วันพฤหัสบดีที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ฟาวเลอร์ เตือน ว่าที่กุนซือใหม่ลิเวอร์พูล ฤดูกาลหน้าไม่ง่าย


ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ อดีตกองหน้าของลิเวอร์พูล สโมสรขวัญใจมหาชน เชื่อมั่นว่า อดีตต้นสังกัดของเขาจะต้องพบกับฤดูกาลที่ยากลำบากในซีซั่นหน้า รวมถึงเบรนแดน ร็อดเจอร์ส ว่าที่กุนซือคนใหม่ ก็จะต้องเหนื่อนหนักแน่หากได้รับการแต่งตั้งเข้ามาคุมทัพ

        กุนซือชาวไอร์แลนด์เหนือ ตกเป็นข่าวว่าได้โบกมือลาสวอนซี พร้อมตกลงยอมรับสัญญา 3 ปี เป็นนายใหญ่คนใหม่ในถิ่นแอนฟิลด์ เมื่อวันพุธที่ 30 พฤษภาคม ที่ผ่านมา แทนตำแหน่งของเคนนี่ ดัลกลิช นายใหญ่ชาวสกอตติช ที่โดนไล่ออกจากตำแหน่ง เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน

        ฟาวเลอร์ เชื่อว่า แม้ผู้จัดการทีมวัย 39 กะรัต จะสมควรได้รับการยกย่องเป็นอย่างสูงจากผลงานที่ฝากไว้ในถิ่นลิเบอร์ตี้ สเตเดี้ยม แต่เจ้าตัวอาจต้องเจอกับงานหนักอย่างยิ่งที่จะพา "หงส์แดง" ลดช่องว่างจากทีมที่ได้ท็อปโฟร์ ในซีซั่นก่อน


 
        อดีตศูนย์ หน้าเมืองทอง ยูไนเต็ด กล่าวว่า "สำหรับสิ่งที่เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ประสบความสำเร็จกับสวอนซี เขาสมควรได้รับความเคารพเป็นอย่างยิ่ง เขาทำงานภายใต้โชเซ่ มูรินโญ่ ที่เชลซี ดังนั้น เขารู้เรื่องการทำตามเป้าหมาย และเขาเคยทำงานร่วมกับนักเตะชั้นนำ มันคงเป็นก้าวย่างที่ยิ่งใหญ่สำหรับร็อดเจอร์สในการคุมทีมลิเวอร์พูล หากเขาได้งาน เหมือนกับที่ได้รับการคาดหมายในตอนนี้"

        "ผู้จัดการทีมคนใหม่จำเป็นต้องนำนักเตะใหม่เข้ามาอีกครั้งเพื่อนำลิเวอร์พูลจาก ทีมที่อยู่ใน 8 อันดับแรก ไปอยู่ในท็อปโฟร์ นี่จะเป็นเรื่องยาก มันเป็นความท้าทายครั้งใหญ่ เพราะทีมท็อปโฟร์จะนำนักเตะใหม่เข้ามามากมาย และการกลืนกินจะเพิ่มสูงขึ้นอีกครั้ง ผมต้องบอกว่า ตอนนี้ฤดูกาล 2012-2013 ดูเหมือนจะเป็นอีกหนึ่งฤดูกาลที่ยากลำบากสำหรับแฟนบอลลิเวอร์พูล"

วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

"ลาแล้ว คิงเคนนี่" หลังโดนบอร์ดปลดจากตำแน่ง พร้อมขอบคุณนักเตะและทีมงาน


เคนนี่ ดัลกลิช กุนซือชาวสกอตต์ ของทีม "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ได้ก้าวลงเจ้าเก้าอี้กุนซือเป็นที่เรียบร้อย หลังจากบินไปถกเครียดกับ จอห์น เฮนรี่ เจ้าของทีมตัวจริง และ ทอม เวอร์เนอร์ ประธานสโมสร ถึงประเทศสหรัฐฯ

โดยรายงานระบุว่า "คิงเคนนี่" สร้างความไม่พอใจให้กับเจ้าของทีมเป็นอย่างมาก แม้จะพาลิเวอร์พูลคว้าแชมป์คาร์ลิ่งคัพมาครองได้สำเร็จ

ทว่าผลงานในลีกกลับทำได้อย่างน่าผิดหวัง โดยจบอันดับที่ 8 ของตาราง และแพ้ในลีกไปถึง 14 เกมด้วยกัน มีเพียง 52 คะแนน ซึ่งถือว่าน้อยสุดนับตั้งแต่ฤดูกาล 1953-54 เป็นต้นมาเลยทีเดียว

เคนนี่ ดัลกลิช อดีตผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล เปิดใจให้สัมภาษณ์ครั้งแรก หลังออกประกาศแยกทางกับต้นสังกัดเมื่อไม่นานที่ผ่านมา ทำซึ้งโร่ขอบคุณทุกฝ่าย ทั้ง แฟนบอล, ทีมงาน และเจ้าของสโมสร ที่ช่วยทำให้ได้มีโอกาสคุมทีมในถิ่น แอนฟิลด์ อีกครั้ง อย่างที่เคยใฝ่ฝันเอาไว้

"คิงเคน" เผยผ่านเว็บไซต์ของ ลิเวอร์พูล ว่า "ผมได้รับเกียรติและสิทธิพิเศษมากๆ ที่ได้โอกาสกลับมา ลิเวอร์พูล อีกครั้งในฐานะผู้จัดการทีม ผมขอขอบคุณ นักเตะและทีมงานทุกคน ที่ได้ร่วมงานกัน และรู้สึกภาคภูมิใจอย่างมาก ที่เราได้มีส่วนร่วมกับการพาทีมคว้าแชมป์แรกในรอบ 6 ปี และเกือบจะได้อีกใบใน เอฟ.เอ คัพ"


