วันเสาร์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2554

"แฟนหงส์เฮ" เจิดซัดปิดกล่องนำหงส์แดงดับสาลิกาดง 3-1


พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
ลิเวอร์พูล 3:1 นิวคาสเซิ่ล 

"หงส์แดง" ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟิลด์ รับการมาเยือนของ "สาลิกาดง" นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด

ครึ่งแรกเปิดฉากมาถึงนาที 6 เป็นเจ้าถิ่นที่ได้ทักทายก่อนเมื่อแดเนียล แอ็กเกอร์ พาบอลขึ้นไปทางฝั่งซ้ายแล้วตัดสินใจซัดด้วยซ้ายเต็มๆแต่บอลพุ่งผ่านหน้า ประตูออกไป

นาที 19 หงส์แดงได้ลุ้นจากจังหวะที่ชาร์ลี อดัม ได้ตั้งป้อมตะบันด้วยซ้ายจากหน้ากรอบแต่บอลข้ามคานออกหลังไป

นาที 25 กลับเป็นนิวคาสเซิ่ลที่บุกมานำ 1-0 จากจังหวะที่ ไรอัน เทย์เลอร์ เปิดบอลจากทางซ้ายเข้ามาให้ โยอัน กาบาย โหม่งบอลพุ่งไปโดนไหล่ แดเนียล แอ็กเกอร์ เปลี่ยนทางเข้าประตูตัวเองไป

นาที 30 หงส์แดงตามตีเสมอ 1-1 เมื่อ โฆเซ่ เอ็นริเก้ เปิดบอลจากฝั่งซ้ายข้ามไปถึง ชาร์ลี อดัม เปิดยัดกลับเข้าไปหน้าประตู ชีค ติโอเต้ สกัดออกมาเข้าทาง เคร็ก เบลลามี่ สวนด้วยขวาเสียบเสาไกลอย่างเฉียบขาด

นาที 34 ยังเป็นโอกาสของเจ้าถิ่นเมื่อเคร็ก เบลลามี่ เปิดลูกเตะมุมเข้าไปหน้าประตู มาร์ติน สเคอร์เทล ขึ้นโหม่งเหน่งๆแต่บอลหลุดกรอบออกหลังไป

จากนั้นหงส์แดงยังครองเกมบุกได้ดีกว่าแต่ยิงเพิ่มไม่ได้ทำให้หมดครึ่งแรกยังเสมอ 1-1

ครึ่งหลังเริ่มไปเพียง 4 นาทีหงส์แดงมาได้ลุ้นจากจังหวะที่สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง ได้โอกาวตะบันด้วยซ้ายราว 35 หลาแต่บอลเหินข้ามคานออกไป

นาที 58 เป็นโอกาสของทีมเยือนเมื่อได้ฟรีคิกราว 30 หลา โยอัน กาบาย รับหน้าที่สังหารซัดด้วยขวาบอลข้ามกำแพงแล้วพุ่งข้ามคานออกหลังไป

นาที 64 หงส์แดงได้ลุ้นจากจังหวะที่ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ที่ลงมาเป็นตัวสำรองวางบอลให้ แอนดี้ แคร์โรลล์ สอดขึ้นไปดึงบอลลงแต่คุมไม่อยู่เลยโดน ทิม ครูล ออกมาคว้าบอลไปด้

นาที 67 เหล่าเดอะ ค็อปได้เริงร่าเมื่อได้ฟรีคิก เคร็ก เบลลามี่ รับหน้าที่สังหารปั่นด้วยขวาบอลโค้งข้ามกำแพงพุ่งเข้ากรอบ แดนนี่ ซิมพ์สัน พยายามโหม่งสกัดแต่พลาดกลายเป็นทำ ทิม ครูล เสียจังหวะบอลลอยเข้าประตูไปให้หงส์แดงนำ 2-1

นาที 70 เป็นโอกาสของทีมเยือนเมื่อเดมบา บา หลุดเข้าไปซัดด้วยขวาบอลพุ่งผ่าน โฆเซ่ เรน่า ไปแล้วแต่ มาร์ติน สเคอร์เทล ยังตามไปสกัดออกจากเส้นได้ทัน

2 นาทีต่อมาเป็นเจ้าถิ่นที่ได้ลุ้นเมื่อสตีเว่น เจอร์ราร์ด เปิดบอลจากฝั่งขวาเข้าไปหน้าประตู แอนดี้ แคร์โรลล์ ขึ้นโขกเต็มๆสุดปัญญาที่ทิม ครูลจะป้องกันแล้วแต่บอลพุ่งชนคานอย่างจัง

