วันอังคารที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

เครื่องจักรสีแดง ถล่มหงส์ขาวยับ 5-0




ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
วันอาทิตย์ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2556
ลิเวอร์พูล 5   -   0 สวอนซี

สนาม : แอนฟิลด์    ผู้ชม : 44,832 คน


         "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟิลด์ส่ง หลุยส์ ซัวเรซ กับ แดเนียล สเตอร์ริดจ์ ผนึกคมแข้งล่าตาข่ายแดนหน้า พร้อมส่ง คูตินโญ่ ประเดิมเกมลีก รับการมาเยือนของ "หงส์ขาว" สวอนซี ที่พักกองหน้าตัวเก่งอย่าง มิชู เป็นสำรอง พร้อมพักตัวหลักหลายตำแหน่ง

        เริ่มเกมมา5นาที เป็นฝ่ายเจ้าถิ่น ลิเวอร์พูล ได้ยิงทักทายก่อน จากจังหวะพาบอลลุยเข้าไปยิงด้วยเท้าขวาของ หลุยส์ ซัวเรซ แต่บอลตรงตัว มิเชล ฟอร์ม รับเข้าซองไม่ยาก

        3นาทีต่อมา สวอนซี มีโอกาสบ้าง เมื่อได้ลูกเตะมุม บอลหลุดมาถึง โรแลนด์ ลามาห์ ได้ซัดจ่อๆ บอลแม้จะถูกแขนของเกล็น จอห์นสัน แต่ผู้ตัดสินฮาวเวิร์ด เว็บบ์ มองว่าไม่เจตนา

      นาทีที่16 ลิเวอร์พูล ได้เสียวอีกครั้ง เมื่อได้ฟรีคิกกลางประตูตรงหัวกะโหลกเขตโทษ สตีเว่น เจอร์ราร์ด วิ่งมายิงด้วยเท้าขวา บอลติดกำแพงมาเข้าทางปืน หลุยส์ ซัวเรซ วิ่งมายิงซ้ำ แต่บอลหลุดกรอบออกหลังไป

        เกมเข้าสู่นาทีที่23 ลิเวอร์พูล ทำเกมบุกได้อย่างต่อเนื่อง ก่อนมีโอกาสจะๆได้จบสกอร์อีกครั้ง เมื่อ สจ๊รวร์ต ดาวนิ่ง พาบอลไปถึงริมเเส้นหลังประตู ก่อนเปิดเข้ากลางด้วยเท้าขวาให้ แดเนียล สเตอร์ริดจ์ ชาร์จโหม่งจ่อๆแต่บอลลอยเฉียดคานไปอย่างน่าเสียดาย

          2นาทีต่อมา หงส์แดงพลาดโอกาสได้ประตูนำเหลือเชื่อ เมื่อ แดเนียล สเตอร์ริดจ์ พาบอลลุยเข้าไปในกรอบเขตโทษ ก่อนถูก ไคล์ บาร์ตลี่ย์ เตะร่วงในกรอบเขตโทษ บอลกระฉอกมาเข้าทาง คูตินโญ่ ตามซ้ำ แต่ คูตินโญ่ กลับยิงออกหลังไปเอง ชวดได้ประตู พร้อมกับจุดโทษ เนื่องจาก ฮาวเวิร์ด เว็บบ์ ให้ลูกยิงของ คูตินโญ่ เป็นลูกได้เปรียบไป

          นาที่33 สาวกเดอะค็อป ได้เฮกันลั่น เมื่อ หลุยส์ ซัวเรซ พาบอลเลี้ยงเข้าไปในกรอบเขตโทษ แต่ไปถูก เคมี่ อกุสเตียน แหย่ขาสกัดล้ม ผู้ตัดสิน ฮาวเวิร์ด เว็บบ์ จึงชี้เป็นลูกจุดโทษทันที

           สตีเว่น เจอร์ราร์ด รับหน้าที่สังหารก่อนวิ่งมากดยิงด้วยเท้าขวา บอลพุ่งเสียบเสาไป แม้ มิเชล ฟอร์ม จะเดาทางถูก แต่ด้วยความแรงของลูก จึงพุ่งปัดไม่ทัน ลิเวอร์พูล ขึ้นนำ 1-0