"แม้ผมจะผิดหวังไม่น้อยที่ต้องแยกทางกันไป แต่สิ่งหนึ่งที่ผมอยากจะพูดคือ เจ้าของสโมสรให้ความเคารพและปฏิบัติต่อผมอย่างสมเกียรติ สะท้อนให้เห็นถึงคุณภาพในการบริหารงาน ซึ่งพวกเขาต้องการพัฒนาทีมต่อไปเรื่อยๆ เหมือนอย่างที่เคยลั่นวาจาเอาไว้สมัยที่พวกเขาเพิ่งเข้ามาเมื่อตอนแรก"

"ผมขอขอบคุณทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องที่ให้การสนับสนุนผมอย่างดีมาตลอด โดยเฉพาะแฟนบอลและสโมสรที่ให้การสนับสนุนผมมาตลอด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเราก็ตาม ผมคงไม่ประสบความสำเร็จอย่างเช่นทุกวันนี้ หากไม่มีพวกเขาและสโมสร ลิเวอร์พูล"


หางาน    งาน       job       ประกาศรับสมัครงาน

วันพุธที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

จบไม่สวย หงส์แดงบุกพ่ายหงส์ขาว 0-1 จบที่ 8



ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
วันอาทิตย์ที่ 13 พฤษภาคม 2555
สวอนซี 1       -      0 ลิเวอร์พูล

สนาม : ลิเบอร์ตี้ สเตเดี้ยม

        เป็นเกมที่ไม่มีความหมายอะไรแล้ว สวอนซี ยังจัดชุดใหญ่ลงสนามได้ ลีออน บริตตัน ฟิตกลับมาเป็นตัวจริงอีกครั้ง แนวรุกยังมี สกอตต์ ซินแคลร์, แดนนี่ เกรแฮม และ เนธาน ดายเออร์ เหมือนเดิม

        ด้าน หงส์แดง ปรับทัพสองจุดจากเกมล่าสุดที่ถล่ม เชลซี โดยส่ง อเล็กซานเดอร์ โดนี่ ลงเฝ้าเสาแทน โฆเซ่ เรน่า ที่ป่วย และอีกคน มาร์ติน เคลลี่ ลงคุมเกมรับแทน มาร์ติน สเคอร์เทล


        รูปเกมในครึ่งแรกเป็นของ สวอนซี ที่ครองบอลบุกได้ดีกว่า และมีโอกาสทำประตูขึ้นนำในนาทีที่ 9 โจ อัลเลน มีจังหวะกึ่งยิงกึ่งผ่านไปหน้าประตู แดนนี่ เกรแฮม พุ่งเข้าชาร์จไม่ทันนิดเดียว


        ให้หลัง 2 นาที เจมี่ คาร์ราเกอร์ คืนบอลด้วยเท้าให้ โดนี่ ใช้มือรับ เลยเป็นฟรีคิกในกรอบโทษของเจ้าถิ่น กิลฟี่ ซิกูร์ดส์สัน ไหลให้ สกอตต์ ซินแคลร์ เป็นคนตะบันด้วยขวาแต่ไปติดบล็อคออกหลัง


        สวอนซี มาได้ฟรีคิกในระยะหวังผลแค่ 20 หลาในนาทีที่ 32 กิลฟี่ ซิกูร์ดส์สัน บรรจงปั่นโค้งข้ามกำแพงไปแล้ว แต่ โดนี่ เซฟออกหลังไปได้อย่างยอดเยี่ยม


        ท้ายครึ่งแรก กลับมาเป็น หงส์แดง ที่มีโอกาสลุ้นประตูบ้าง แต่ลูกโหม่งของ แอนดี้ แคร์โรลล์ ถูก มิเชล ฟอร์ม เซฟเอาไว้ และลูกยิงด้วยซ้ายระยะ 6 หลาก็โด่งข้ามคาน


        เกมจะจบครึ่งแรกอยู่แล้ว แต่ แคร์โรลล์ กับ แอชลี่ย์ วิลเลียมส์ กองหลังสวอนซี มีปัญหากัน สุดท้ายผู้ตัดสินต้องแจกใบเหลืองเป็นการปรามทั้งคู่ จบครึ่งแรก เสมอกันอยู่ 0-0


        กลับมาเล่นครึ่งหลัง ทั้งสองทีมเปิดเกมบุกแลกกันมากขึ้น นาทีที่ 60 เป็นโอกาสของ สวอนซี โดย สกอตต์ ซินแคลร์ ลากเข้าเขตโทษฝั่งซ้ายแล้วกดด้วยซ้ายข้ามคานออกไป


        จากลูกเตะมุมของเจ้าถิ่นในอีก 3 นาทีต่อมา กิลฟี่ ซิกูร์ดส์สัน โยนไปให้ สตีเว่น คอลเกอร์ เซนเตอร์ฮาล์ฟ โหม่งระยะ 6 หลาข้ามคานออกไปอีก


        หงส์แดง ก็มีจังหวะงามๆ ลุ้นประตูเหมือนกันในนาทีที่ 74 หลุยส์ ซัวเรซ เตะมุมไปให้ แดเนี่ยล แอ็กเกอร์ โหม่งไปติดเซฟ มิเชล ฟอร์ม และให้หลัง 2 นาที แอนดี้ แคร์โรลล์ ได้ซัดด้วยขวาในกรอบโทษไม่ผ่านมือ ฟอร์ม อีก