นาที 77 หงส์แดงหนีห่างเป็น 3-1 เมื่อจอร์แดน เฮนเดอร์สัน ไหลบอล สตีเว่น เจอร์ราร์ด สอดเข้าไปยิงด้วยซ้ายมุมแคบบอลลอดขา ทิม ครูล ตุงตาข่าย

ช่วง เวลาที่เหลือทั้งสองทีมเปิดเกมแลกกันสนุกแต่ไม่มีประตูเพิ่มทำให้จบเกม ลิเวอร์พูล ชนะ นิวคาสเซิ่ล 3-1 เก็บสามแต้มแซงอาร์เซน่อลขึ้นรั้งที่ 5 มี 34 แต้มเท่ากับเชลซีแต่ประตูได้เสียเป็นรองและแข่งมากกว่า 1 เกม

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
ลิเวอร์พูล :
โฆ เซ่ เรน่า, เกล็น จอห์นสัน, มาร์ติน สเคอร์เทล, แดเนียล แอ็กเกอร์, โฆเซ่ เอ็นริเก้, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, เจย์ สเพียริง, ชาร์ลี อดัม, สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง, แอนดี้ แคร์โรลล์, เคร็ก เบลลามี่

นิวคาสเซิ่ล : ทิม ครูล, แดนนี่ ซิมป์สัน, ไมค์ วิลเลียมสัน, ฟาบริซิโอ โกลอชชินี่, ไรอัน เทย์เลอร์, กาเบรียล โอแบร์กต็อง, ชีค ติโอเต้, โยอัน กาบาย, โฮนาส กูเตียร์เรซ, ฮาริส วุชคิช, เดมบา บา

วันอังคารที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2554

หงษ์แดงเปิดบ้านทำได้แค่เสมอกุหลาบไฟ 1-1

 
ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
วันจันทร์ที่ 16 ธันวาคม 2554
ลิเวอร์พูล  1     -     1  แบล็คเบิร์น


        สนาม : แอนฟิลด์ โร้ด



        "หงส์แดง" ภายใต้การคุมทีมของ เคนนี่ ดัลกลิช ได้ สตีเว่น เจอร์ราร์ด กัปตันทีมกลับมามีรายชื่อเป็นสำรอง แนวรุกให้โอกาส แอนดี้ แคร์โรลล์ จับคู่กับ หลุยซ์ ซัวเรซ รับมือ กุหลาบไฟ ของ สตีฟ คีน ที่กำลังหนีตายยังฝากความหวังไว้ที่  เมาโร ฟอร์มิก้า ทำเกมมี ยาคูบู ไอเย็กเบนี่  เป็นความหวังในแดนหน้า

        นาทีที่ 2 เจ้าถิ่นได้ลุ้นเร็ว คริสโตเฟอร์ แซมบ้า ไปฟาวล์ หลุยส์ ซัวเรซ กลางประตู ดาวเตะอุรุกวัยปันด้วยเท้าขวาโค้งไปด้านซ้ายข้ามคานอย่างน่าเสียดาย

        นาทีที่ 5 ซัวเรซ ปิดบอลมาติด แซมบ้า สกัดมาเข้าทาง ชาลี อดัม แตะเข้าเท้าขวาซัดตรงตัว มาร์ค บันน์

        นาที ที่ 18 เกล็น จอห์นสัน ได้บอลขวางสนามทางด้านขวา เกล็น จอห์นสัน ที่เติมขึ้นไปไหลกลับให้ ซัวเรซ ตวัดยิงเสาแรกยังเข้าหน้าต่าง

        นาที ที่ 27 ซัวเรซ ออกไปทางริมเส้นด้านซ้ายก่อนเปิดขวางสนามเข้ามา กองหลังแบล็คเบิร์นแย่งกับ สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง สกัดไม่ดีมาเข้าทาง แอนดี้ แคร์โรลล์ แค่ 6 หลาได้ดีก แต่ มาร์ค บันน์ ออกมาบล็อกหวุดหวิด

        นาทีที่ 30 แคร์โรลล์ รับบอลจากซัวเรซแปโล่งๆ เข้าไป แต่กองหน้าอุรุกวัยล้ำหน้าในจังหวะก่อนหน้านั้นชวดได้ประตูอีก

        นาที ที่ 32 ลิเวอร์พูลน่าจะได้จุดโทษเมื่อ มักซี่ โรดริเกซ ถูกบันน์ คว้าในเขตโทษ แต่ไลน์แมนยังยกธงเป็นลูกล้ำหน้าไปก่อนอีกท่ามกลางเสียงโห่ของแฟนบอลเดอะ ค็อป

