วันพุธที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

หงส์แดงเจ๋งดับสิงโต 2-0 คาบ้าน


ฟุตบอล คาร์ลิ่ง คัพ รอบ 8 ทีมสุดท้าย 
วันอังคารที่ 29 พฤศจิกายน 2554
เชลซี (พรีเมียร์ลีก) 0     -     2 ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีก)

สนาม : สแตมฟอร์ด บริดจ์

        เริ่มเกมขึ้นมาแค่ 2 นาทีก็มีเหตุการ์ณที่ทำให้แฟนบอลหงส์แดงต้องเสียวเมื่อ ดาวิด ลุยซ์ พาบอลเข้าไปให้เขตโทษก่อนโดน โกอาเตส สกัดล้มลงไป ทว่า ฟิล ดาวน์ มองว่ากองหลังโปรตุเกส พุ่งล้มเลยแจกใบเหลืองให้ดาวเตะหัวฟูทันที

        เกมผ่าน 20 นาทีเชลซี ต้องมาเสียจุดโทษเมื่อ โฆเซ่ เอ็นริเก้ โยนบอลเข้าไปหน้าประตู อเล็กซ์ ขึ้นเทกตัวโหม่งแย่งกับ แคร์โรลล์ แต่ใช้มือปัดออกหลัง ฟิล ดาวด์ ยังไม่เป่าทันทีแต่หลังจากฟังผู้ช่วยแล้วก็ชี้ให้เป็นจุดโทษและแจกใบเหลือง ให้ อเล็กซ์ อีกด้วย

        ทว่าลิเวอร์พูล กลับไม่ได้ประตูหลังจาก แอนดี้ แคร์โรลล์ ซัดจุดโทษไปติดเซฟของ รอสส์ เทิร์นบูลล์ ที่ปัดทิ้งออกมาได้ เกมยังเสมอกันอยู่

        หลังจากนั้นเกมก็แทบจะไม่มีจังหวะลุ้นประตู จนถึงช่วงทดเจ็บ เชลซี ได้จังหวะสวนกลับเร็ว รามิเรส จ่ายบอลให้ โบซิงวา ทางฝั่งขวาแล้วเปิดมาหน้าประตูให้ ลูกากู โขกแต่บอลเฉี่ยวเสาสองออกไป และเกมก็จบครึ่งแรกทั้งสองทีมยังเสมอกันอยู่ 0-0

        กลับมาเล่นกันต่อในครึ่งหลังถึงนาทีที่ 54 โคอาเตสก็โดนจดชื่อเมื่อทำฟาวล์ใส่ตอร์เรส และจากลูกฟรีคิกทางกราบขวาของเจ้าบ้านที่แฟรงค์ แลมพาร์ดสาดไปเสาไกล มาลูด้าก็โขกย้อยไปชนคานทำให้ลุยซ์เข้าขวิดซ้ำระยะเผาขนที่เสาแรก แต่บอลกระทบลำตัวโคเอเตสที่คุมเส้นประตูอยู่ออกไป

        และแล้วนาทีที่ 58 กองเชียร์สิงห์บลูส์ก็ต้องคกตกอีกตามเคยเมื่อเฮนเดอร์สันแทงบอลจากกลางสนาม ออกทางขวาทะลุช่องให้เบลลามี่ที่ไม่ล้ำหน้าลากไปไหลเข้าหาปากประตูถวายพาน ให้มักซี่เข้าฮอสสบายแฮหกหลาโดยไม่มีใครตามประกบทันเป็นสกอร์นำ 1-0 ของทีมเยือน

        เท่านั้นไม่พอ นาทีที่ 63 หงส์แดงก็มาได้ลูกฟรีคิกทางฝั่งซ้ายหลังจากรามิเรซทำฟาวล์เบลลามี่ และเป็นกองหน้าเวลส์ที่โยนโด่งเข้าเสาไกลโดยมีมาร์ติน เคลลี่ขวิดเหน่งๆหกหลาไม่มีใครประกบตุงตาข่ายพาลิเวอร์พูลหนีห่าง 2-0

        เชลซีตัดสินใจเปลี่ยนตัวอีกสองรายสุดท้ายทันทีให้ฆวน มาต้ากับนิโกล่าส์ อเนลก้าลงไปแทนมาลูด้ากับลูกากูหอกจอมทื่อ แต่ขยับมาในนาทีที่ 66 รามิเรซก็โดนจดชื่อข้อหาเสียบลูคัส

        จากนั้นอีกพักเดียว เกมก็หยุดอีกรอบเมื่อลูคัสเจ็บเข่าซ้ายจากจังหวะชนเข้ากับมาต้าโดยไม่ได้ ตั้งใจทั้งคู่ แต่หลังกลับมาเล่นต่อพักเดียวกองกลางบราซิลก็ไม่ไหวให้สัญญาณไปที่ข้างสนาม ขอเปลี่ยนตัวก่อนจะร่วงลงไปต้องหามลงเปลโดยมีชาร์ลี อดัมได้ลงเล่นแทนในนาทีที่ 72

        ล่วงมาอีกสี่นาทีจากลูกเตะมุมด้านซ้ายของเจ้าบ้าน ตอร์เรสก็ได้โขกแต่เรน่าตะปบบอลเอาไว้ได้

        ช่วงที่เหลือ เชลซีพยายามเปิดเกมบุกมากขึ้น แต่ไม่อาจทำอะไรแนวรับหงส์แดงได้ จบเกมจึงถูกย้ำแค้นตกรอบคารังด้วยความพ่ายแพ้แบบหมดรูป 0-2 ส่งผลให้ ลิเวอร์พูล สามารถผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศได้เป็นผลสำเร็จ

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

        เชลซี
: รอสส์ เทิร์นบูลล์, โชเซ่ โบซิงวา, อเล็กซ์, ดาวิด ลุยซ์, ไรอัน เบิร์ตรานด์, โอริโอล โรเมอู, โจซัว แม็คเอคราน, ฟลอร็องต์ มาลูด้า, แฟร้งค์ แลมพาร์ด, โรเมลู ลูกากู, เฟร์นานโด ตอร์เรส

        สำรอง
: เฮนริเก้ ฮิลาริโอ, เปาโล เฟร์เรยร่า, บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, รามิเรส, ฆวน มาต้า, ซาโลมง กาลู, นิโกล่า อเนลก้า

        ลิเวอร์พูล :
โฆเซ่ เรน่า, มาร์ติน เคลลี่, เจมี่ คาร์ราเกอร์, เซบาสเตียน โกอาเตส, โฆเซ่ เอ็นริเก้, ลูคัส เลว่า, มักซี่ โรดริเกซ, เจย์ สเพียริ่ง, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, เคร็ก เบลลามี่, แอนดี้ แคร์โรลล์

        สำรอง
: อเล็กซานเดอร์ โดนี่, จอห์น ฟลานาแกน, มาร์ติน สเคอร์เทล, สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง, ชาร์ลี อดัม, เดิร์ค เค้าท์, หลุยส์ ซัวเรซ

        ผู้ตัดสิน : ฟิล ดาวด์


สรุปผล ฟุตบอล คาร์ลิ่ง คัพ อังกฤษ รอบ8ทีม- คาร์ดิฟฟ์ ชนะ แบล็คเบิร์น  2 - 0
- เชลซี แพ้ ลิเวอร์พูล  0 - 2
- อาร์เซน่อล แพ้ แมนฯ ซิตี้  0 - 1

วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

หงส์แดงเปิดบ้านเจ๊าเรือใบ 1-1 บาโลแดง!

 
ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
วันอาทิตย์ที่ 27 พฤศจิกายน 2554
ลิเวอร์พูล 1       -      1 แมนฯ ซิตี้


สนาม : แอนฟิลด์


        ศึก ซูเปอร์ซันเดย์ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล เปิดรังแอนฟิลด์ ต้อนรับ จ่าฝูง "เรือใบสีฟ้า" แมนฯ ซิตี้ โดยเจ้าบ้านใช้ ชาร์ลี อดัม,สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง และ เดิร์ค เค้าท์ เป็นสามประสานเกมรุก โดยใช้ หลุยส์ ซัวเรซ เป็นหอกเป้า ส่วนทีมเยือน จัดสามประสานรุกนำโดย เจมส์ มิลเนอร์,ดาบิด ซิลบา และ ซามีร์ นาสรี่ หน้าเป้าใช้ เซร์คิโอ อเกวโร่ กุน เป็นหน้าเป้าคนเดียวเช่นเดียวกัน


     เริ่มเกมมา5นาทีเป็นฝ่ายทีมเยือน ได้มีโอกาสกดดันเจ้าบ้านก่อน จากจังหวะเตะมุมของ ซามีร์ นาสรี่ บอลชุลมุนอยู่หน้าประตู ก่อนจะมากระเด้งเข้าทางปืนของ ยาย่า ตูเร่ กดด้วยเท้าซ้ายเต็มๆแต่บอลลอยข้ามคานออกไป


      นาที ที่13 เรือใบสีฟ้า สังเวยใบเหลืองไปก่อน จากจังหวะที่ แว็งซ็องต์ ก็อมปานี เข้าเสียบหนักใส่ หลุยส์ ซัวเรซ อย่างหนัก ผู้ตัดสินชูใบเหลืองให้ทันที


     3นาทีต่อมา แฟนเจ้าถิ่นเสียววาบ เมื่อ โฆเซ่ เอ็นริเก้ ส่งคืนประตูไม่ดี เกือบจะโดน อเกวโร่ กุน ฉกไปยิง ยังดีที่ โฆเซ่ เรน่า ออกมาตัดบอลนอกกรอบเขตโทษได้อย่างหวุดหวิด