        เกมทำท่าว่าจะจบแบบเสมอ แต่เป็น สวอนซี ที่มาได้ประตูชัย 1-0 ในนาทีที่ 86 อังเกล รานเกล เปิดบอลจากกราบขวาให้ แดนนี่ เกรแฮม ซัดด้วยขวาจากระยะ 6 หลาเข้าไป เป็นประตูที่ 14 ของ เกรแฮม ในซีซั่นนี้ และเป็นประตูที่ 100 ในอาชีพค้าแข้งด้วย


        จบเกม สวอนซี เฉือนชนะ ลิเวอร์พูล 1-0 จบฤดูกาลแบบสวยหรูสำหรับทีมน้องใหม่ ขณะที่หงส์แดงผลงานในลีกซีซั่นนี้ไม่ดีนักจบที่อันดับ 8 ของตาราง


รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม


        สวอนซี : มิเชล ฟอร์ม, อังเคล รานเคล, สตีเว่น คอลเกอร์, แอชลี่ย์ วิลเลียมส์, นีล เทย์เลอร์, โจ อัลเลน, ลีออน บริตตัน, เนธาน ดายเออร์ (เวย์น เราท์เล็ดจ์ น.79), กิลฟี่ ซิกูร์ดส์สัน (มาร์ค โกเวอร์ น.88), สกอตต์ ซินแคลร์, แดนนี่ เกรแฮม

        สำรองไม่ได้ใช้ : แกร์ฮาร์ด เทรมเมล, อลัน เทต, แกร์รี่ มองค์, ลุค มัวร์, เกวียน เอ็ดเวิร์ดส์

        ใบเหลือง : วิลเลียมส์


        ลิเวอร์พูล : อเล็กซานเดอร์ โดนี่, มาร์ติน เคลลี่, เจมี่ คาร์ราเกอร์, ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์, เกล็น จอห์นสัน, สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง (เคร็ก เบลลามี่ น.60), จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, จอนโจ เชลวี่ย์, มักซี่ โรดริเกซ (เดิร์ก เค้าท์ น.73), หลุยส์ ซัวเรซ, แอนดี้ แคร์โรลล์

        สำรองไม่ได้ใช้ : แบร๊ด โจนส์, โฆเซ่ เอ็นริเก้, เซบาสเตียน โกอาเตส, เจย์ สเปียริง, ราฮีม สเตอร์ลิง

        ใบเหลือง : แคร์โรลล์


        ผู้ตัดสิน : มาร์ค ฮัลซีย์


สรุปผลผุตบอล พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ
- แมนฯ ซิตี้ ชนะ ควีนส์ปาร์ค  3 - 2
- ซันเดอร์แลนด์ ชนะ  แมนฯ ยูไนเต็ด  0 - 1
- เชลซี ชนะ แบล็คเบิร์น    2 - 1
- วีแกน ชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน    3 - 2
- เวสต์บรอมวิช แพ้ อาร์เซน่อล   2 - 3
- สเปอร์ส ชนะ ฟูแล่ม   2 - 0
- สวอนซี ชนะ ลิเวอร์พูล   1 - 0
- สโต๊ค ซิตี้ เสมอ โบลตัน   2 - 2
- นอริช ซิตี้ ชนะ แอสตัน วิลล่า  2 - 0 
- เอฟเวอร์ตัน ชนะ นิวคาสเซิ่ล   3 - 1

หางาน    งาน       job       ประกาศรับสมัครงาน

วันพุธที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

หงส์แดงชำระแค้นสะใจเปิดบ้านถล่มเชลซี 4-1


พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
ลิเวอร์พูล 4:1 เชลซี

                  "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟิลด์ รับการมาเยือนของ "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี

ครึ่งแรกเริ่มเกมมา  17 นาทีเป็นเชลซีที่ได้ลุ้นก่อน  ฟลอร็องต์ มาลูด้า เปิดเตะมุมจากขวาเข้ามาให้ บรานิสลาฟ อิวาโนวิช ขึ้นโขกแต่บอลพุ่งโดนเสาเด้งออกมา

นาที 19 เจ้าถิ่นมาออกนำ 1-0 จากจังหวะที่ เกล็น จอห์นสัน ทุ่มเร็วมาให้ หลุยส์ ซัวเรซ กระชากมาทางขวาก่อนเตะรอดขา จอห์น เทอร์รี่ แล้วลากถึงเส้นหลังตามด้วยตบยัดมาโดนขามิชาเอล เอสเซียง เข้าประตูตัวเองไป

นาที 25 หงส์แดงขยับหนี 2-0 เมื่อ มักซี่ โรดริเกซ แทงบอลจากทางซ้าย จอห์น เทอร์รี่ ดันไปลื่นปล่อยให้ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน พาบอลเข้าไปแปด้วยขวาเสียบเสาไกล

ถัดมา 3 นาทีเจ้าถิ่นหนีห่าง 3-0 จากลูกเตะมุมทางซ้าย สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง สาดมาเสาไกล แอนดี้ แคร์โรลล์ สอดมาโขกชงกลับไปให้ แดเนียล แอ็กเกอร์ โขกเสียบใต้คานไม่เหลือ

นาที 35 เป็นโอกาสของเชลซีเมื่อเฟร์นานโด ตอร์เรส แตะบอลเข้าเขตโทษด้านขวาก่อนกดเต็มข้อบอลพุ่งกระทบคานอย่างจัง

