร ซานโต๊ส 6 น.82), โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ 5

        สำรองไม่ได้ใช้ : ดาเมียน มาร์ติเนซ, ฟร็องซิส โกเกแล็ง, ธีโอ วัลค็อตต์, แชร์วินโญ่

        ใบเหลือง : แพร์ แมร์เตซัคเกอร์, มิเกล อาร์เตต้า


        ผู้ตัดสิน : ฮาวเวิร์ด เว็บบ์

ข้อมูล:siamsport

หางาน เชียงใหม่