       นาที ที่31 แฟนๆเรือใบสีฟ้าได้เฮกันลั่นสนาม จากจังหวะได้ลูกเตะมุมทางฝั่งขวาของสนาม ก่อนจะเปิดมาที่หน้าประตู แว็งซ็องต์ ก็อมปานี วิ่งโฉบมาโหม่งที่เสาแรก บอลโดนหัวไหล่ เปลี่ยนทางพุ่งเข้าหน้าต่างเสาสอง ไปแบบ โฆเซ่ เรน่า หมดสิทธิ์รับ แมนฯซิตี้ ขึ้นนำ 1-0


      นาทีต่อมา เป็น แกเร็ธ แบร์รี่ ที่รับใบเหลืองไปอีกคน จากจังหวะที่ แบร์รี่ ไปทำฟาวส์ ลูคัส เลว่า สังเวยใบเหลืองใบที่สองให้ทีมเยือน


      อย่าง ไรก็ตามนาทีที่33 เจ้าบ้าน ลิเวอร์พูล ก็ได้เฮคืนบ้าง จากจังหวะที่ เดิร์ค เค้าท์ ไหลบอลให้ ชาร์ลี อดัม สับไกยิงระยะ40หลา บอลพุ่งไปที่หน้าประตู โจลีออน เลสค็อตต์ สกัดบอลไม่ดี บอลเปลี่ยนทางเข้าประตูตัวเองไป ลิเวอร์พูล ตามตีเสมอ 1-1


     ช่วงท้ายครึ่งแรก แมนฯซิตี้ มีโอกาสลุ้นได้ประตู เมื่อ อเกวโร่ กุน เล่นกับ ดาบิด ซิลบา ก่อนหัวหอกอาร์เจนไตน์ ได้โอกาสสับไกด้วยเท้าซ้าย แต่ โฆเซ่ เรน่า ยังเซฟไว้ได้ หมดครึ่งแรกจึงเสมอกันไปก่อน 1-1


     มาระเบิดความมันส์กันต่อในครึ่งเวลาหลังนาทีที่ 45 เรือใบได้จังหวะทักทายก่อนจากการซัดหน้ากรอบเขตโทษจาก นาสรี่ แต่บอลหลุดกรอบออกไป


     นาทีที่ 48 หงส์แดงมีลุ้นทำประตูจากการซัดไกลจังหวะสองของ อดัม บอลเลยไปเข้าทาง ซัวเรส ที่วิ่งตามไปเก็บบอลก่อนจะเปิดบอลติดกองหลัง เรือใบออกไป


     นาทีที่ 52 เป็นหงส์แดงที่เจียนจวนได้ประตูขึ้นนำอีกครั้งจากจังหวะที่ สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง กระชากบอลก่อนเปิดทางด้านข้างเลยไปเข้าหัว เดิร์ค เค้าท์ ขึ้นโขกหลุดเสาไกลออกไปอย่างน่าเสียดาย


     เกมล่วงมาถึงนาทีที่ 59 เป็นเรือใบที่โหมเข้าใส่อย่างหนัก กาแอล กลิชี่ ได้จังหวะเปิดบอลด้านข้างเข้าไปในกรอบเขตโทษหงส์แดงแต่ยังดีที่ โฆเซ่ เอ็นริเก้ สกัดออกไปได้ก่อนจะเลยไปเข้าทางกุนที่ยืนรออยู่


     นาทีที่ 62 กุน หลุดกับดักล้ำหน้าของลิเวอร์พูลไปได้และเป็น โฆเซ่ เรน่า นายด่านจอมหนึบของเจ้าบ้านที่ต้องออกแรงวิ่งมาตัดบอลทิ้งไปได้


     นาทีที่ 65 แมนฯ ซิตี้ ที่ต้องการเก็บสามแต้มให้ได้ตัดสินใจเสริมแผงหน้ามาอีกคนโดยเปลี่ยน มาริโอ บาโลเตลลี่ ลงมาแทน ซามีร์ นาสรี่


     นาทีที่ 66 สาวกหงส์แดงเกือบได้เฮกันลั่นเมื่อ ดาวนิ่ง ได้จังหวะวอลเล่ด้วยเท้าซ้ายจากการเล่นสั้นของลูกแตะมุมบอลพุ่งกำลังมุดต้าน คานแต่เป็น โจ ฮาร์ท ที่ลอยตัวปัดออกไปได้อย่างสวยงาม


     นาทีที่ 73 เจ้าบ้านได้ลุ้นประตูอีกครั้งจากการเปิดมุมของ อดัม เลยไปเสาไกลเข้าทาง ซัวเรส จับบอลก่อนพลิกหลอกแผงหลังเรือใบหนึ่งจังหวะและผ่านบอลเข้ามากลางประตู เลสค็อตต์ ปราการเหล็กทีมเยือนเข้าสกัดบอลไปถูก เดิร์ค เค้าท์ ออกหลังไป


     นาทีที่ 76 บาโลเตลลี่ ดาวยิงตัวสำรองถูกกรรมการให้ใบเหลืองจากการตัดเกมทำฟาล์ว เกล็น จอห์นสัน กลางสนาม


     นาทีที่ 77 หงส์แดงหวิดได้ประตูอีกคราเมื่อ  ดาวนิ่ง ได้โอกาสวอลเล่จากลูกโยนยาวบอลผ่านหน้า เดิร์ค เค้าท์ ที่พยายามยื่นเท้าเข้าจิ้มบอลหลุดออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย


     ล่วงมาถึง 10 นาทีสุดท้ายแมนฯ ซิตี้ ตัดสินใจส่ง เอดิน เซโก้ ลงมาแทน อเกวโร่ กุน หวังใช้ความสดลงมาบดประตูเจ้าบ้าน


     นาที ที่ 82 แมนฯ ซิตี้ ต้องมาเหลือผู้เล่น 10 คนเมื่อ มาริโอ บาโลเตลลี่ ตัวสำรองที่เปลี่ยนลงมาในครึ่งหลังถูกกรรมการให้ใบเหลืองที่สองกลายเป็นใบ แดงจากจังหวะที่ตั้งใจเข้าใช้ท่อนแขนฟาดใส่ มาร์ติน สเคอร์เทล และดูเหมือนช่วงเดินออกจากสนามจะถูก มันโช่ จวกไม่เลี้ยง


     นาที ที่ 84 เป็นฝั่งเจ้าบ้านไม่ปล่อยโอกาสที่ได้เปรียบตัวผู้เล่นตัดสินใจเปลี่ยน แอนดี้ แคร์โรล ศูนย์หน้าร่างโย่งลงมาแทน เดิร์ค เค้าท์


     นาทีที่ 88 ซัวเรส ได้โอกาศซัดในเขตโทษจังๆ จากการทำชิ่งสองจังหวะกับ ลูคัส เลวา บอลพุ่งเข้ากรอบแต่เป็น โจ ฮาร์ท นายด่านดีกรีทีมชาติอังกฤษโชว์เซฟไว้ได้เช่นเคย


     นาทีที่ 89 ทีมเยือนหวิดได้ประตูขึ้นนำจากจังหวะสวนกลับ เซโก้ หลุดเดียวไปทางด้านข้างก่อนผ่านบอลให้ ซิลบา ที่ยืนอยู่คนเดียวโล่งแต่ไม่มีจังหวะยิงเพราะ เรน่าออกมาขวางทางปืน ก่อนจะแปบอลไปติดแผงหลังเจ้าบ้านที่ลงมาปิดหน้าปากประตูจนเต็ม


     นาทีที่ 90 แมนฯ ซิตี้ เปลี่ยนผู้เล่นคนสุดท้ายโดยให้ โคโล่ ตูเร่ ลงมาแทน ดาบิด ซิลบา


     ช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 92 โอกาสทองของหงส์แดงที่ดีที่สุดในเกมมาถึงเมื่อ แคร์โรล ได้จังหวะขึ้นโขกโล่งๆ บริเวณจุดโทษบอลกำลังเสียบเสาไกลแต่เป็น โจ ฮาร์ท ที่โชว์สุดยอดซุปเปอร์เซฟลอยตัวปัดออกไปได้ และจังไม่จบเพียงเท่านั้นบอลกระดอนไปเข้าทาง ซัวเรส ที่เข้าซ้ำเต็มข้อแต่ยังไม่ผ่านนายด่านเรือใบที่ใช้ขาสกัดออกไปได้อีกครั้ง


     จบเกมลิเวอร์พูล ที่ครองเกมบุกได้มากกว่าในช่วง 15 นาทีสุดท้ายเปิดบ้านไล่ตีเสมอ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่เหลือผู้เล่น 10 คนไปอย่างสุดมันส์ 1-1 แบ่งกันไปทีมละแต้ม ทำให้แมนฯ ซิตี้ยังไร้พ่ายนำจ่าฝูงต่อไป ขณะที่เร้ด แมชีนขยับแซงอาร์เซน่อลขึ้นมาอยู่อันดับหกโดยมีแต้มเท่ากันแต่ประตูได้เสีย เหนือกว่าทีมจากลอนดอน

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม


     ลิเวอร์พูล (4-2-3-1) : โฆเซ่ เรน่า,เกล็น จอห์นสัน,มาร์ติน สเคอร์เทล,ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์,โฆเซ่ เอ็นริเก้,ลูคัส เลวา,จอร์แดน เฮนเดอร์สัน,ชาร์ลี อดัม,สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง, เดิร์ค เค้าท์,หลุยส์ ซัวเรซ