นาที 42 หงส์แดงมาได้ลุ้นจากจังหวะที่ หลุยส์ ซัวเรซ แปะบอลกลับมาให้ สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง แต่งบอลก่อนหวดตูมเดียวบอลพุ่งฮุกชนคานน่าเสียดาย

ช่วงทด เจ็บครึ่งแรกหงส์แดงได้จุดโทษเมื่อ บรานิสลาฟ อิวาโนวิช ไปจงใจสับศอกใส่ แอนดี้ แคร์โรลล์ แต่ สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง กลับซัดไปชนโคนเสากระเด้งออกมาและหมดครึ่งแรกลิเวอร์พูลนำ 3-0

ครึ่ง หลังนาที 50 ทีมเยือนมาตีไข่แตกสำเร็จจากฟรีคิกทางขวา ฟลอร็องต์ มาลูด้า เปิดเข้ากลางบอลมาตกใส่ รามิเรส พุ่งเข้าชาร์จไปติด เปเป้ เรน่า แต่ยังปลิ้นเข้าประตูไป

นาที 61 หงส์แดงมาหนีห่าง 4-1 เมื่อ รอสส์ เทิร์นบูลล์ เตะเปิดเกมไม่ดีมาเข้าทาง จอนโจ เชลวี่ย์ จับหนึ่งจังหวะก่อนสับไกกว่า 35 หลาตุงตาข่าย

นาที 73 เชลซ น่าได้เพิ่มเมื่อ รามิเรส ลุยเข้าเขตโทษ ก่อนตอกส้นให้ แดเนียล สเตอร์ริดจ์ ตักมาที่กลางประตู โรเมลู ลูกากู ตัวสำรองได้โขกจ่อๆ แต่ไปตรง เปเป้ เรน่า ปัดออกมาได้

ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมยังเปิดเกมบุกแลกกันแต่ไม่ มีประตูเพิ่มทำให้จบเกม  ลิเวอร์พูล  เอาชนะ เชลซี 4-1 เก็บชัยในแอนฟิลด์เป็นการส่งท้าย แต่ก็หลุดจากท็อป 4 เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ฤดูกาล 2002-03 ส่วนเชลซีหมดลุ้นโควต้าแชมเปี้ยนส์ลีกแล้วเช่นกัน



รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
ลิเวอร์พูล : โฆเซ่ เรน่า, เกล็น จอห์นสัน, เจมี่ คาร์ราเกอร์, มาร์ติน สเคอร์เทล, แดเนียล แอ็กเกอร์, สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, จอนโจ เชลวี่ย์, มักซี่ โรดริเกซ, หลุยส์ ซัวเรซ, แอนดี้ แคร์โรลล์

เชลซี : รอสส์ เทิร์นบูลล์, เปาโล แฟร์เรยร่า, บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, จอห์น เทอร์รี่, ไรอัน เบอร์ทรานด์,มิชาเอล เอสเซียง, โอริโอล โรเมอู, รามิเรส, แดเนียล สเตอร์ริดจ์, ฟลอร็องต์ มาลูด้า, เฟร์นานโด ตอร์เรส


หางาน    งาน       job       ประกาศรับสมัครงาน

วันจันทร์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

หงส์แดงทำได้แค่รองแชมป์ หลังพ่ายเชลชี 1-2 ศึกเอฟเอคัพ นัดชิง

ฟุตบอล เอฟเอ คัพ รอบชิงชนะเลิศ 
วันเสาร์ที่ 5 พฤษภาคม 2555




เชลชี 2 - 1 ลิเวอร์พูล
สนาม : เวมบลีย์


         ศึก ฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบชิงชนะเลิศ "สิงห์บลูส์" เชลซี บู๊กับ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล โดยเชลซี ส่ง ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา เป็นหัวหอกตัวเป้า ขณะที่ ลิเวอร์พูล ใช้ เคร็ก เบลลามี่ จับคู่ หลุยส์ ซัวเรซ ในการล่าตาข่าย ส่วน แอนดี้ แคร์โรลล์ มีชื่อเพียงสำรองเท่านั้น


     เริ่ม เกมมาเพียง11นาที สาวกสิงห์บลูส์ ได้เฮกันลั่นก่อน เมื่อ รามิเรส ได้บอลจากกลางสนาม ก่อนใช้ความแข็งแกร่ง เบียดเอาชนะ โฆเซ่ เอ็นริเก้ หลุดเข้าไปสับไกยิงด้วยขวา ส่งบอลตุงตาข่ายให้ เชลซี นำอย่างรวดเร็ว 1-0

     หลัง เสียประตู2นาที ลิเวอร์พูล มีโอกาสใกล้เคียงบ้าง เมื่อ เคร็ก เบลลามี่ ได้วอลเล่ย์ด้วยเท้าขวาในกรอบเขตโทษ แต่ บรานิสลาฟ อิวาโนวิช สกัดหน้าประตูได้อย่างหวุดหวิด

     นาทีที่23 แฟนหงส์ ได้ใจหายวาบ เมื่อ โซลามง กาลู พาบอลแหวกมาจากริมเส้นฝั่งซ้าย เกือบทะลุผ่านเข้าไปสับไกในกรอบเขตโทษ แต่ ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์ ยังไว ล้มตัวสกัดได้ทัน

     10นาทีต่อมา เชลซี ได้ฟรีคิกระยะ40หลา ฆวน มาต้า เปิดโด่งไปที่หน้าประตู แต่แนวรับของ ลิเวอร์พูล ยังสกัดทิ้งไปได้ ก่อนบอลเข้าทางนักเตะเชลซี