        นาทีที่ 45 หงส์แดงบุกกดดันแต่กลายเป็นเสียประตูช่วงทดเวลาบาดเจ็บของครึ่งแรกจากจังหวะ เตะมุมด้านขวาของ มอร์เท่น กัมป์สท์ พีเดอร์เซ่น เข้ามาเสาแรก ชาร์ลี อดัม พยายามจะเตะทิ้งแต่ผิดเหลี่ยมโดนหน้าแข้งเข้าไปแบบโชคร้ายสุดๆ ครึ่งแรก แบล็คเบิร์น นำ 1-0

        นาทีที่ 53 ลิเวอร์พูล ตีเสมอจนได้จากจังหวะต่อเนื่องจากลูกเตะมุม สเคอร์เทล ได้บอลด้านขวาก่อนหยอดเข้าไปเสาสองให้ มักซี่ โรดริเกซ โหม่ง 6 หลาเข้าไปง่ายๆเป็น 1-1

        นาทีที่ 56 โฆเซ่ เอ็นริเก้ โยนให้ แคร์โรลล์ โหม่งเบาย้อยข้ามคาน

        นาทีที่ 69 เจอร์ราร์ด ที่เพิ่งลงมาเปิดฟรีคิกโค้งไปหน้าปากประตู มักซี่ ยังโหม่งข้ามคานไปอีก

        นาทีที่ 90 หงส์แดงกดดันหนักแต่ทำประตูชัยไม่ได้เสมอกันไป 1-1


รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม

        ลิเวอร์พูล : โฆเซ่ เรน่า, เกล็น จอห์นสัน, มาร์ติน สเคอร์เทล, แดเนียล แอ็กเกอร์, โฆเซ่ เอ็นริเก้, มักซี่ โรดริเกซ, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ชาร์ลี อดัม, สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง, หลุยส์ ซัวเรซ, แอนดี้ แคร์โรลล์
        สำรอง : อเล็กซานเดอร์ โดนี่, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, เดิร์ค เค้าท์, เจมี่ คาร์าเกอร์, จอนโจ้ เชลวี่ย์, มาร์ติน เคลลี่, เคร็ก เบลลามี่

        แบล็คเบิร์น : มาร์ค บันน์, เจสัน โลว์, คริส แซมบ้า, แกรนท์ แฮนลี่ย์, มอร์เท่น กัมท์ส พีเดอร์เซ่น, อดัม เฮนลี่ย์, เดวิด ดันน์, สตีเว่น เอ็นซองซี่, จูเนียร์ ฮอยเล็ตต์, เมาโร ฟอร์มิก้า,  ยาคูบู   ไอเย็กเบนี่
        สำรอง : เจ๊ค คีน, ราโดสลาฟ เปโตรวิช, รูเบน โรชีน่า, นิค แบล็คแมมน, เดวิด วู้ดวิลลี่, ซิม่อน วูคเชวิช, จอช มอร์ริส
     
   ผู้ตัดสิน : ไมค์ โจนส์


สรุปผลฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
- เชลซี เสมอ ฟูแล่ม  1 - 1
- โบลตัน แพ้ นิวคาสเซิ่ล  0 - 2
- ลิเวอร์พูล เสมอ แบล็คเบิร์น   1 - 1
- แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ วีแกน  5 - 0
- ซันเดอร์แลนด์ เสมอ เอฟเวอร์ตัน   1 - 1
- เวสต์บรอมวิช เสมอ แมนฯ ซิตี้   0 - 0
- สโต๊ค ซิตี้ เสมอ แอสตัน วิลล่า  0 - 0

วันพฤหัสบดีที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2554

หงส์แดงเซ็งเสมอวีแกน 0-0 อดัมซัดลูกโทษไม่เข้า


ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
วันพุธที่ 21 ธันวาคม 2554
วีแกน 0 - ลิเวอร์พูล 0

สนาม : ดีดับเบิ้ลยู สเตเดี้ยม

         วีแกน ที่กำลังดิ้นรนหนีโซนท้ายตารางใช้ โคเนอร์ แซมม่อน ลงล่าตาข่าย ด้าน ลิเวอร์พูล ส่ง เดิร์ค เค้าท์ ยืนหน้าต่ำอยู่หลัง หลุยส์ ซัวเรซ ที่เป็นหอกตัวเป้า

         น.8 เริ่มเกมมา หงส์แดงเป็นฝ่ายเดินเครื่องรุกได้วูบวาบกว่า และมาได้ลุ้นเมื่อ ดาวนิ่ง แปะจากทางขวาย้อนมาให้ เฮนเดอร์สัน ซัดด้วยขวาทันทีจากระยะ 18 หลา แต่ อัล ฮับซี่ ยังปัดทิ้งได้