     สำรอง:อเล็กซานเดอร์ โดนี่,แอนดี้ แคร์โรล, มักซี่ ร็อดริเกซ,เซบาสเตียน โกอาเตส,เจย์ สเปียร์ริ่ง,เจมี่ คาร์ราเกอร์,มาร์ติน เคลลี่


     แมนฯ ซิตี้ (4-2-3-1) :โจ ฮาร์ท,ไมกาห์ ริชาร์ดส,แว็งซ็องต์ ก็อมปานี,โจลีออน เลสค็อตต์,กาแอล กลิชี่, ยาย่า ตูเร่,แกเร็ธ แบร์รี่,เจมส์ มิลเนอร์,ดาบิด ซิลบา,ซามีร์ นาสรี่,อเกวโร่ กุน

     สำรอง:คอสเตล พานทิลิมอน,ปาโบล ซาบาเลต้า,เอดิน เซโก้,อดัม จอห์นสัน, โคโล่ ตูเร่,ไนเจล เด ยองก์,มาริโอ บาโลเตลลี่


สรุปผล ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ- สวอนซี ซิตี้ เสมอ แอสตัน วิลล่า  0 - 0
- ลิเวอร์พูล เสมอ แมนฯ ซิตี้  1 - 1

วันศุกร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

อดัม ยก คล้าร์ก เป็นหนึ่งในยอดโค้ชฝีมือดีที่สุด


ชาร์ลี อดัม กองกลางทีมชาติสกอตแลนด์ของลิเวอร์พูล ทีมดังแห่งเวทีพรีเมียร์ลีก กล่าวอย่างยินดีที่ได้โอกาสร่วมงานกับ สตีฟ คล้าร์ก ผู้ช่วยผู้จัดการทีม "หงส์แดง" หลังย้ายจาก แบล็คพูล มาเล่นในถิ่น แอนฟิลด์ เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา

        มิดฟิลด์จอมยิงไกล ยอมรับว่า อดีตนักเตะเพื่อนร่วมชาตินั้น เป็นหนึ่งในยอดโค้ชฝีมือดีที่สุดเท่าที่เขาเคยร่วมงานด้วย พร้อมรู้สึกว่า ปรับญาการสอนของผู้ช่วยกุนซือวัย 48 ปี ในการฝึกซ้อมที่เมลวู้ดนั้น เป็นส่วนสำคัญต่อผลงานในสนามของทีม

        อดัม ให้สัมภาษณ์กับนิตยสารของสโมสรว่า "ไม่ใช่ว่าผมไม่ให้ความเคารพต่อคนที่ผมเคยร่วมงานมาด้วยหรอกนะ แต่ผมคิดว่า ศักยภาพของนักเตะที่นี่สูงมาก มาตรฐานของการฝึกซ้อมก็สุดยอดเช่นกัน ผมได้ยินชื่อของสตีฟ คล้าร์ก มาก่อนที่ผมจะมาที่นี่ และผมรู้ถึงสถิติของเขา และเขายังได้รับการยกย่องอย่างสูง"

        "เขาอยู่กับสโมสรชั้น ยอดมาตลอด และประสบความสำเร็จอย่างงดงาม เขาเป็นโค้ชฝีมือดีมากๆ ยิ่งเวลาผ่านไปเท่าไหร่ พวกเราก็จะยิ่งดีขึ้นเรื่อยๆ ต้องขอบคุณปรัชญาของเขา ผมคิดว่า การทำงานกับเขาช่วยให้เราดีขึ้น ทั้งฟอร์มการเล่นของแต่ละคน และดีขึ้นในฐานะทีม" อดัม กล่าว

วันอังคารที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

"เบลลามี่"ยก ดัลกลิช ทำทีมเจ๋งสุด


เคร็ก เบลลามี่ ดาวยิงเวลส์ ของ ลิเวอร์พูล คึกสุดขีด หลัง "หงส์แดง" บุกล้ม เชลซี ถึงถิ่น 2-1 กระชุ่นบอกว่า เคนนี่ ดัลกลิช เข้ามาทำให้ "เครื่องจักรสีแดง" สมัยรุ่งเรือง กลับมาทำงานอีกครั้ง ชี้ ลิเวอร์พูลแบบนี้ คือทีมที่เขาอยากให้เป็นตอนแรกที่เซ็นสัญญาสมัย ราฟาเอล เบนิเตซ

        เคร็ก เบลลามี่ กองหน้าจอมเก๋าชาวเวลส์ ของ ลิเวอร์พูล สโมสรดังถิ่นแอนฟิลด์ ออกมาเผยว่าทีม "หงส์แดง" ภายใต้การกุมบังเหียนของ เคนนี่ ดัลกลิช ยอดกุนซือชาวสกอตต์ เป็นเครื่องจักรสีแดง แบบที่เขารัก และเชียร์มาตั้งแต่เด็กๆ ออกตัว ยืนยันไม่ได้พูดกระทบทั่ง ราฟาเอล เบนิเตซ หรือ เชราร์ อุลลิเย่ร์ เพราะรู้ว่าทั้งสองคนทำอะไรให้ทีมมากมาย แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าทีมของ "คิง เคนนี่" ต่างจากทีมชุดก่อนๆ

        เบลลามี่ ที่ได้เป็นตัวจริงเกมล่าสุดที่บุกชนะ เชลซี 2-1 กล่าวว่า "ผมไม่อยากให้มันฟังดูเป็นการวิจารณ์ ราฟา หรือ อุลลิเย่ร์ เพราะพวกเขาทำอะไรให้ทีมมากมาย แต่ ลิเวอร์พูลทีมนี้ คือทีมแบบที่ผมเชียร์มาตั้งแต่เด็ก ผมดูพวกเขาเล่นช่วงท้ายๆ ซีซั่นก่อน มันไหลลื่นหมดทั้งการผ่านบอล และการเคลื่อนที่ ความรู้สึกเหมือนว่าทุกอย่างกลับมาแล้ว ผมไม่อยากให้เหมือนว่าไปตำหนิ ราฟา หรือ อุลลิเย่ร์ แต่ทีมพวกเขาเน้นแท็กติก และระเบียบวินัย เล่นงานคู่แข่งด้วยเกมโต้กลับ มันเหมือน ลิเวอร์พูลทีมเก่า กลับมาอีกครั้ง"

        ดาว ยิงเลือดเวลส์ ย้ายมาเล่นกับทีมในยุค เบนิเตซ ปี 2006 และอยู่ในทีมชุดเข้าถึงรอบชิง แชมเปี้ยนส์ ลีก ปี 2007 ที่แพ้ เอซี มิลาน ซึ่งเป็นตัวสำรองไม่ได้ลงสนาม ก่อนจะย้ายไป เวสต์แฮม ในเวลาต่อมา "ก่อนจะเซ็นสัญญา ผมคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้กับ ราฟา อยู่ในออฟฟิศ และรู้สึกว่ามันไม่ใช่ ถ้าไม่ใช่ ลิเวอร์พูล ผมไม่เซ็นหรอก บางครั้งมันก็เป็นแบบนี้ มันไม่ได้โรแมนติกอย่างที่เราอยากให้เห็นมันเป็น ผมว่าเราคลื่นไม่ตรงกันกับสิ่งที่ผมคิดในฐานะนักเตะของลิเวอร์พูล"

        "เรา คิดต่างกันในวิถีทางที่ ลิเวอร์พูล ควรเดินไป แต่เขาเป็นผู้จัดการทีม ผมอยากรู้สึกสบายใจ เพราะเวลาผมเล่น ผมก็อยากทุ่มเทให้ผู้จัดการทีม แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันใช่ นี่แหละที่ผมอยากให้เป็นตอนเซ็นสัญญาครั้งแรก ผมดีใจที่ได้กลับมา แค่เดินผ่านประตูเข้ามาก็ให้ความรู้สึกต่างกันแล้ว มันสบาย และผ่อนคลายกว่ามาก นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นเพราะ เคนนี่ สโมสรแห่งนี้เดินไปทางเดียวกัน และเรารู้สึกมีส่วนร่วม เขามีอะไรสักอย่างที่ทำให้เขาดูพิเศษกว่าใคร" อดีตศูนย์หน้า นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด กล่าว

วันพุธที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

"อดัม" ขอพิสูจน์ศักยภาพของตัวเองกับ "หงส์แดง"


ชาร์ลี อดัม กองกลางทีมชาติสกอตแลนด์ของ ลิเวอร์พูล สโมสรขวัญใจมหาชนแห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ออกมายอมรับว่า ตนยังคงต้องทำงานหนัก เพื่อที่จะพิสูจน์ศักยภาพของตัวเองกับ "หงส์แดง" แม้จะทำผลงานได้ดีในช่วงต้นฤดูกาลนี้ก็ตาม

     ดาวเตะเลือดวิสกี้ ย้ายจาก แบล็คพูล มาเล่นในถิ่น แอนฟิลด์ เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ด้วยค่าตัว 9 ล้านปอนด์ (ราว 450 ล้านบาท) โดย อดัม ทำผลงานได้น่าประทับใจพอสมควร เมื่อได้ลงเล่นทั้งหมด 11 เกมในลีกฤดูกาลนี้ กระนั้นเจ้าตัวก็มีความกระตือรือร้นที่จะแสดงความเก่งออกมา เพื่อเป็นการยืนยันว่า ฟอร์มสุดยอดเมื่อซีซั่นที่แล้วกับต้นสังกัดเก่าไม่ได้ฟลุ้ค