     นาที ที่37 เชลซี โดนใบเหลืองไปก่อน เมื่อ จอห์น โอบี มิเกล ไปเสียบหนักใส่ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ผู้ตัดสินชูใบเหลืองเตือนทันที ก่อน เชลซี มีโอกาสได้จบอีกครั้ง จากจังหวะยิงไกลระยะ40หลาของ ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา แต่บอลเบาและไม่ตรงกรอบ

     ก่อนหมดเวลา5นาที ลิเวอร์พูล ได้ลูกเตะมุมครั้งแรก และมีโอกาสเปิดเข้ามากดดัน จาก สตีเว่น เจอร์ราร์ด แต่ ปีเตอร์ เช็ก ยังชกทิ้งเคลียร์บอลไว้ได้

     ช่วง ท้ายครึ่งแรก เป็นฝ่าย ลิเวอร์พูล ที่รับใบเหลืองไปบ้าง เมื่อ ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์ ไปเข้าบอลหนักใส่ จอห์น โอบี มิเกล ผู้ตัดสินฟิล ดาวด์ ชูใบเหลืองให้บ้าง ก่อนหมดครึ่งแรก ทำอะไรกันไม่ได้ เชลซี จึงนำ ลิเวอร์พูล อยู่ 1-0

     มาลุ้นระทึกกันต่อในครึ่งเวลาหลังทั้งสองทีมยังคงไม่ มีรายงานการเปลี่ยนตัวผู้เล่นแต่อย่างใดและก็เป็นเชลซีที่ได้จังหวะทักทาย ก่อน จากดร็อกบา ที่ไหลบอลเข้าไปให้ แอชลี่ย์ โคล ในเขตหงส์แดงแต่บอลกระดอนไปเข้ามือ เรน่า รับเข้าซองไว้ได้

     นาที ที่ 48 เชลซี ได้ลูกแตะมุมทางด้านซ้าย แลมพาร์ด รับหน้าที่โยนเข้ามาและเป็น เทอร์รี่ที่เบียด สเคอร์เทล เข้ายิงแต่ผู้ตัดสินเป่าให้หงส์แดงได้ฟาวน์

     สี่ นาทีถัดมาเป็นทัพสิงห์บูลส์ที่เดินเกมบุกขึ้นมาบ้างและก็ได้ประตูขึ้นนำเป็น 2-0 จากจังหวะจ่ายบอลของ แลมพาร์ด ส่งต่อไปให้ ดร็อกบา จับหนึ่งจังหวะก่อนซัดด้วยเท้าซ้ายบริเวณเส้นกรอบโทษของฝั่งหงส์แดงบอลพุ่ง รอดขา สเคอร์เทล ไปทางเสาไกล เรน่า ได้แต่ป้องกันด้วยสายตาบอลเสียบมุมเข้าไปอย่างสวยงาม


     นาที ที่ 54 หงส์แดงพยายามโหมบุกอย่างหนักและเกือบมาได้ประตูตีเสมอ จากการซัดในกรอบเขตโทษเชลซีของ ซัวเรซ แต่ไม่ผ่านมือ ปีเตอร์ เช็ก ที่ปัดบอลออกไปได้ และนาทีต่อมา หงส์แดง ตัดสินใจเติมเกมรุกโดยส่ง แอนดี้ แคร์โรลล์ ลงมาแทน เจย์ สเพียริ่ง

     นาทีที่ 59 ทัพสิงห์มีโอกาสลุ้นอีกครั้งจากจังหวะสับไกขอ กาลู ในกรอบเขตโทษฝั่งซ้ายแต่บอลลอยโด่งหลุดออกเสาไกลไปอย่างน่าเสียดาย

     ผ่าน พ้นมาถึงนาทีที่ 61 สิงห์บูลส์ได้ลูกฟรีคิกกลางกรอบเขตโทษระยะประมาณ 30 หลาจากจังหวะทำฟาวน์ของ ซัวเรซ ที่เข้าตัดจังหวะการยิงของ ดร็อกบา และเป็น แลมพาร์ด ที่รับหน้าที่ปั่นบอลหลุดออกเสาสองไปอย่างได้ลุ้น

     เสียง เฮของเหล่าสาวกหงส์แดงได้เฮลั่นสนั่นกันอีกครั้ง นาทีที่ 64เมื่อได้ประตูตีตื้นเป็น 1-2 จากจังหวะที่ แอนดี้ แคร์โรลล์ หลุดเข้าไปพาบอลหลบ จอห์น เทอร์รี่ ถึงสองจังหวะก่อนซัดด้วยเท้าซ้ายเต็มแรงบอลพุ่งเสียบเสาเข้าไปตาข่ายสั่น สะเทือน ปีเตอร์ เช็ก ที่พุ่งสุดตัวแต่ป้องกันไว้ไม่ทัน




     และดู เหมือนว่าองศาของเกมรุกจะตกไปอยู่ที่หงส์แดงทันทีเมื่อได้เดินเกมบุกเข้าใส่ ทัพสิงห์บูลส์อย่างต่อเนื่อง นาทีที่ 70 แคร์โรลล์ ขึ้นโหม่งตั้งบอลกลับไปให้ เจอร์ราร์ด ที่วิ่งเข้ามาวอลเล่ย์ด้วยเท้าขวาหน้ากรอบเขตโทษ เชลซี เต็มข้อด้วยเท้าขวาแต่บอลเหินออกไปไกล