          ช่วงท้ายครึ่งแรก แม้ สวอนซี พยายามเปิดเกมบุกมากขึ้น เพื่อทวงประตูคืน แต่ก็ยังทำอะไรไม่ได้ หมดเวลาครึ่งแรก ลิเวอร์พูล จึงนำ สวอนซี อยู่ 1-0


           เริ่มครึ่งหลังมาเพียง8นาที ลิเวอร์พูล ก็ได้เฮกันอีกครั้ง เมื่อ หลุยส์ ซัวเรซ จ่ายบอลให้ คูตินโญ่ พาบอลกระชากไปยิงด้วยขวา บอลติดมิเชล ฟอร์มนิดนึง แต่ทิศทางบอลก็ยังวิ่งข้ามเส้นประตูไป เจ้าถิ่นนำห่าง 2-0

          นาที ที่50 ลิเวอร์พูล โชว์ทีมเวิร์กที่ยอดเยี่ยม ประสานงานเล่นชิ่งกันจากริมเส้นจนบอลมาถึง โฆเซ่ เอ็นริเก้ ตอกส้นเข้ากรอบเขตโทษให้ แดเนียล สเตอร์ริดจ์ หาจังหวะเปิดยัดเข้ากลางให้ โฆเซ่ เอ็นริเก้ ที่วิ่งไปรอหน้าประตู ใช้เท้าขวาจิ้มบอลเข้าประตูไปอย่างสวย ลิเวอร์พูล นำโด่ง 3-0

         6นาที ต่อมา สกอร์ของ ลิเวอร์พูล ไหลมาอย่างต่อเนื่อง เมื่อ สจ๊รวร์ต ดาวนิ่ง แทงบอลทะลุช่องให้ หลุยส์ ซัวเรซ พาบอลหลุดแนวรับสวอนซีถึงสองคน ก่อนบรรจงปั่นยิงด้วยเท้าซ้าย บอลโค้งเข้าเสาสองไป บวกประตูของเจ้าถิ่นออกไปถึง 4-0

          หลัง สกอร์นำห่าง นาทีที่60 ลิเวอร์พูล ก็ทำการเปลี่ยนตัวก่อน โดยส่ง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ลงมาแทน คูตินโญ่ ที่โชว์ฟอร์มเปิดตัวลงสนามตัวจริงได้อย่างสวย

         3นาทีต่อมา ลิเวอร์พูล มีโอกาสได้ประตูอีกครั้ง เมื่อ สตีเว่น เจอร์ราร์ด วางบอลมาที่หน้าประตูให้ แดเนียล สเตอร์ริดจ์ พักบอลลงด้วยอก ก่อนตวัดยิงด้วยเท้าซ้าย บอลติด มิเชล ฟอร์ม มาเข้าทางปืนของ หลุยส์ ซัวเรซ ตามซ้ำ แต่ ไคล์ บาร์ตลี่ย์ ยังพุ่งขวางเซฟประตูช่วย สวอนซี ได้อย่างหวุดหวิด

           นาทีต่อมา สวอนซี เปลี่ยนตัวบ้าง โดยส่ง เวย์น เราท์เล็ดจ์ ลงมาแทน โรแลนด์ ลามาห์

        นาทีที่67 ลิเวอร์พูล ยังดาหน้าบุก จอร์แดน เฮนเดอร์สัน แทงบอลให้ แดเนียล สเตอร์ริดจ์ หลุดไปซัดไซด์ก้อยด้วยเท้าซ้ายอีกครั้ง แต่ มิเชล ฟอร์ม ยังใช้ขาเซฟไว้ได้อีก

        3นาทีต่อมา ลิเวอร์พูล มาได้จุดโทษอีกลูก เมื่อ โฆเซ่ เอ็นริเก้ วางบอลยาวเข้าไปในกรอบเขตโทษ เวย์น เราท์เล็ดจ์ ที่เพิ่งเปลี่ยนตัวลงมา ไปเจตนาใช้แขนเล่นบอลในกรอบเขตโทษ เลยไม่รอด โดนจุดโทษแบบไม่มีข้อโต้แย้ง