     มิดฟิลด์วัย 25 ปี กล่าวว่า "ผมไม่ได้เล่น พรีเมียร์ลีก จนกระทั่งเมื่อฤดูกาลที่แล้ว และมีหลายคนตัดสินผมจากฟอร์มการเล่นกับ แบล็คพูล ว่าเป็นยังไง แต่ผมต้องการแสดงให้เห็นว่า ผมสามารถที่จะเล่นใน พรีเมียร์ลีก ได้ ผมทำได้ดีพอสมควรกับ ลิเวอร์พูล"

     "ประสบการณ์ที่นี่เป็นสิ่งที่แตกต่างกับสิ่งที่ผมเคยได้รับที่ แบล็คพูล เราคาดหวังที่จะเก็บชัยชนะทุกๆ สัปดาห์ แต่ทว่ามันไม่ใช่กรณีของฤดูกาลที่แล้วเสมอไป แต่นี่ถือเป็นความท้าทายบางอย่างที่ผมตั้งตาคอยมาตลอดจริงๆ ครอบครัวของผม ทั้งคุณพ่อกับคุณแม่ต่างก็ภูมิใจ แต่ไม่มีใครภูมิใจเท่ากับตัวผมที่ได้เป็นนักเตะ ลิเวอร์พูล มีไม่กี่คนที่สามารถพูดว่า พวกเขามีโอกาสได้เล่นต่อหน้า เดอะ ค็อป ทุกๆ สัปดาห์ พร้อมกับแฟนบอล 40,000 คน" อดัม ระบุ

วันอาทิตย์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

"เอียน รัช"มั่นใจ ดัลกลิช พาหงส์กลับสู่ความยิ่งใหญ่แน่นอน


เอียน รัช อดีตดาวยิง ลิเวอร์พูล มั่นใจ เคนนี่ ดัลกลิช จะสามารถพา "เร้ด แมชีน" ขึ้นมาครองความยิ่งใหญ่ได้เหมือนในอดีตอย่างแน่นอน เพียงแต่ต้องใช้เวลาในการปรับเปลี่ยนให้ทุกอย่างลงตัวอีกสักพัก อีกทั้งยังเชื่อบรรดาแข้งดาวรุ่งที่คว้าตัวมาร่วมทีมหลายรายจะกลายมาเป็น กำลังสำคัญในอนาคตอันใกล้ได้ชัวร์


        เอียน รัช ตำนานสุดยอดกองหน้า "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ทีมดังแห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เชื่อมั่นว่า เคนนี่ ดัลกลิช ผู้จัดการทีมชาวสกอตแลนด์ มีฝีมือที่ดีเพียงพอจะกอบกู้ชื่อเสียง "เร้ด แมชีน" กลับมาได้อย่างแน่นอน แต่ยอมรับว่าอาจจำเป็นต้องใช้เวลาสักระยะสำหรับการเปลี่ยนแปลงบางอย่างให้ เข้าที่เข้าทาง

        รัช ที่เล่นในแดนหน้าร่วมกับ ดัลกลิช ในถิ่น แอนฟิลด์ ช่วงทศวรรษ 80 กล่าวว่า "สิ่งที่ เคนนี่ นำมาสู่สโมสรแห่งนี้ก็คือความคิดที่ว่าไม่มีใครสำคัญไปกว่าทีม แต่เขาก็ทำไปโดยไม่ทำให้นักเตะรายใดมีความรู้สึกเจ็บปวด บรรดานักเตะจำเป็นต้องคิดว่าชัยชนะของพวกเขาไม่ได้เป็นของคนใดคนหนึ่ง เคนนี่ ไม่เคยวิจารณ์นักเตะในที่สาธารณะ แต่จะมีการพูดคุยกับนักเตะแบบส่วนตัว ในยุค 80 พวกเราเรียกว่าสโมสรเป็นเหมือนครอบครัว เนื่องจากสิ่งนี้ ตอนนี้หลายอย่างอาจจะเปลี่ยนไป และผู้จัดการทีมก็จำเป็นต้องพูดคุยกับสื่อ ทว่ากฎเบื้องต้นมันก็ยังคงมีอยู่"

        ขณะเดียวกัน รัช ยังได้พูดถึงสถานการณ์ของพลพรรค "เครื่องจักรสีแดง" ในเวลานี้ ที่ยังรั้งอันดับ 6 ในตารางลีกด้วยว่า "ตอนนี้คุณจำเป็นต้องทำผลการแข่งขันให้ได้ แม้จะไม่ได้เล่นฟุตบอลที่สวยงาม เกมพบกับ นอริช ในช่วงต้นฤดูกาล พวกเขาเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม และก็ทำได้แค่เสมอ 1-1 แต่ในเกมล่าสุดกับ สวอนซี ซิตี้ พวกเขาไม่เสียประตู โดยก่อนหน้านี้ พวกเขาเอาชนะทีมใหญ่และเสมอกับทีมกลางตาราง หากคุณมองไปที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พวกเขาก็ได้แชมป์มาแบบนี้เช่นกัน"

        พร้อม กันนั้น รัช ยังแน่ใจว่าแข้งอายุน้อยอย่าง แอนดี้ แคร์โรลล์ และ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ที่เพิ่งซื้อตัวมาร่วมทีมเมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา จะเป็นกำลังสำคัญของ ลิเวอร์พูล ในอนาคตได้อย่างแน่นอน โดยระบุต่อว่า "สโมสรมีนักเตะดาวรุ่งหลายราย พวกเขาต้องใช้เวลาในการปรับตัว แต่ผมเชื่อว่าผู้จัดการทีมจะรับมือกับมันได้ ทั้ง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และ แอนดี้ แคร์โรลล์ เป็นนักเตะดาวรุ่งทั้งสองคน ซึ่งผมมั่นใจว่าพวกเขาจะเป็นตัวหลักของทีมได้"

วันศุกร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

"ดัลกลิช" สุดเซ็งเจอโปรแกรมสุดโหดภายใน 48 ชม.



เคนนี่ ดัลกลิช ผู้จัดการทีมชาวสกอตแลนด์ของ ลิเวอร์พูล ยักษ์ใหญ่ขวัญใจมหาชนแห่งศึกพรีเมียร์ลีก แสดงความไม่พอใจกับโปรแกรมการแข่งขันอย่างแรง กรณีที่ต้องนำ "หงส์แดง" ดวล เชลซี ในรอบก่อนรองชนะเลิศ ศึกคาร์ลิ่ง คัพ ภายใน 48 ชั่วโมง หลังต้องพบ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เกมลีกที่สนาม แอนฟิลด์

        ตามโปรแกรมแล้ว ลิเวอร์พูล ต้องรับมือ "เรือใบสีฟ้า" จ่าฝูงลีก ในวันอาทิตย์ที่ 27 พ.ย.นี้ จากนั้นก็ต้องเยือน "สิงโตน้ำเงินคราม" ในวันอังคารที่ 29 พ.ย.ต่อทันที อย่างไรก็ตาม จากการชุมนุมของสหภาพการค้า (ทียูซี) ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ แนะนำว่า เกมฟุตบอลถ้วยไม่ควรแข่งขันในวันที่ 30 พ.ย. 

        ดัลกลิช  เผยว่า ได้พยายามร้องขอให้มีการเลื่อนโปรแกรมออกไป แต่โดนฝ่ายจัดการแข่งขันปฏิเสธ "มันดูน่าอับอายจริงๆ ในวันนี้ และนักเตะถูกขอให้ลงเล่นเกมสำคัญใน พรีเมียร์ลีก จากนั้นก็ต้องไปลอนดอน เพื่อเล่นรอบ 8 ทีมสุดท้าย ศึกคาร์ลิ่ง คัพ ในอีก 48 ชั่วโมง"

        "มันเป็นเรื่องที่ยอมรับได้กับกรณีเกมที่ สเปอร์ส พบ พีเอโอเค ซาโลนิก้า และการชุมนุมของสหภาพการค้า ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ บอกว่า เกมของเราไม่ควรแข่งในวันพุธ แต่ฝ่ายจัดการแข่งขันควรที่จะหาทางแก้ปัญหาอื่นๆ ซึ่งพิจารณาเรื่องสวัสดิภาพของนักเตะ และเห็นได้ชัดว่า มันไม่เกิดขึ้น"

        "แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อยู่ในสถานการณ์ที่คล้ายๆ กันกับเรา จากการที่พวกเขาต้องพบ อาร์เซน่อล และสำหรับพวกเขาย่อมต้องมีการโต้เถียงในกรณีนี้เช่นกัน แต่งานของเราก็คือ ต้องปกป้องผลประโยชน์ของสโมสร ลิเวอร์พูล ที่นี่คุณมี 2 สโมสรที่ให้ความสำคัญกับการแข่งขันรายการนี้ พร้อมกับให้ความเคารพอย่างสูงตลอดหลายปีที่ผ่านมา"

        "ผมสนใจที่จะได้รู้สิ่งที่สปอนเซอร์คิดในสถานการณ์นี้ และสิ่งที่ทำเพื่อชื่อเสียงของการแข่งขันรายการนี้ มันดูเหมือนเป็นการขาดความรับผิดชอบที่ตารางการแข่งขันรอบก่อนรองชนะเลิศ อยู่ในสัปดาห์เดียวกับเกม ยูโรปา ลีก ถ้า สโต๊ค ต้องพบกับเราในรอบที่ผ่านมา และผ่านไปพบ เชลซี จากนั้นตารางการแข่งขันต้องมีการปรับเปลี่ยนไปอีกวัน มันก็เหมือนกับกรณีนี้"