         น.21 จากนั้น รูปเกมของเจ้าถิ่นก็ดีขึ้น แต่ก็เกือบโดนก่อนจากลูกสวนกลับ อดัม หลุดไปทางซ้ายก่อนปาดเข้ากลางให้ เค้าท์ ตวัดยิงโล่งๆ แต่ไปตรงตัว อัล ฮับซี่ ปัดไว้ได้

         น.26 เป็นโอกาสทองอีกครั้งของ ลิเวอร์พูล เมื่อ มักซี่ ชิ่งจังหวะเดียวให้ จอห์นสัน หลุดเดี่ยวไปซัดด้วยขวาในเขตโทษ แต่ก็ยังติด อัล ฮับซี่ อีกครั้ง

         น.37 เดอะ ลาติกส์ ดีขึ้นมาและเกือบนำด้วยจากจังหวะสวนกลับ วิคเตอร์ โมเซส ลากมาคนเดียวก่อนตะบันด้วยขวาระยะ 18 หลา แต่ เรน่า ก็ยังทุบทิ้งได้เยี่ยม หมดครึ่งแรกยังเจ๊ากันไร้สกอร์

         น.50 เข้าสู่ครึ่งหลัง หงส์แดงน่านำอย่างที่สุดเมื่อ หลุยส์ ซัวเรซ ได้ตีลังกายิงในเขตโทษ บอลไปโดนแขน แกรี่ คัลด์เวลล์ ผู้ตัดสินขี้เป็นจุดโทษทันที ทว่า ชาร์ลี อดัม ดันยิงไปติดเซฟของ อาลี อัล ฮับซี่ นายทวารเจ้าถิ่นอีก

         น.64 ลิเวอร์พูล พยายามตั้งเกมขึ้นมาอีกครั้ง ลูกนี้ โฆเซ่ เอ็นริเก้ ไปเก็บบอลทางซ้ายก่อนโยนเข้ากลางให้ สเคอร์เทล โหม่งข้ามคานไปไกล

         น.72 รูปเกมของทีมเยือนแย่ลงไปเลย แต่ก็ได้ลุ้นเล็กๆ จากจังหวะที่ ดาวนิ่ง เลื้อยอยู่ทางซ้ายก่อนไหลย้อนมาให้ จอห์นสัน ปาดต่อเข้ากลางและเป็น เฮนเดอร์สัน วิ่งเข้ามาตะบันหน้าเขตโทษหลุดเสาไกลออกไป

         น.90 ช่วงเวลาที่เหลือ หงส์แดงพยายามเร่งเกมหนัก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มาก จบเกมเสมอกันไป 0-0

         รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม
         วีแกน : อาลี อัล ฮับซี่, รอนนี่ สตัม, แกรี่ คัลด์เวลล์, อันโตลิน อัลการาซ, มายนอร์ ฟิเกรัว, เดวิด โจนส์, โมฮาเหม็ด ดิอาเม่, เจมส์ แม็คคาร์ธี่, วิคเตอร์ โมเซส, ฆอร์ดี้ โกเมซ, โคเนอร์ แซมม่อน
         สำรอง : ไมค์ พอลลิตต์, อาเดรียน โลเปซ, เบน วัตสัน, เจมส์ แม็คอาร์เธอร์, อัลเบิร์ต กรูซาต, ฟรังโก ดิ ซานโต้, อูโก้ โรดาเยก้า

         ลิเวอร์พูล : โฆเซ่ เรน่า, เกล็น จอห์นสัน, มาร์ติน สเคอร์เทล, แดเนียล แอ็กเกอร์, โฆเซ่ เอ็นริเก้, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ชาร์ลี อดัม, สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง, เดิร์ค เค้าท์, มักซี่ โรดริเกซ, หลุยส์ ซัวเรซ
         สำรอง : อเล็กซานเดอร์ โดนี่, เซบาสเตียน โกอาเตส, เจมี่ คาร์ราเกอร์, มาร์ติน เคลลี่, จอนโจ้ เชลวี่ย์, เคร็ก เบลลามี่, แอนดี้ แคร์โรลล์

         ผู้ตัดสิน : ไมเคิ่ล โอลิเวอร์

วันพุธที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2554

"หงส์วิกฤต" เอฟเอสั่งพักซัวเรซ 8 นัด ปรับ 2 ล้าน เจ้าตัวเตรียมอุทธรณ์


"หงส์แดง" ลิเวอร์พูล สโมสรชั้นนำในเกาะอังกฤษเป็นอันต้องถึงคราววิกฤตหนักหลังจาก หลุยส์ ซัวเรส ศูนย์หน้าตัวเก่งที่เป็นตัวหลักของทีมถูก สมาคมฟุตบอลอังกฤษ (เอฟเอ) ตัดสินโทษแบนถึง 8 นัด  พร้อมโดนปรับเงินจำนวน 40,000 ปอนด์ (ราว 2 ล้านบาท) จากกรณี ที่ถูกกล่าวหาว่าไปพูดจาเหยียดผิว ปาทริซ เอวร่า ฟูลแบ็ก "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ระหว่างเกม พรีเมียร์ลีก ที่ทั้ง 2 ทีมเสมอกัน 1-1 และอดีตดาวยิงอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัมอาจจะถูกแบนเพิ่มอีกจากกรณีชูนิ้วกลางใส่แฟนฟูแล่มจนเป็นข่าว ใหญ่ อย่างไรก็ตาม ซัวเรส ยังสามารถยื่นอุธรณ์กับการลงโทษครั้งนี้ได้ 

        เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นระหว่างเกมแดงเดือดที่เสมอกัน 1-1 ที่แอนฟิลด์ เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา โดย เอวร่า อ้างว่าเขาถูกดาวยิงฟันจอบพูดจาด่าเรื่องสีผิวตลอดทั้งเกม ซึ่งหลังจากมีการฟ้องร้องจากทางฝ่ายฟูลแบ็กเลือดน้ำหอม สมาคมฟุตบอลอังกฤษ หรือเอฟเอ ก็มีการสั่งลงโทษแบนระยะยาวดังกล่าวในที่สุด อย่างไรก็ตาม ทีมหงส์แดงยังคงสามารถยื่นเรื่องอุทธรณ์โทษได้

        ขณะเดียวกัน ซัวเรซ ยังอาจจะโดนเพิ่มอีก เพราะทางเอฟเอยังคงตรวจสอบเรื่องของเขากรณีที่ไปชูนิ้วกลางใส่แฟนบอลฟูแล่ม หลังจบเกมเมื่อช่วงต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา

        อย่างไรก็ตาม ซัวเรส จะยังสามารถยื่นอุทธรณ์กับการลงโทษในครั้งนี้ได้ และการแบนจะไม่เกิดขึ้นจนกว่าจะมีผลสรุปของการพิจารณาการอุทธรณ์ออกมา

วันอังคารที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2554

"เชลวี่ย์" หวังลงเล่นให้ หงส์แดง อย่างต่อเนื่อง


จอนโจ้ เชลวี่ย์ กองกลางดาวรุ่งของ ลิเวอร์พูล ยอดทีมแห่งวงการพรีเมียร์ลีก อังกฤษ กล่าวว่า ตนหวังที่จะได้ลงเล่นเป็นตัวจริงในทัพ "หงส์แดง" อย่างต่อเนื่อง หลังได้โอกาสประเดิมการรับใช้ต้นสังกัดตั้งแต่ต้นเกมเป็นครั้งแรก ในนัดที่บุกไปเอาชนะ แอสตัน วิลล่า 2-0 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 18 ธันวาคม ที่ผ่านมา