        นาทีที่71 แดเนียล สเตอร์ริดจ์ อาสาขอยิงบ้าง ก่อนซัดผ่าน มิเชล ฟอร์ม เข้าไปไม่เหลือ ลิเวอร์พูล นำขาด 5-0

           นาทีต่อมา เจ้าถิ่นเปลี่ยนตัวอีกครั้ง โดยส่ง โจ อัลเลน ลงมาแทน ลูคัส เลว่า

         นาที ที่75 สวอนซี มาเสียใบเหลืองไปเพิ่มอีก เมื่อ ปาโบล เอร์นานเดซ ไปเข้าบอลหนักใส่ แดเนียล แอ็กเกอร์ รับใบเหลืองไป ก่อนถูกเปลี่ยนตัวออกเลย โดย นาธาน ดายเออร์ ลงมาแทน

          สอง นาทีต่อมา ลิเวอร์พูล ทำการเปลี่ยนตัวบ้าง โดยส่ง ฟาบิโอ บอรินี่ ลงมาแทน หลุยส์ ซัวเรซครบโควต้าสามคนเรียบร้อย ส่วน สวอนซี เปลี่ยน อิเตย์ เชชเตอร์ ออกแล้วส่ง อังเคล รานเกล ลงแทน

           5นาทีสุดท้าย ลิเวอร์พูล ต้องเหลือ10คน หลัง ฟาบิโอ บอรินี่ ได้รับบาดเจ็บบริเวณหัวไหล่ เล่นต่อไม่ไหว ต้องเดินออกนอกสนามไปเอง


        
แต่ช่วงเวลาที่เหลือก็ทำประตูกันเพิ่มไม่ได้ หมดเวลา ลิเวอร์พูล จึงโชว์ผลงานเยี่ยม ถล่มยับ  สวอนซี ไปแบบไม่ปราณี 5-0 เก็บสามคะแนนเข้ากระเป๋า


รายชื่อผู้เล่นพร้อมคะแนน   


        ลิเวอร์พูล : โฆเซ่ เรน่า 6, เกล็น จอห์นสัน 7, เจมี่ คาร์ราเกอร์ 7, แดเนี่ยล แอ็กเกอร์ 7, โฆเซ่ เอ็นริเก้ 8, สตีเว่น เจอร์ราร์ด 8, ลูคัส เลว่า 7 (โจ อัลเลน 6 น.72), สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง 7, ฟิลิปป์ คูตินโญ่ 7 (จอร์แดน เฮนเดอร์สัน 6 น.60), แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ 8, หลุยส์ ซัวเรซ 9 (ฟาบิโอ บอรินี่ 6 น.78)

        สำรองไม่ได้ใช้ : ปีเตอร์ กูลาชซี่, มาร์ติน สเคอร์เทล, จอนโจ เชลวี่ย์, ราฮีม สเตอร์ลิง


        สวอนซี : มิเชล ฟอร์ม 5, ดไวท์ เทียนดัลลี่ 5, แกร์รี่ มังค์ 5, ไคล์ บาร์ตลี่ย์ 4, เบน เดวิส 5, โจนาธาน เด กุซมัน 5, ลีออน บริตตัน 6, เคมี่ อกุสตีน 5, โรล็องด์ ลามาห์ 5 (เวย์น เราท์เล็ดจ์ 3 น.64), ปาโบล เอร์นานเดซ 5 (เนธาน ดายเออร์ 5 น.76), อิตาย เชกเตอร์ 4 (อังเกล รานเกล 5 น.82)