        "แต่เมื่อเราสอบถามไปยัง พรีเมียร์ลีก เพื่อที่จะเลื่อนเกมไปเล่นวันถัดไป เราได้รับการบอกกล่าวว่าเป็นไปไม่ได้ สิ่งที่จะเกิดขึ้นถ้า 4 สโมสรในอังกฤษลงเล่นใน ยูโรปา ลีก รวมทั้งผ่านเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศล่ะ? ถ้า พรีเมียร์ลีก ต้องการลดคุณค่าของการแข่งขันของตัวเอง นั่นก็ขึ้นอยู่กับพวกเขา แต่พวกเขาไม่ควรเสียใจ ถ้ามีคนต้องการใช้เกมเหล่านี้เพื่อช่วยพัฒนานักเตะดาวรุ่งเท่านั้น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พอใจที่เกมลีกเลื่อนกลับไปแข่งในวันเสาร์ ดังนั้นเราทั้งสองทีมต้องการเวลาในการเตรียมตัวให้เหมาะสม" ดัลกลิช ร่ายยาว

วันอังคารที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

"ดาวนิ่ง"สุดเสียดายเจ๊าหงส์ขาว


สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง พ่อค้าแข้งของ ลิเวอร์พูล ยอมรับ สุดเสียดายปนเซ็งที่ต้นสังกัด ทำได้เพียงแบ่งแต้มกับ สวอนซี หลังเสมอกัน 0-0 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ชี้ชัด หากต้นสังกัดอยากไปอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมกับทีมที่ยิ่งใหญ่ ก็ต้องเก็บ 3 แต้มจากเกมแบบนี้ในรังเหย้าให้ได้ เผย การจบสกอร์ไม่ลงคือข้อผิดพลาดในเกมนี้ แถมชม มิเชล ฟอร์ม นายด่านคู่แข่งว่าโคตรหนึบ


            สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง ปีกซ้ายตัวพลิ้วของ ลิเวอร์พูล ยืนยันว่า ต้นสังกัดยังต้องทำงานกันอย่างหนักต่อไป หลังจากทำได้เพียงเปิด แอนฟิลด์ เสมอกับ สวอนซี ซิตี้ 0-0 ในเกม พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันเสาร์ที่ 5 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา พร้อมยอมรับว่า "หงส์แดง" ควรที่จะต้องเอาชนะ "หงส์ขาว" ซึ่งเพิ่งเลื่อนชั้นมาเล่นบนลีกสูงสุดแดนผู้ดีในซีซั่นนี้ให้ได้
            ทีมของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส เป็น 1 ใน 4 ทีมของฤดูกาลนี้ ที่เก็บแต้มออกจากรังเหย้าของ ลิเวอร์พูล ได้สำเร็จ (3 ทีมก่อนหน้านี้คือ ซันเดอร์แลนด์, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ นอริช ซิตี้ เป็นผลเสมอทั้งหมด) จากเกมลีกที่ "หงส์แดง" เล่นในบ้านไปแล้ว 6 เกม ทำให้ส่งผลกระทบต่อการแย่งพื้นที่เพื่อไปเตะศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก โดยตรง เพราะตอนนี้ "หงส์แดง" ตาม เชลซี ทีมอันดับที่ 4 อยู่ 3 คะแนน จากการลงเล่นเท่ากัน
          ดาวนิ่ง กล่าวกับเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของสโมสรว่า "สวอนซี เป็นทีมฟุตบอลที่ดี และฤดูกาลนี้พวกเขาก็เล่นได้น่าประทับใจ แต่ที่ผมจะพูดต่อไปนี้ไม่ได้แปลว่า ผมไม่เคารพพวกเขานะ เพราะถ้าเราอยากจะก้าวไปสู่ที่ที่เราอยากเป็นแล้วล่ะก็ เราต้องจำเป็นที่จะต้องเอาชนะเกมแบบนั้น กับการเล่นในบ้านให้ได้ ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องน่าผิดหวังนิดๆ สำหรับเรา ที่คว้า 3 แต้มจากเกมนั้นไม่สำเร็จ"
           "การทำได้แค่เสมอกับพวกเขาเป็นเรื่องที่น่าผิดหวัง จริงอยู่ว่า สวอนซี เล่นได้ค่อนข้างดี แต่ถ้าเราเก็บโอกาสที่มีได้ และทำประตูได้ตั้งแต่ตอนเริ่มเกมแล้วล่ะก็ บางทีมันอาจจะเปลี่ยนไปอีกแบบหนึ่งก็ได้ บางทีการที่เราสร้างโอกาสได้มากมาย อาจจะเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้จัดการ กับทีมของเรารู้สึกพอใจ แต่เราจัดการมันไม่ได้ เราต้องตั้งใจทำงานในเรื่องนี้ต่อไป และพยายามรักษาการยืนในตำแหน่งที่ถูกต้องเอาไว้ แล้วก็หวังว่า มันจะช่วยให้เราทำประตูได้ในเร็วๆ นี้" แข้งวัย 27 ปี เผยทั้งนี้ปีกดีกรีทีมชาติอังกฤษ บอกว่า การที่ทีมไม่อาจจบสกอร์ได้ ทั้งที่สร้างโอกาสได้เป็นกอบเป็นกำ คือจุดสำคัญที่ทำให้พลาด 3 คะแนนจากเกมดังกล่าว พร้อมชม มิเชล ฟอร์ม นายด่านจอมหนึบของ สวอนซี ว่าน่าจะเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดในฤดูกาลนี้สำหรับ "หงส์ขาว" หลังจากที่นายทวารชาวดัตช์ เซฟชอตสำคัญๆ ในช่วงท้ายเกมได้ถึง 2 จังหวะ จนทำให้สกอร์ยังเท่ากันจนจบเกม
           "ถ้า แอนดี้ (แคร์โรลล์) ทำประตูได้จากโอกาสในช่วงต้นเกม บางทีมันก็อาจเป็นเกมที่แตกต่างออกไปก็ได้ สวอนซี อาจต้องเปลี่ยนรูปแบบที่พวกเขาเล่นเลยทีเดียว มันเป็นการเซฟลูกยิงของ เกล็น (จอห์นสัน) ที่ยอดเยี่ยม (ของ มิเชล ฟอร์ม ผู้รักษาประตู สวอนซี) ผมคิดว่า ผู้รักษาประตูของพวกเขาอาจจะเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดของพวกเขาในฤดูกาลนี้ ซึ่งมันแสดงให้เห็นว่า เขาทำได้ดีแค่ไหน"
 "แต่เราก็มีโอกาสที่ดีจากจังหวะของ แดเนี่ยล (แอ็กเกอร์) เช่นเดียวกับจังหวะของ เกล็น กับของ แอนดี้ ในช่วงเริ่มเกม และผมก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่า ประตูของ เดิร์ค (เค้าท์) มันล้ำหน้าจริงๆ หรือเปล่า" ดาวนิ่ง กล่าวทิ้งท้าย

วันจันทร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

"ดัลกลิช"ป้อง"ซัวเรซ"ไม่ใช่จอมพุ่ง


       เคนนี่ ดัลกลิช ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล ปกป้อง หลุยส์ ซัวเรซ หัวหอกอุรุกวัย ไม่ได้เป็นนักเตะจอมพุ่ง อย่างที่ถูกกล่าวหา หลังโดนแซะนิดหน่อยเป็นล้มลุกคลุกคลาน รวมถึงเกมกับ เวสต์บรอมฯ ที่เรียกจุดโทษให้ทีมได้ ชี้ ซัวเรซ โดนอัดในเขตโทษอย่างชัดเจน ไม่เห็นพุ่งตรงไหน
        เคนนี่ ดัลกลิช ผู้จัดการทีม "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ทีมยักษ์ใหญ่ของอังกฤษ โดดออกมาปกป้อง หลุยส์ ซัวเรซ ดาวยิงจอมเทคนิคทีมชาติอุรุกวัย อีกครั้ง หลังถูกตราหน้าไม่เลิกว่าเป็นพวกนักเตะจอมพุ่ง ล่าสุดเรียกจุดโทษให้ทีมเกมเอาชนะ "เดอะ แบ็กกี้ส์" เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน 2-0 สุดสัปดาห์ที่แล้ว ชี้ ซัวเรซ โดนไล่อัดไล่เตะ และเป็นเป้าหมายของคู่แข่ง เพราะความสามารถของตัวเอง

         ซัว เรซ ล้มกลิ้งทันทีที่โดน เจอโรม โธมัส เข้าปะทะ เรียกจุดโทษให้ทีมออกนำ ในเกมที่ชนะ 2-0 และโดน พอล ชาร์เนอร์ นักเตะเจ้าถิ่น ตราหน้าหลังจากนั้นว่า ล้มง่ายเกิน โดย ดัลกลิช กล่าวว่า "ผลงานของ ซัวเรซ ที่ทำให้เรามันวิเศษมาก สำหรับ หลุยส์ แล้ว ผมคิดว่าคนพยายามโจมตีเขาเพราะเขาเป็นนักเตะเก่ง แทนที่จะชมเขา ก็หาทางจับผิด ทั้งที่มันไม่มีอะไรเลย ผมไม่รู้จริงๆ ว่า ทำไมเขาถึงโดนกล่าวหาว่าพุ่งล้ม"

         "ผมไม่เคยดูทีวีหลัง เกมเลย แต่คุณสามารถบอกได้ว่ามันมีการปะทะกันเกิดขึ้น ถ้าหากเกิดนอกเขตโทษ ก็เป็นลูกตั้งเตะไป แต่นี่เขาโดนปะทะจริงๆ ผมเลยไม่รู้ว่ามันมีปัญหาอะไรกัน เขาเจ็บในเกมที่ สโต๊ค เพราะพยายามฝืนไม่ล้ม แล้วถ้างั้นจะไปยืนให้เตะทำไม" ดัลกลิช กล่าว