     แข้งดาวโรจน์ ถูกเรียกตัวกลับมาเข้าสู่ทีมของ เคนนี่ ดัลกลิช หลังทำผลงานได้น่าประทับใจ ในช่วงที่ไปค้าแข้งแบบยืมตัวกับ แบล็คพูล ทีมในลีก เดอะ แชมเปี้ยนชิพ และเจ้าตัวก็ตอบแทนความเชื่อใจจากนายใหญ่แห่งถิ่น แอนฟิลด์ ด้วยการโชว์ฟอร์มอันยอดเยี่ยม ในเกมที่เก็บ 3 แต้มกลับมาจาก วิลล่า พาร์ค ซึ่งจากการที่เขาได้รับความมั่นใจมาอย่างเต็มเปี่ยม กับการค้าแข้งในถิ่น บลูมฟิลด์ โร้ด จนทำให้ได้ลงเล่นในทีมชุดใหญ่มาหลายนัด ทำให้ เชลวี่ย์ ตั้งเป้าที่จะขึ้นเป็นตัวหลักของ ลิเวอร์พูล ให้ได้
     มิดฟิลด์วัย 19 ปี กล่าวว่า "มันเป็นเรื่องดีที่ได้รับการเรียกให้ไปลงเล่น และหวังว่า ผมได้ตอบแทนเจ้านายด้วยดีจากผลงานในเกมนั้น ซึ่งผมก็หวังว่า ตัวเองดีพอที่จะได้ลงเล่นตั้งแต่นาทีแรกในเกมต่อไป รวมถึงจะได้โอกาสอย่างนั้นไปเรื่อยๆด้วย"      "เขาเชื่อใจในตัวผมมาก และผมต้องขอบคุณเขาสำหรับเรื่องนั้น แต่ผมก็รู้สึกว่า ตัวเองคู่ควรกับโอกาสที่จะได้ลงเล่น พรีเมียร์ลีก ตั้งแต่ต้นเกมแล้วล่ะ ซึ่งตอนนี้ผมก็ทำสิ่งนั้นได้แล้ว และรู้สึกว่า คว้าโอกาสเอาไว้ได้สำเร็จ เคนนี่ บอกว่า ผมทำได้ดี ดังนั้นก็หวังว่า ผมจะสามารถลงเป็นตัวจริงในเกมวันพุธนี้ (ออกไปเยือน วีแกน แอธเลติก) เหมือนกัน"      "ไม่ต้องสงสัยเลยว่า มันเป็นงานที่ยากจริงๆ (ที่จะขึ้นไปเป็นตัวจริง) เพราะมีเหล่าผู้เล่นระดับนานาชาติอยู่เยอะมาก ดังนั้นผมคงต้องทำหน้าที่ไปแบบวันต่อวัน รวมถึงฝึกฝนให้ดีที่สุด และหวังต่อไปว่า สิ่งนั้นจะดีพอจนทำให้ผมได้ลงตัวจริงอีกครั้ง" แข้งเลือดผู้ดี ระบุ      ทั้งนี้ เชลวี่ย์ เสริมด้วยว่า ช่วงเวลาที่ไปค้าแข้งกับ แบล็คพูล ในรูปแบบยืมตัวนั้น มีส่วนช่วยตนอย่างมาก "ผมคิดว่า ผมได้ความมั่นใจในเรื่องแนวทางการเล่นของตนเองมาเยอะมาก ซึ่งผมเป็นหนี้บุญคุณ แบล็คพูล จริงๆ ที่ทำให้ผมรู้สึกแบบนี้ได้ ผมเคยถามเคนนี่ว่า ผมจะขอออกไปเพื่อหาเกมเล่นสักหน่อย และเพื่อให้ได้ความฟิตที่จะพอลงเล่นเกมได้หรือไม่"      "เขาเคยมาดูบางเกมที่ แบล็คพูล เหมือนกัน ซึ่งผมคิดว่า หนึ่งในเกมที่เขามาดูนี่ผมเล่นไม่ดีเอาเสียเลย! ซึ่งมันก็เป็นธรรมดาที่เกิดเรื่องแบบนั้น แต่ผมก็สนุกกับการเล่นที่นั่น และมันช่วยให้ผมมีความมั่นใจที่จะกลับมายัง ลิเวอร์พูล สำหรับการต่อสู้เพื่อแย่งตำแหน่งต่อไป"      "มันไม่มีอะไรที่จะเลวร้ายไปกว่าการซ้อมทั้งสัปดาห์ แต่กลับไม่ได้เล่นในวันเสาร์ หรือวันอาทิตย์หรอก ผมไม่ได้อยากกลับมาเพื่อเล่นแค่เกมระดับทีมสำรองเท่านั้น ตอนนี้ผมใกล้จะ 20 ปีแล้ว ผมอยากเล่นฟุตบอล และมันไม่มีอะไรที่จะดีไปกว่าการลงเล่นเพื่อ ลิเวอร์พูล แล้วล่ะ" นักเตะดีกรีทีมชาติอังกฤษ รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี กล่าวทิ้งท้าย      ขณะที่ "คิงเคนนี่" กล่าวชมอดีตแข้ง ชาร์ลตัน แอธเลติก เล่นได้ประทับใจตนมาก ในเกมที่พิชิต "สิงห์ผงาด" สำเร็จ "เขาทำได้ดีจริงๆ เขาอาจจะประหม่านิดหน่อย แต่ก็ปรับตัวได้เร็วสุดๆ เมื่อปีก่อน ประมาณ 2 เกมที่เขาลงมาเป็นตัวสำรองให้เรา เขาก็เรียนรู้เกมการเล่นได้รวดเร็วเหมือนกัน"      "มันเป็นความก้าวหน้าตามปกติสำหรับเขา ที่ปีนี้ต้องไปยัง แบล็คพูล แล้วให้เขาได้เห็นว่า เกมการแข่งขันมันมีระดับที่สูงกว่าระดับทีมสำรองเล็กน้อยเพียงใดบ้าง ซึ่งเขาก็ทำได้ดีบางเกมในการเล่นกับที่นั่น และเราคิดว่า การดึงเขากลับมาเป็นการทำที่ถูกต้องแล้ว" กุนซือวัย 60 ปี เผย

วันจันทร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2554

"หงส์แดง"สุดแจ่มบุกถล่มวิลล่า 2-0


                                            ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
                                          วันอาทิตย์ที่ 18 ธันวาคม 2554 
                                      แอสตัน วิลล่า 0     -     2 ลิเวอร์พูล