     ดูเหมือนว่าเกมบุกของ สิงห์บูลลส์จะช็อตไปดื้อนาทีที่ 74 หงส์แดงที่โหมบุกมาได้ลุ้นเสียวสันหลังอีกครั้งจากการพาบอลขึ้นมาทางฝั่ง ซ้ายของ โฆเซ่ เอ็นริเก้ ก่อนเปิดบอลโด่งเข้ามาในเขตโทษเชลซี และเป็น แคร์โรลล์ ที่โหมขึ้นโหม่งบอลได้แต่หลุดออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย

     นาทีที่ 76 เชลซี เปลี่ยนตัวผู้เล่นโดยส่ง ราอูล เมยเรเลส ลงมาแทน รามิเรส ผู้ซัดประตูแรกของเกมออก

     นาที ที่ 73 หงส์แดง ได้จังหวะซัดประตูอีกครั้งจากจังหวะที่ หลุยส์ ซัวเรซ สับไกลทางด้านขวาของกรอบเขตโทษทัพสิงห์ แต่เป็น เช็ก ที่พุ่งปัดออกไปได้

     นาทีที่ 78 หงส์แดง เปลี่ยนตัวผู้เล่นอีกหนึ่งคนโดยส่ง เดิร์ก เค้าท์ ลงมาแทน เคร็ก เบลลามี่

     หงส์ แดงยังคงเดินหน้าครองเกมบุกได้อย่างต่อเนื่อง และนาที่ที่ 81 พลาดโอกาสได้ประตูตีเสมออย่างน่าเสียดาย เมื่อ แคร์โรลล์ ได้ขึ้นโขกโล่งๆ ไม่ถึง 5 หลาทางฝั่งซ้ายบอลพุ่งเข้ากรอบแต่เป็น ปีเตอร์ เช็ก ที่พุ่งปัดออกไปได้ แต่จังหวะดังกล่าวเกิดการประท้วงของผู้เล่น หงส์แดง ที่คิดว่าบอลข้ามเส้นเข้าไปแล้ว แต่เมื่อกลับมาดูภาพช้าจากกล้องกลายเป็นซูปเปอร์เซฟของ เช็ก เนื่องจากบอบปัดชนคานแล้วบอบตกออกไปนอกเส้น

     เกมดำเนินมาถึง ช่วง 5 นาทีสุดท้าย หงส์แดงยังคงโหมบุกอย่างหนักและมาได้ลูกฟรีคิกระยะประมาณ 18 หลา ทางขวาของกรอบเขตโทษสิงห์บูลส์ และเป็น เจอร์ราร์ดที่ตัดสินใจปั่นด้วยขวาบอลไปติด ดร็อกบา ออกหลัง หงส์แดงได้ลูกแตะมุม

     นาทีที่ 89 หงส์แดง มาได้ลูกแตะมุมอีกหนึ่งครั้ง ดาวนิ่ง ปั่นด้วยเท้าซ้ายเข้ามาแต่แข้งเชลซีช่วยกันโหม่งสกัดออกมาได้

     นาทีที่ 91 เชลซี เปลี่ยนผู้เล่นอีกหนึ่งคนโดยส่ง ฟลอรองต์ มาลูด้า ลงมาแทน มาต้า

     ลิ เวอร์พูล ไม่รอช้าโหมบุกอย่างเต็มกำลังและเกือบมาได้ลุ้นอีกในนาทีที่ 92 จากการหลุดไปซ้ดด้วยเท้าซ้ายของ แคร์โรลล์ แต่ด้วยมุมที่แคบจิงทำให้ไม่ผ่านแผงหลังเชลซีที่สกัดออกไปได้
     นาทีที่ 94 สิงห์บูลส์มาได้ลุ้นอีกหนึ่งจังหวะจากลูกฟรีคิกหน้ากรอบเขตโทษหงส์แดงบ้าง ระยะประมาณ 25 หลา เป็น แฟร้งค์ แลมพาร์ด ที่ซัดด้วยเท้าขวาบอลเข้ากรอบ เรน่า ต้องออกแรงปัดแต่ยังตามมารับไว้ได้ทัน

     ช่วงทดเวลาที่เหลือไม่มีฝ่ายใดทำประตูเพิ่มได้จบเกม เชลซี เฉือนเก็ยเหนือ ลิเวอร์พูล ไปแบบสุดมันส์ 2-1 ผงาดคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ ประจำฤดูกาล 2011-2012 ไปครองได้อย่างยิ่งใหญ่ ส่งผลให้ทัพสิงห์คว้าแชมป์เป็นสมัยที่ 7 และนับเป็นการคว้าถ้วยใบเก่าแก่ที่สุดแห่งเกาะอังกฤษ 4 สมัย ในรอบ 6 ปีที่เข้าชิงฯ อีกด้วย





รายชื่อนักเตะของทั้งสองทีมเชลซี(4-2-3-1):ปี เตอร์ เช็ก , โชเซ่ โบซิงวา, บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, จอห์น เทอร์รี่, แอชลี่ย์ โคล,จอห์น โอบี มิเกล,แฟร้งค์ แลมพาร์ด, รามิเรส,โซลามง กาลู, ฆวน มาต้า,ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา

สำรอง : รอสส์ เทิร์นบูลล์,เปาโล แฟร์ไรร่า,ไมเคิ่ล เอสเซียง,ราอูล เมยเรเลส,ฟลอรองต์ มาลูด้า,เฟร์นันโด ตอร์เรส,ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์

ลิเวอร์พูล(4-4-2):โฆ เซ่ เรน่า, เกล็น จอห์นสัน,มาร์ติน สเคอร์เทล,ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์,โฆเซ่ เอ็นริเก้,จอร์แดน เฮนเดอร์สัน,เจย์ สเพียริ่ง,สตีเว่น เจอร์ราร์ด,สจ๊วร์ต  ดาวนิ่ง,เคร็ก เบลลามี่,หลุยส์ ซัวเรซ