         นอกจาก ถูกเล่นงานข้อหาพุ่งล้มแล้ว ซัวเรซ ยังถูกสอบสวนข้อหาเหยียดผิว ปาทริซ เอวร่า แบ๊กเลือดน้ำหอม ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วย ซึ่ง ดัลกลิช บอกว่า "พวกเขาอยากพูดอะไรก็เชิญ เพราะเขาจะเล่นของเขาต่อไไป วิ่งพล่าน, เล่นงานคู่แข้ง, สร้างสรรค์โอกาส และ ยิงประตู เขาไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ความน่าเชื่อของตัวเอง ไม่ต้องพิสูจน์ตัวเองในฐานะนักเตะกับใคร"

วันอาทิตย์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

สงครามหงส์จืด หงส์แดงเสมอหงส์ขาวไร้สกอร์ 0-0

 

ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
 วันเสาร์ที่ 5 พฤศจิกายน 2554 
ลิเวอร์พูล 0    -    0 สวอนซี
สนาม:แอนฟิลด์


         ที่ แอนฟิลด์ เป็นเกมพรีเมียร์ลีก คู่ระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ สวอนซี ซิตี้ ทีมน้องใหม่ โดยนัดนี้เจ้าถิ่นยังยึดผู้เล่นชุดเดิมจากเกมล่าสุดเป็นหลัก นำโดย หลุยส์ ซัวเรซ ศูนย์หน้าทีมชาติอุรุกวัย ขณะที่ทีมเยือน เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ก็ยังไว้ใจผู้เล่นที่ทำผลงานได้ดีมาอย่างต่อเนื่อง ยกเว้น  เวย์น เราท์เลดจ์ ที่ได้ลงเป็นตัวจริงแทน สกอตต์ ซินแคลร์


         ช่วง ต้นเกม ลิเวอร์พูล ยังไม่เร่งกดดันแนวรับผู้มาเยือนมากนัก แต่ก็มีลุ้นเหมือนกันในนาทีที่ 6 จากจังหวะที่ สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง ทำชิ่งกับ ชาร์ลี อดัม หลุดไปเปิดทะลุเข้าในเขตโทษให้ แอนดี้ แคร์โรลล์ ได้ยิงจ่อๆด้วยเท้าซ้ายตรงเสาสอง บอลชนคานอย่างจังกระดอนออกมา ทีมเยือนเลยรอดพ้นการเสียประตูไปอย่างหวุดหวิด


         รูปเกม ของทั้งสองฝั่งยังเนือยๆ กระนั้น เจ้าถิ่นก็ยังมีโอกาสลุ้นประตูอยู่เป็นระยะ นาทีที่ 18 ซัวเรซ รับบอลจาก อดัม บริเวณกรอบเขตโทษ แต่แทนที่จะทำชิ่งกับดาวเตะสกอตติช เจ้าตัวกลับเลือกที่จะล็อกเข้าขวาแล้วตะบันเอง บอลพุ่งเข้าชนเข้าข้างตาข่ายแบบมีลุ้น


         สองนาทีถัดมา เป็น ดาวนิ่ง ที่ได้หลุดเข้าไปตะบันในเขตโทษ ติดบล็อกกองหลังทีมเยือนออกหลังเป็นลูกเตะมุม ก่อนจะถูกเคลียร์พ้นอันตรายไปได้


         ลิเวอร์พูล เริ่มครองเกมได้มากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะการเลือกเจาะทางฝั่งซ้าย นาทีที่ 23 ก็เป็น ดาวนิ่ง ที่ได้หลุดไปเปิดจากสุดเส้น ซัวเรซ ลอยตัวขึ้นที่เสาแรกแต่โหม่งไม่โดน บอลเลยหลุดไปถึง ลูคัส ที่ยืนอยู่ด้านหลังทิ้งตัวโขกกดลงพื้นหลุดกรอบไปอีก


         อย่าง ไรก็ดี กลับเป็น สวอนซี ที่ได้โอกาสลุ้นประตูขึ้นนำอย่างที่สุด ในนาทีที่ 28 จากจังหวะที่ เราท์เลดจ์ ลากเลื้อยขึ้นทางซ้ายก่อนเปิดไปที่เสาแรกให้ แดนนี่ เกรแฮม โฉบเข้าไปดีดเปลี่ยนทาง บอลทำท่าจะลอยเข้าทางเสาขวามืออยู่แล้ว แต่ โฆเซ่ เรน่า โชว์ซูเปอร์เซฟ ลอยตัวปัดทิ้งไว้ได้อย่างไม่น่าเชื่อ


         ถัดมานาทีเดียว มิเชล ฟอร์ม นายทวารสวอนซี ก็ได้ออกแรงเซฟบ้างเหมือนกัน เมื่อ ซัวเรซ ล็อกหลบกองหลังในเขตโทษ ก่อนกดเรียดด้วยซ้าย แต่ผู้รักษาประตูชาวดัตช์ล้มตัวปัดทิ้งออกหลังได้หวุดหวิด


         นานๆ ครั้ง สวอนซี จะมีโอกาสลุ้นได้ประตู แต่ก็สร้างความหวาดเสียวให้เจ้าบ้านได้เช่นกัน นาทีที่ 36 เราท์เลดจ์ ก็จ่ายให้ โจ อัลเลน พลิกตัวตรงกรอบเขตโทษก่อนตวัดยิงด้วยขวา บอลพุ่งเฉี่ยวเสาไกลไปนิดเดียว


         ท้ายครึ่งแรก ลิเวอร์พูล ยังครองเกมได้มากกว่า แต่ยังไม่สามารถกดดัน ฟอร์ม กับแผงหลังของสวอนซีได้ต่อเนื่อง จบ 45 นาทีแรก สกอร์ยังหยุดนิ่งอยู่ที่ 0-0


         ช่วงพักครึ่ง เคนนี่ ดัลกลิช ถอด จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ที่ไม่มีบทบาทในครี่งแรกออก แล้วส่ง เดิร์ค เค้าท์ ลงมาเติมเกมทางฝั่งขวาแทน จากนั้นในนาทีที่ 49 ลิเวอร์พูล มีโอกาสสวยๆอีกครั้ง อดัม แทงทะลุออกซ้ายให้ ดาวนิ่ง หลุดไปเปิดเข้ากลาง แต่ ฟอร์ม ยังไม่พลาด ตะครุบไว้ได้ติดมือ


         ผ่านมาถึง นาทีที่ 55 ของเกม นีล เทย์เลอร์ ก็รับใบเหลืองไปเป็นคนแรกของเกม จากการเจตนาขวาง เกล็น จอห์นสัน ที่เติมเกมรุกขึ้นทางขวา


         เกม ของ ลิเวอร์พูล ยังติดขัดไม่ปะติดปะต่อ จน แคร์โรลล์ เริ่มหงุดหงิดไปทำฟาวล์ อังเคล รานเคล กองหลังสวอนซี แล้วเตะบอลทิ้งด้วยความไม่พอใจ ในนาทีที่ 58 แต่โชคดีที่ ฟิล ดาวด์ ผู้ตัดสินแค่เรียกไปตักเตือนเท่านั้น ไม่ได้แจกใบเหลืองให้แต่อย่างใด


         ลูก โต้กลับของ สวอนซี ยังคงสร้างปัญหาให้เกมรับเจ้าถิ่นได้เป็นระยะ นาทีที่ 64 เนธาน ดายเออร์ วิ่งสอดไปรับบอลที่เพื่อนแทงทะลุให้ แล้วลักไก่ยิงทันทีจากบริเวณหน้ากรอบเขตโทษ เรน่า อ่านเกมขาด พุ่งออกมาบล็อกด้วยอกเสียแค่ลูกเตะมุม


         จากนั้นในนาที ที่ 67 แดเนียล แอ็กเกอร์ ก็ทำเสียฟรีคิกระยะอันตราย ตรงกรอบเขตโทษพอดี จากการเจตนาดักใส่ เราท์เลดจ์ ที่ลากจี้เข้าหา แต่ มาร์ค กาวเออร์ ซัดไปติดกำแพงแบบไม่ได้ลุ้น


         จนถึงนาทีที่ 73 ทั้งสองทีมก็แก้เกมอีกครั้ง เจ้าถิ่นถอด แคร์โรลล์ ออก แล้วส่ง เคร็ก เบลลามี่ ลงมาแทน ส่วนทีมเยือนส่ง สกอตต์ ซินแคลร์ แทน เราท์เลดจ์


         สิบ ห้านาทีสุดท้าย ลิเวอร์พูล พยายามเร่งเกมหวังทำประตูชัยให้ได้ แต่รูปเกมยังขาดๆเกินๆ แทบไม่ได้สร้างแรงกดดันให้แนวรับทีมเยือนอย่างที่ควรจะเป็น สุดท้ายเลยต้องจำยอมรับผลเสมอ 0-0 ในที่สุด

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
 ลิเวอร์พูล:
โฆเซ่ เรน่า, เกล็น จอห์นสัน, มาร์ติน สเคอร์เทล, ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์, โฆเซ่ เอ็นริเก้, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ลูคัส เลว่า, ชาร์ลี อดัม, สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง, หลุยส์ ซัวเรซ, แอนดี้ แคร์โรลล์

 สำรอง: อเล็กซานเดอร์ โดนี่, มักซี่ โรดริเกซ, เซบาสเตียน โกอาเตส, เดิร์ค เค้าท์, เจย์ สเปียริ่ง, มาร์ติน เคลลี่, เคร็ก เบลลามี่