สนาม : วิลล่า พาร์ค


         ดาร์เรน เบนท์ กองหน้าทีมชาติอังกฤษ ป่วยกะทันหันจนอดช่วย แอสตัน วิลล่า ถือเป็นข่าวร้ายสุดๆ เพราะกุนซือ อเล็กซ์ แม็คลีช ต้องไร้ กาเบรียล อั๊กบอนลาฮอร์ ที่ติดโทษแบนอยู่ก่อนแล้ว ทำให้ต้องส่งดาวรุ่ง เนธาน เดลฟอนโซ่ เป็นตัวจริงในลีกนัดแรกของซีซั่น โดยจับคู่กับ เอมิล เฮสกี้ ส่วน ฟาเบียน เดลฟ์ ก็ฟิตแล้ว


         ฝ่ายทีมเยือน เคนนี่ ดัลกลิช กุนซือ หงส์แดง จัด จอนโจ เชลวี่ย์ มิดฟิลด์ดาวรุ่ง เป็นตัวจริงนัดแรกของซีซั่น หลังเรียกตัวกลับมาจาก แบล็คพูล ขณะที่แนวรุก เคร็ก เบลลามี่ เบียด เดิร์ค เค้าท์ ลงไปล่าตาข่ายคู่ หลุยส์ ซัวเรซ


         ออก สตาร์ทครึ่งแรกได้แค่นาทีกว่าๆ เจ้าบ้านได้ทักทายก่อนเมื่อได้ฟรีคิกกว่า 35 หลา และ สติลิยัน เปตรอฟ วิ่งมาเข้ามาตะบัน ทว่า โฆเซ่ เรน่า ตะครุบไว้ได้ตรงเสาแรก


         ลิเวอร์พูล เริ่มดูดีขึ้น นาทีที่ 8 สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง ปีกทีมชาติอังกฤษ เด็กเก่า วิลล่า ลากจากขวาตัดเข้าในแล้วส่องกะให้ยัดเข้าเสาแรก แต่ไม่ผ่านมือ แบร็ด กูซาน นายทวารอเมริกัน


         เกมเปิดแลกกัน นาทีต่อมา เป็นโอกาสของ วิลล่า บ้างเมื่อ มาร์ก อัลไบรท์ตัน ปีกดาวรุ่งวางจากขวาไปให้ เฮสกี้ อดีตหอก หงส์แดง เทกตัวโหม่งเหน่งๆ ไร้คนประกบระยะแค่เจ็ดหลา ทว่าเบา แถมตรงตัว เรน่า อีก


         แต่เมื่อผ่านมาถึงนาทีที่ 11 กองเชียร์ทีมเยือนได้เฮจนได้เมื่อได้เตะมุมทางขวา ดาวนิ่ง เปิดเข้ามา เชลวี่ย์ ไขว้สะกิดไปหน้าประตูให้ ซัวเรซ ไขว้ต่ออีกรอบ แม้จะติด กูซาน ทว่าลูกยังเด้งมาเข้าทางปืน เบลลามี่ ซ้ำจ่อๆ ไม่เหลือซากส่ง หงส์แดง นำ 1-0


         อีกแค่สี่นาทีถัดมา ลิเวอร์พูล ออกนำเป็น 2-0 จากลูกเตะมุมอีกครั้งทางซ้าย คราวนี้ เปิดให้ มาร์ติน สเคอร์เทล ทะยานโฉบมาขวิดจมตาข่าย ทำให้งาน หงส์แดง ส่อแววง่ายดายในเกมนี้


         หงส์ แดง คุมสถานการณ์เอาไว้ได้หมด หลังนำห่างตั้งแต่ 15 นาทีแรก ขณะที่ วิลล่า พอมีลุ้นบ้างเมื่อ ชาร์ลส์ เอ็นซ็อกเบีย ที่ยังควานหาประตูแรกนับตั้งแต่ย้ายมาจาก วีแกน เมื่อซัมเมอร์ กดเข้าข้างตาข่ายอย่างน่าเสียดาย


         นาทีที่ 31 สิงห์ผงาด ได้ลุ้นจากจังหวะฟรีคิกบอมบ์เข้ามา แต่ เดลฟอนโซ่ โหม่งไม่ถนัด เพราะถูก จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กดดัน


         ท้าย ครึ่งแรก ลิเวอร์พูล เกือบบวกเพิ่มได้อีกเมื่อเจ้าหนุ่ม เชลวี่ย์ พุ่งสไลด์ในกรอบ แต่ติด กูซาน ทำให้จบครึ่งแรก หงส์แดง บุกมานำสบายๆ 2-0