สำรอง : อเล็กซานเดอร์ โดนี่,มาร์ติน เคลลี่,เจมี่ คาร์ราเกอร์,มักซี่ โรดริเกซ, จอนโจ เชลวี่ย์,เดิร์ก เค้าท์,แอนดี้ แคร์โรลล์

ผู้ตัดสิน:ฟิล ดาวด์


หางาน    งาน       job       ประกาศรับสมัครงาน

วันพุธที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

หงส์ส่งสำรองลงเปิดบ้านพ่ายฟูแล่ม 0-1



ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
 

วันอังคารที่ 1 พฤษภาคม 2555 
ลิเวอร์พูล 0      -      1 ฟูแล่ม

สนาม : แอนฟิลด์

        ลิเวอร์พูลซึ่งไม่เคยแพ้คารังให้กับฟูแล่มในลีกปรับทีมเก้าราย จากเกมบุกไปขยี้นอริช 3-0 รอเล่นนัดชิงชนะเลิศเอฟเอคัพกับเชลซีในวันเสาร์นี้เหลือแค่จอนโจ้ เชลวีย์กับจอร์แดน เฮนเดอร์สันในโผตัวจริงเพียงแค่สองรายเท่านั้น

        ขณะเดียวกัน สตาร์อย่างสตีเว่น เจอร์ราร์ด , โฆเซ่ เรน่า , หลุยส์ ซัวเรซ และเคร็ก เบลลามี่ต่างก็ได้พักทั้งหมด
        ส่วนเจ้าสัวซึ่งเกมล่าสุดบุกไปแพ้เอฟเวอร์ตันยับ 4-0 ยังไม่มีกุนซือมาร์ติน โยลที่ป่วยคุมทีม ทำให้ผู้ช่วยบิลลี่ แม็คกินลีย์ทำหน้าที่แทนเป็นเกมที่สอง แต่กลับมาใช้งานแดนนี่ เมอร์ฟีย์อดีตกองกลางเร้ด แมชีนและสตีเฟ่น เคลลี่ พร้อมเปิด
โอกาสให้ดาวรุ่งอเล็กซ์ คากานิคลิชได้โชว์ฝีเท้าเป็นการปรับทัพสามจุด


        เริ่มเกมมา 5 นาทีลิเวอร์พูลก็สังเวยประตูให้กับทีมเยือนอย่างเร็วจี๋เมื่อคลิน เดมป์ซีย์ไหลบอลออกกราบซ้ายให้ยอห์น อาร์เน่ รีเซ่อดีตกองกลังหงส์เติมไปโยนบอลเข้าหาเสาแรกโดยมีพาเวล โปรเกร็บเนี๊ยคชาร์จ แต่บอลกระดอนไปโดนหน้าอก มาร์ติน สเคอร์เทล กัปตันทีมเจ้าบ้าน เป็นการสกัดบอลเข้าประตูตัวเองโดยที่อเล็กซานเดอร์ โดนี่ผวาปัดไม่ทันทำให้ทีมจากลอนดอนนำ 1-0


        ถัดมาในนาทีที่ 15 เดมป์ซีย์ก็แผลงฤทธิ์ชิพบอลจากแถวสองข้ามแนวรับลิเวอร์พูลให้โปรเก ร็บเนี๊ยคสปีดเข้าจิ้มด้วยหัวเกือกระยะ 12 หลา ทว่าโดนี่กระโจนปัดทิ้งได้ทัน
        กระทั่งนาทีที่ 24 เจ้าบ้านจึงจะได้เสียวจากจังหวะขลุกขลิกหน้าเขตโทษที่บอลปลิ้นมาให้เดิร์ก เคาท์ปราดเข้าส่องระยะ 20 หลาเฉี่ยวกรอบประตูออกไป


        จากนั้นอีกสี่นาที หงส์แดงก็น่าจะตีเสมอได้จากการวางบอลยาวทางกราบขวาที่มาร์ค ชวาร์เซอร์ขยับออกมาคว้าหลุดมือ แล้วเชลวีย์ได้เก็บตกจาก 15  หลาผ่านการปัดของชวาร์เซอร์แล้ว แต่มีเบรเด้ ฮังเกลันด์เตะทิ้งได้ก่อนที่บอลจะพ้นเส้นประตู