 สวอนซี: มิเชล ฟอร์ม, อังเคล รันเคล, แกรี่ มองค์, แอชลี่ย์ วิลเลี่ยมส์, นีล เทย์เลอร์, เนธาน ดายเออร์, โจ อัลเลน, มาร์ค โกเวอร์, ลีออน บริตตัน, เวย์น เราท์เล็ดจ์, แดนนี่ เกรแฮม

 สำรอง: แกร์ฮาร์ด เทรมเมล, สกอตต์ ซินแคลร์, ลีรอย ลิต้า, ลุค มัวร์, เคมี่ อกุสเตียน, แอชลี่ย์ ริชาร์ดส์, วานเจลิส โมราส

 ผู้ตัดสิน: ฟิล ดาวด์


สรุปผล ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ- นิวคาสเซิ่ล ชนะ เอฟเวอร์ตัน  2 - 1
- แบล็คเบิร์น แพ้ เชลซี  0 - 1
- แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ ซันเดอร์แลนด์  0 - 1
- อาร์เซน่อล ชนะ เวสต์บรอมวิช  3 - 0
- แอสตัน วิลล่า ชนะ นอริช ซิตี้  3 - 2
- ลิเวอร์พูล เสมอ สวอนซี  0 - 0
- ควีนส์ปาร์ค แพ้ แมนฯ ซิตี้  2 - 3

วันเสาร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

หงส์แดงจัดเต็มรับการมาเยือนของหงส์ขาว คืนนี้



        "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล เตรียมจัด หลุยซ์ ซัวเรซ กับ แอนดี้ แคร์โรลล์ที่ต่างโชว์ผลงานได้ดีนัดก่อนลงนำแนวรุกหวังปิดสกอร์ทีมเยือน "หงส์ขาว" สวอนซี ที่นัดก่อนซิวชัยมาได้อย่างเหนือชั้น แผงหน้าอย่าง สกอตต์ ซินแคลร์ กับ แดนนี่ เกรมแฮม ยังคงเป็นตัวความหวังยิงประตูเช่นเคย ในศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ คืนวันเสาร์ที่ 5 พ.ย. ศกนี้


ปรีวิว ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ

วันเสาร์ที่ 5 พฤศจิกายน 2554 
ลิเวอร์พูล     -     สวอนซี

สนาม : แอนฟิลด์



     เคนนี่ ดัลกลิช กุนซือ หงส์แดง ไม่มีเกมยุโรปให้ต้องเหนื่อยอ่อนเหมือนทีมยักษ์ใหญ่ทีมอื่นๆ หลังจากนัดก่อนบุกชนะ เวสต์บรอมวิช ได้อย่างสวยหรู 2-0 จากประตูของ ชาร์ลี อดัม จุดโทษ และ แอนดี้ แคร์โรลล์

     สภาพทีมของ ดัลกลิช ขาดสองตัวเก๋า สตีเว่น เจอร์ราร์ด กัปตันทีมที่มีอาการติดเชื้อที่ข้อเท้า ต้องพลาดเกมนี้เช่นเดียวกับการรับใช้ อังกฤษ อุ่นเครื่อง 2 นัด อีกคนคือ เจมี่ คาร์ราเกอร์ กองหลังตัวเก๋าเจ็บน่อง ต้องประเมินอาการ
     ด้วยเหตุนี้ ทำให้ ดัลกลิช อาจไม่ปรับสิบเอ็ดคนแรกที่เกมก่อนที่ เดอะ ฮอว์ธอร์นส์ แม้แดนหน้าต้องชั่งใจอย่างหนัก เพราะ เดิร์ค เค้าท์ ต้องหลุดไปเป็นสำรอง แต่เกมนี้ก็มีโอกาสกลับคืนปีกขวา
     ผู้รักษาประตู โฆเซ่ เรน่า แผงหลัง เกล็น จอห์นสัน, มาร์ติน สเคอร์เทล, ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์, โฆเซ่ เอ็นริเก้ แดนกลาง เดิร์ค เค้าท์, ลูคัส เลว่า, ชาร์ลี อดัม, สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง คู่หน้า หลุยส์ ซัวเรซ ยืนคู่ แอนดี้ แคร์โรลล์
     ทางฝั่ง เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือ สวอนซี นัดก่อนเปิดบ้านชนะ โบลตัน 3-1 อย่างยอดเยี่ยม จากประตูของ โจ อัลเลน, จุดโทษของ สกอตต์ ซินแคลร์ และ แดนนี่ เกรแฮม
     สภาพทีม เคมี่ อกุสเตียน กองกลางหายเจ็บเอ็นหลังหัวเข่ากลับมาซ้อมแล้ว ขณะที่ สตีเว่น คอลเกอร์ กองหลัง ก็หายเจ็บเข่า ตั้งเป้าคัมแบ็กในเกมพบ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ส่วน สตีเฟ่น ด็อบบี้ ตัวรุกยังเจ็บข้อเท้า
     สิบเอ็ดคนแรกคาดว่า ร็อดเจอร์ส คงไม่ปรับเปลี่ยน โดยเฉพาะแดนกลางที่เล่นดีทั้ง มาร์ค โกเวอร์, โจ อัลเลน และ ลีออน บริตตัน ทำให้ อกุสเตียน ที่คัมแบ็ก ต้องรอโอกาสข้างสนาม
     นายทวาร มิเชล ฟอร์ม เฝ้าเสา แนวรับ อังเคล รันเคล, แกรี่ มองค์, แอชลี่ย์ วิลเลี่ยมส์, นีล เทย์เลอร์ กองกลาง เนธาน ดายเออร์, โจ อัลเลน, มาร์ค โกเวอร์, ลีออน บริตตัน, สกอตต์ ซินแคลร์ ส่วนหน้าเป้าใช้ แดนนี่ เกรแฮม

รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม



     ลิเวอร์พูล
: โฆเซ่ เรน่า - เกล็น จอห์นสัน, มาร์ติน สเคอร์เทล, ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์, โฆเซ่ เอ็นริเก้ - เดิร์ค เค้าท์, ลูคัส เลว่า, ชาร์ลี อดัม, สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง - หลุยส์ ซัวเรซ, แอนดี้ แคร์โรลล์


     สวอนซี :
มิเชล ฟอร์ม - อังเคล รันเคล, แกรี่ มองค์, แอชลี่ย์ วิลเลี่ยมส์, นีล เทย์เลอร์ - เนธาน ดายเออร์, โจ อัลเลน, มาร์ค โกเวอร์, ลีออน บริตตัน, สกอตต์ ซินแคลร์ - แดนนี่ เกรแฮม


     ผู้ตัดสิน :
ฟิล ดาวด์



โปรแกรม ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ19.45 น. นิวคาสเซิ่ล - เอฟเวอร์ตัน
22.00 น. แบล็คเบิร์น - เชลซี
22.00 น. แมนฯ ยูไนเต็ด - ซันเดอร์แลนด์
22.00 น. อาร์เซน่อล - เวสต์บรอมวิช
22.00 น. แอสตัน วิลล่า - นอริช ซิตี้
22.00 น. ลิเวอร์พูล - สวอนซี
00.30 น. ควีนส์ปาร์ค - แมนฯ ซิตี้


ขอบคุณข้อมูล siamsport

วันศุกร์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

"ดัลกลิช"เร่งเอฟเอ สรุปกรณีซัวเรซ เพื่อนักเตะมีสมาธิกับเกม


เคนนี่ ดัลกลิช ผู้จัดการทีม "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ยอมรับว่า อยากให้สมาคมฟุตบอลอังกฤษ (เอฟเอ) หาข้อสรุปกรณี หลุยส์ ซัวเรซ หัวหอกทีมชาติอุรุกวัย ถูก ปาทริซ เอวร่า แบ็กซ้าย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กล่าวหาว่าพูดจาเหยียดผิว ระหว่างเกม พรีเมียร์ลีก ที่สนาม แอนฟิลด์ ซึ่งทั้งสองทีมเสมอกัน 1-1 เมื่อวันเสาร์ที่ 15 ตุลาคม ที่ผ่านมา ให้ได้โดยเร็ว


         เอฟเอ ต้องยื่นมือเข้ามาสอบสวนในเรื่องดังกล่าว ภายหลัง เอวร่า ให้สัมภาษณ์ผ่านสถานีโทรทัศน์ กานาล ปลุส ของฝรั่งเศส ว่า ถูก ซัวเรซ พูดจาเหยียดผิวไม่ต่ำกว่าสิบครั้ง แม้ทางคู่กรณีจะยืนกรานปฏิเสธ และได้รับการสนับสนุนจากต้นสังกัดอย่างเต็มที่ก็ตาม


         อย่าง ไรก็ดี หลังผ่านไปแล้วเกือบ 3 สัปดาห์ ทาง เอฟเอ ก็ยังไม่ได้ประกาศข้อสรุปใดๆ ทั้งสิ้น แม้จะได้เรียกทั้งสองฝ่ายมาเข้ารับการสอบปากคำแล้วก็ตาม เป็นเหตุให้ ดัลกลิช หวังว่าจะได้รับคำชี้แจงที่ชัดเจนโดยเร็ว เพื่อที่นักเตะจะได้กลับมามีสมาธิกับการเล่นในสนามต่อไป


         "เรา ได้คุยกับเอฟเอแล้ว ปรัชญาและความต้องการของเรายังคงไม่เปลี่ยนแปลง เราอยากให้เรื่องนี้ยุติโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้" ดัลกลิช กล่าว