ข้อมูล:siamsport
หางาน ฉะเชิงเทรา

วันเสาร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

"เจอร์ราร์ด" เชื่อหงส์แดงยังอยู่ในเส้นทางบอลยุโรป


สตีเว่น เจอร์ราร์ด กองกลางกัปตันทีม ลิเวอร์พูล สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ออกมากล่าวเมื่อวันศุกร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ว่า เขาเชื่อว่า "หงส์แดง" ยังมีโอกาสพลิกสถานการณ์กลับมาผ่านเข้ารอบต่อไปในการแข่งขันยูโรปา ลีก แม้ล่าสุดเพิ่งบุกไปพ่าย เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก สโมสรชั้นนำลีกรัสเซีย 0-2 ในเกมรอบ 32 ทีมสุดท้าย นัดแรก เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 14 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ก็ตาม


         เจอร์ราร์ด กล่าวผ่านเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของสโมสรว่า "มันคงจะเป็นเราที่สามารถพลิกสถานการณ์กลับมาได้ เราจะมีความได้เปรียบกับการมีกองเชียร์ของเรา หากเราได้รับแรงสนับสนุนแบบล้นหลามและเราสามารถทำประตูได้เร็ว จากนั้นโอกาสก็จะเป็นของเรา"


         "แต่เรารู้สึกผิดหวังที่ มันไม่ได้เป็นผลการแข่งขันที่เราต้องการ เราต้องการยิงประตูทีมเยือน และก็พยายามที่จะหลีกเลี่ยงการเสียประตู แต่หากคุณพลาดเสียประตูง่ายๆ คุณก็จะถูกลงโทษ และนั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น จนกระทั่งถึงนาทีที่ 70 นัดพบกับ เซนิต เกมอยู่ภายใต้การควบคุม มันเป็นค่ำคืนที่ยากลำบากในสภาพอากาศที่โหด เรารู้สึกผิดหวังกับการเสีย 2 ประตูไปแบบไม่น่าจะเสีย แต่การแข่งขันก็ยังไม่จบ" มิดฟิลด์ตัวเก่ง กล่าว


         ขณะ ที่ สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง ปีก "เร้ด แมชีน" ก็ได้แสดงความรู้สึกหลังเกมด้วยว่า "พวกเขาเริ่มต้นได้ดีและก็ทำให้เราตกอยู่สภาวะที่กดดันเล็กน้อย แต่กับโอกาสที่เรามี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมาที่นี่ พวกเขาครองบอลได้มาก แต่เราก็ยังคงมีโอกาส 5-6 ครั้งที่จะชนะได้ ทว่าพวกเขาก็มีผู้เล่นฝีเท้าดีหลายราย และพวกเขาก็แสดงได้เห็น ฮัล์ค ทำอะไรไม่ได้เลยเสียเป็นส่วนใหญ่ ทว่าเขาก็โผล่มาพร้อมกับบางอย่างที่พิเศษ เกมยังคงเปิดกว้าง พวกเราจะกลับมาเล่นที่ แอนฟิลด์ และเราก็จำเป็นต้องพยายามและเอาชนะให้ได้"


         ด้าน เจมี่ คาร์ราเกอร์ เซนเตอร์แบ็กเลือดผู้ดี ก็เห็นไปในทิศทางเดียวกันว่าพลพรรค "เครื่องจักรสีแดง" ยังมีลุ้นผ่านเข้ารอบได้ โดยกล่าวเสริมว่า "มันเป็นเรื่องปกติของเกมยุโรป เพราะคุณคิดว่าคุณครองเกมได้ แต่ทันใดนั้น คุณต้องมาพบกับความยากลำบากด้วยการตกเป็นรอง 0-2 แต่มันก็เป็นความยากที่สโมสรเคยทำได้มาแล้วในอดีต และเราก็จำเป็นต้องทำให้ได้อีกครั้ง ในช่วงเวลาที่เหลืออีกสัปดาห์ แม้มันเป็นค่ำคืนที่น่าผิดหวัง ทว่าเราก็ยังมีเวลาอีกสัปดาห์ที่จะแก้ตัว และพยายามกลับมาให้ได้ หากเราทำได้ มันคงจะเป็นค่ำคืนที่ยอดเยี่ยมในยุโรป" 

ข้อมูล:siamsport