        เกมของลิเวอร์พูลเริ่มดีขึ้นเป็นลำดับ และนาทีที่ 36 จากลูกเตะมุมด้านขวา แอนดี้ แคร์โรลล์ก็โขกจากเสาไกลกลับมาให้มักซี่โหม่งจาก 12 หลาโด่งข้ามคานออกไป
        ล่วงมาถึงนาทีที่ 45 ลิเวอร์พูลได้ลุ้นอีกหน คราวนี้เป็นฟาบิโอ ออเรลิโอตักบอลจากกราบซ้ายเข้าเขตโทษให้แคร์โรลล์โขกจาก 12 หลา แต่บอลไปตรงตัวให้ชวาร์เซอร์ปัดได้พอดี จบครึ่งแรกเจ้าสัวจึงนำหน้า 1-0
        ครึ่งหลังเจ้าบ้านส่งสจ๊วร์ต ดาวนิ่งลงเล่นแทนเฮนเดอร์สัน และนาทีที่ 49 ก็ได้เสียวเมื่อเดมป์ซีย์ลงต่ำไปรับบอลจากฮังเกลันด์แล้วลื่นล้ม เลยถูกเจย์ สเพียริ่งฉกไปยิงจาก 20 หลา ดีที่ว่าชวาร์เซอร์ล้มตัวตะครุบได้
        ล่วงมาในนาทีที่ 54 ฟูแล่มก็ได้ลุ้นเช่นกันจากลูกเตะมุมฝั่งขวาของเดเมี่ยน ดัฟฟ์ที่เดมป์ซีย์ได้โขก แต่บอลเฉี่ยวเสาแรกออกไป
        ให้หลังอีกสี่นาที ทีมเยือนเปลี่ยนคากานิคลิชออกส่งเคริม ฟรายลงไปแทน แต่นาทีเดียวกันนี้เกือบเสียประตูคืนให้เจ้าบ้านเมื่อมักซี่เกี่ยวบอลหลุด เข้าเขตโทษด้านซ้ายไปตะบันระยะ 12 หลา แต่มีฮังเกลันด์ตามมาบล็อคได้ทัน ทำให้บอลเปลี่ยนทิศหลุดออกเส้นหลัง
        ถึงนาทีที่ 62 ฟูแล่มเกือบหนีไปอีกเม็ดจากจังหวะที่เดมป์ซีย์พาบอลลุยขึ้นทางขวาแล้วป้ายไป อีกฝั่งให้ฟรายเข่นจากหน้าเขตโทษ แต่บอลชนเสาแรก
        นาทีต่อมา เดมเบเล่ไหลบอลเข้าเขตโทษด้านซ้ายให้รีเซ่สปีดหนีมาร์ติน เคลลี่เข้าส่อง แต่มีโดนี่ปรี่เข้าบล็อคที่เสาแรกได้สำเร็จ
        นาทีที่ 64 เร้ด แมชีนได้โอกาสอีกครั้งจากการวางบอลทางฝั่งซ้ายของออเรลิโอ แต่แคร์โรลล์โขกจากหกหลาที่เสาแรกไม่เข้ากรอบก่อนจะมีการเปลี่ยนออเรลิโอออก ให้โฆเซ่ เอ็นริเก้ลงสนามในนาทีที่ 66
        จากนั้นในนาทีที่ 76 หงส์แดงก็ปล่อยดาวรุ่งราฮีม สเตอริ่งลงไปแทนเคาท์ แต่ไม่อาจทวงสกอร์คืนได้แม้จะพยายามแล้ว
        "เจ้าสัวน้อย" ยังเล่นได้ดีและเกือบได้ประตูที่สองในนาทีที่ 78 เมื่อ เมอร์ฟี่ จ่ายบอลให้ฟราย แทงบอลต่อให้ เด็มพ์ซี่ย์ หลุดไปทางซ้ายของเขตโทษก่อนซัดทันทีแต่โดนี่ ยังโชว์ซูเปอร์เซฟป้องกันได้เยี่ยม
        เกมในช่วงเวลาที่เหลือก่อนทดเวลาบาดเจ็บหงส์แดงพยายามบุกหนักหวังทวงประตูตีเสมอแต่ก็หาจังหวะจบไม่ลง
        ช่วงทดเวลานาทีที่ 93 หงส์แดง มาได้ลุ้นตีเสมอจากจังหวะที่ แคร์โรลล์ ถูกทำฟาวน์นอกเขตโทษระยะประมาณ 20 หลา จอนโจ้ เชลวีย์ อาสารับหน้าที่ซัดฟรีคิกแต่บอลโด่งแรงข้ามคานออกไปจบเกมเจ้าสัวจึงบุกมาคว้า ชัยเหนือ ลิเวอร์พูล 1-0 อันดับยังอยู่ที่เดิมทั้งคู่ แต่ทีมเยือนทำแต้มเท่าเจ้าบ้านโดยเป็นรองแค่ประตูได้เสีย


รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม



        ลิเวอร์พูล : อเล็กซานเดอร์ โดนี่, มาร์ติน เคลลี่, เซบาสเตียน โกอาเตส, มาร์ติน สเคอร์เทล, ฟาบิโอ ออเรลิโอ (โฆเซ่ เอ็นริเก้ น.65), จอร์แดน เฮนเดอร์สัน (สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง น.46), จอนโจ เชลวี่ย์, เจย์ สเพียร์ลิ่ง, มักซี่ โรดริเกซ, เดิร์ค เค้าท์ (ราฮีม สเตอร์ลิ่ง น.76), แอนดี้ แคร์โรลล์

        สำรองไม่ได้ใช้ : แบร็ด โจนส์, เจมี่ คาร์ราเกอร์, จอน ฟลานาแกน, แจ็ค โรบินสัน


        ฟูแล่ม : มาร์ค ชวาร์เซอร์, สตีเฟ่น เคลลี่, เบรเด้ ฮันเกลันด์, อาร่อน ฮิวจ์ส, ยอน อาเน่ รีเซ่, เดเมี่ยน ดัฟฟ์, แดนี่ เมอร์ฟี่, มุสซ่า เด็มเบเล่ (คริส แบร็ด น.86), อเล็กซ๋ คารานิกลิช (เคริม ฟราย น.58), คลิ้นท์ เด็มพ์ซี่ย์, พาเวล โพเกรบเนี๊ยค (ดิ๊กสัน เอตูฮู น.80)

        สำรองไม่ได้ใช้ : เดวิด สต็อคเดล, คาร์ลอส ออร์ลันโด้ ซา, ปาจติม คาซามี่, แม็ตธิว บริ๊กก์ส


        ผู้ตัดสิน : ลี โพรเบิร์ต


หางาน    งาน       job       ประกาศรับสมัครงาน