วันพฤหัสบดีที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

"คีแกน" มั่นใจ ดัลกลิช จะนำหงส์แดงกลับมายิ่งใหญ่




         เควิน คีแกน ตำนานกองหน้า "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ยักษ์ใหญ่ขวัญใจมหาชนแห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เชื่อ เคนนี่ ดัลกลิช ผู้จัดการทีมชาวสกอตแลนด์ เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดในการนำยอดทีมแห่งถิ่น แอนฟิลด์ กลับมาสู่ความยิ่งใหญ่อีกครั้ง

         "คิงเคนนี่" ก้าวเข้ามาทำหน้าที่นายใหญ่ แทน รอย ฮ็อดจ์สัน เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา หลังจาก "เดอะ เร้ดส์" ทำผลงานย่ำแย่ในช่วงครึ่งซีซั่นแรกของปีที่แล้ว และหลังจากที่ ดัลกลิช เข้ามากุมบังเหียน ผลงานของทีมก็ดีวันดีคืน ล่าสุดในฤดูกาลนี้ เขาสามารถนำทีมขึ้นมารั้งอันดับ 6 หลังผ่านไป 10 เกมเท่านั้น

         คีแกน กล่าวว่า "ผมคิดว่า เขาคนเดียวเท่านั้นที่สามารถเข้ามาคุมทีม และยกระดับสโมสรขึ้นมา พวกเขาจำเป็นต้องมีใครสักคนที่แฟนบอลเชื่อมั่น แน่นอน เคนนี่ คนเดียวเท่านั้นที่จะเข้ามากุมบังเหียน และส่งผลเห็นทันที เพราะเขารู้จักสโมสรแห่งนี้เป็นอย่างดี"

         "ยกตัวอย่าง ตอนที่ผมไปคุม ฟูแล่ม ผมต้องเรียนรู้เกี่ยวกับสโมสร แต่คุณไม่จำเป็นต้องเรียนรู้เกี่ยวกับอะไรทั้งนั้น หากคุณเคยเล่น และเป็นผู้จัดการทีมที่นี่มาก่อน ผมไม่แปลกใจเลยที่เห็นเขากลับมา เพราะที่นี่อยู่ในสายเลือดของเขา เขาอยู่กับสโมสรแห่งนี้ และเห็นทุกสิ่งทุกอย่าง ทุกสิ่งที่เขารู้บางทีก็ไม่ถูกต้องทั้งหมด หรือหากเขาตัดสินใจ มันคงจะแตกต่างกับคนอื่น ดังนั้นเขามีประโยชน์กับทีมอย่างมาก"

         นอกจากนี้ อดีตกุนซือ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด เชื่อว่า ลิเวอร์พูล สามารถติดท็อปโฟร์ของลีกได้ "อันดับสี่หรืออันดับสาม เหตุผลที่ผมคิดว่า พวกเขามีโอกาสที่จะทำสำเร็จ เพราะพวกเขาไม่ต้องเล่นฟุตบอลถ้วยยุโรป แม้ว่ามันดูเหมือนผมคิดว่า เคนนี่ ให้ความสนใจ คาร์ลิ่ง คัพ เหมือนกับฟุตบอลถ้วยยุโรป ไม่งั้นคงไม่ส่งทีมที่แข็งแกร่งลงสนาม"

         "แต่มันไม่ได้มีความกดดันเหมือนกัน และคุณไม่ต้องเดินทางไกล 2,000 ไมล์ ไปเล่นในรัสเซีย จากนั้นก็กลับมา และต้องเดินทางไปลอนดอนในวันเสาร์ นั่นมันทำให้นักเตะเหนื่อยล้ามากๆ ไม่มีการลงเล่นใน ยูโรปา ลีก ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับ ลิเวอร์พูล นั่นแหละทำไมผมถึงคิดว่า พวกเขามีโอกาสที่จะจบสี่อันดับแรก" คีแกน ร่ายยาว

วันพุธที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

"อดัม" ระบุการแย่งตัวจริงในทีมหงส์แดง ทำให้ทีมดีขึ้น

       
ชาร์ลี อดัม กองกลาง ลิเวอร์พูล ชี้ตำแหน่งตัวจริงที่ไม่แน่นอนในถิ่น แอนฟิลด์ ทำให้นักเตะทุกคนมีความมุ่งมั่นในการโชว์ฟอร์มมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้ต้นสังกัดทำผลงานได้ดีในช่วงหลัง ระบุ หากมีผู้เล่นคนใดฟอร์มตกลงไปก็มักจะถูกผู้จัดการทีมดร็อปเป็นตัวสำรองทันที

        ชาร์ลี อดัม มิดฟิลด์ ลิเวอร์พูล ยอมรับว่า ตำแหน่งตัวจริงที่ไม่มั่นคงในถิ่น แอนฟิลด์ ทำให้นักเตะทุกคนมีความกระตือรือร้นที่จะเค้นฟอร์มเก่งออกมาในยามที่ได้รับ โอกาสลงเล่นซึ่งกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ต้นสังกัดทำผลงานได้ดีในเวลานี้ โดยล่าสุดพลพรรค "หงส์แดง" เพิ่งบุกไปเอาชนะ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน 2-0 เมื่อวันเสาร์ที่ 29 ต.ค.ที่ผ่านมา


         ดาวเตะวัย 25 ปี กล่าวว่า "เมื่อคุณมาอยู่สโมสรแห่งนี้ ก็จะได้อยู่ร่วมกับผู้เล่นฝีเท้าดีมากมาย นักเตะอย่าง เดิร์ค เค้าท์ ยังต้องเป็นตัวสำรองเลย ส่วน สตีเว่น เจอร์ราร์ด ก็แทบจะไม่ได้เล่น, เจมี่ คาร์ราเกอร์ ก็ไม่ค่อยได้เล่น รวมถึง เคร็ก เบลลามี่ ก็เป็นได้เพียงตัวสำรอง เรามีกองหน้าชั้นยอด 4 หรือ 5 คน ที่กำลังต่อสู้เพื่อแย่งตำแหน่งตัวจริง และทุกคนก็จะได้รับโอกาส"


         "มันขึ้นอยู่กับผู้จัดการทีมซึ่งจะเป็นคนเลือก เมื่อคุณอยู่กับทีมอย่าง ลิเวอร์พูล ซึ่งมีนักเตะระดับทีมชาติอยู่ถึง 25 คน ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องยากที่จะเบียดแย่งตำแหน่งในทีม แต่ทุกคนจำเป็นต้องแสดงให้เห็นว่าพวกเขาต้องการมีส่วนร่วมในทีม และมีนักเตะจำนวนหนึ่งที่ทำได้เช่นนั้น เรารู้ว่าเมื่อใดก็ตามที่เราฟอร์มตก จากนั้นเราก็จะถูกดร็อปเป็นตัวสำรองทันที" อดีตแข้ง แบล็คพูล กล่าวในที่สุด

วันอังคารที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

โรบินสัน ฟูลแบ็กดาวรุ่งดีใจได้ต่อสัญญาหงส์


แจ็ค โรบินสัน ฟูลแบ็กดาวรุ่งของลิเวอร์พูล ทีมหัวแถวศึกพรีเมียร์ลีก ออกมาแสดงความยินดีกับการต่อสัญญาฉบับใหม่เรียบร้อย เมื่อวันจันทร์ที่ 31 ตุลาคมที่ผ่านมา หลังจากเริ่มฉายแววเด่นนับตั้งแต่ประเดิมสนามทีมชุดใหญ่นัดแรกช่วงปลายฤดู กาล 2009-2010


        แบ็กซ้ายวัย 18 ปี มีโอกาสลงสนามในทีมชุดใหญ่แล้ว 5 นัด เป็นเจ้าของสถิตินักเตะอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ "หงส์แดง" หลังจากถูกเปลี่ยนลงสนามในเกมพบ ฮัลล์ ซิตี้ เมื่อ 2 ปีก่อน แต่ฤดูกาลนี้โอกาสลงสนามเขามีจำกัดหลังการย้ายเข้ามาของ หลุยส์ เอ็นริเก้ ดาวเตะชาวสเปน ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา


        อย่างไรก็ตาม โรบินสัน กล่าวด้วยความมั่นใจผ่านเว็บไซต์สโมสรว่า "ผมดีใจจริงๆ ผมกำลังจะไปทานข้าวกลางวัน และเห็นดาเมียง โกมอลลี่ (ผู้อำนวยการฟุตบอลลิเวอร์พูล) ยืนรออยู่ตรงทางเดิน เขาดึงผมไปอีกด้าน แล้วบอกว่าสโมสรอยากต่อสัญญาใหม่กับผม"


        "มันไม่มีอะไรต้อง สงสัยเลย ผมตื่นเต้นที่สโมสรยื่นสัญญาใหม่ให้กับผม ผมแค่ต้องทำงานหนักในการฝึกซ้อมต่อไป ผมไม่อาจนั่งพักได้ในสัญญานี้ ผมต้องพัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ และแสดงให้คนอื่นๆเห็นว่า ผมทำอะไรได้บ้าง"


        ขณะ เดียวกันชาร์ลี อดัม กองกลางทีมชาติสกอตแลนด์ ออกมาแสดงความยินดีกับดาวเตะรุ่นน้องผ่านทวิตเตอร์ เว็บไซต์สังคมออนไลน์ว่า "ดีจริงๆที่เห็นลิเวอร์พูล เซ็นสัญญากับนักเตะหนุ่มอีกคนอย่างแจ็ค โรบินสัน ซึ่งเป็นนักเตะแห่งอนาคต"