         กลับ มาเล่นครึ่งหลัง หงส์แดง ยังดุดันกว่า โดย แดน แอ๊กเกอร์ ได้โขกที่เสาสองหลุดกรอบเหลือเชื่อ ก่อนที่นาทีที่ 47 เบลลามี่ แทงให้ ซัวเรซ หลุดเข้าไป แม้จะโดน เจมส์ คอลลิ่นส์ ตัดบอลได้ แต่ดาวยิงอุรุกวัยก็แย่งคืนมาแล้วล็อกหลบ ริชาร์ด ดันน์ จนหลังหัก ก่อนตะบันเน้นๆ 10 หลา ทว่าชนคานอย่างน่าเสียดาย


         นาที ที่ 59 เป็นโอกาสลุ้นอีกครั้งของ หงส์แดง เมื่อ ซัวเรซ รับลูกวางยาวจากแดนหลังแล้วควบหลุดเดี่ยวเข้าไปล็อกหลบ สตีเฟ่น วอร์น็อค ก่อนจะบรรจงชิพจาก 18 หลา ลูกย้อยข้ามหัว กูซาน แต่เหลือเชื่อสุดๆ ที่ไปชนเสาเด้งออกมาอีก


         เร้ด แมชีน มาเป็นชุดๆ โดยจังหวะต่อมา ชาร์ลี อดัม ตัดบอลได้แล้วลากเข้ากรอบเขตโทษก่อนสับไก ทว่าลูกแฉลบขากองหลังเจ้าบ้านออกหลังไป


         จากนั้น ผ่านมาถึงนาทีที่ ดัลกลิช ส่ง แอนดี้ แคร์โรลล์ กองหน้าค่าตัวแพงลงสนามแทน ซัวเรซ ในนาทีที่ 73 เพราะมีโปรแกรมหนักในช่วงบ๊อกซิ่งเดย์รออยู่


         ช่วง 10 นาทีสุดท้าย แม็คลีช ส่ง อันเดรียส ไวมันน์ ดาวยิงชาวออสเตรีย ลงสนามแทน เดลฟ์ แต่รูปเกมยังสู้ไม่ได้ ขณะที่ ดัลกลิช ส่ง เค้าท์ ลงมาแทน เบลลามี่ ท้ายเกมในนาทีที่ 87 ก่อนที่ ลิเวอร์พูล จะเอาชนะไปสบายๆ 2-0 เก็บสามแต้มกลับบ้าน

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม  

 แอสตัน วิลล่า : แบร็ด กูซาน, อลัน ฮัตตั้น, ริชาร์ด ดันน์, เจมส์ คอลลิ่นส์, สตีเฟ่น วอร์น็อค, มาร์ก อัลไบรท์ตัน, ฟาเบียน เดลฟ์ (อันเดรียส ไวมันน์ น.80), สติลิยัน เปตรอฟ, ชาร์ลส์ เอ็นซอกเบีย, เอมิล เฮสกี้ (แบร์รี่ แบนแน่น น.59), เนธาน เดลฟอนโซ่

 สำรองไม่ได้ใช้ : แอนดี้ มาร์แชลล์, เซียแรน คล้าร์ก, การ์ลอส เกย่าร์, ดาเนี่ยล จอห์นสัน, เกรแฮม เบิร์ค

 ลิเวอร์พูล : โฆเซ่ เรน่า, เกล็น จอห์นสัน, มาร์ติน สเคอร์เทล, แดน แอ๊กเกอร์, โฆเซ่ เอ็นริเก้, เคร็ก เบลลามี่ (เดิร์ค เค้าท์ น.88), ชาร์ลี อดัม, จอนโจ เชลวี่ย์ (เจมี่ คาร์ราเกอร์ น.83), จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง, หลุยส์ ซัวเรซ (แอนดี้ แคร์โรลล์ น.73)

 สำรองไม่ได้ใช้ : อเล็กซานเดอร์ โดนี่, มักซี่ โรดริเกซ, เซบาสเตียน โกอาเตส, มาร์ติน เคลลี่

 ผู้ตัดสิน : ปีเตอร์ วอลตัน


สรุปผล ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
- ควีนส์ปาร์ค  แพ้ แมนฯ ยูไนเต็ด  0 - 2
- แอสตัน วิลล่า แพ้ ลิเวอร์พูล  0 - 2
- สเปอร์ส ชนะ ซันเดอร์แลนด์  1 - 0
- แมนฯ ซิตี้ ชนะ อาร์เซน่อล  1 - 0

วันเสาร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2554

เอฟเอ ยันยังไม่มีการสรุปคำตัดสิน "ซัวเรซ" แต่อย่างใด

       
สมาคมฟุตบอลอังกฤษ (เอฟเอ) ยืนยันผ่านแถลงการณ์ เมื่อวันศุกร์ที่ 16 ธันวาคม ที่ผ่านมาว่า คณะลูกขุนด้านระเบียบวินัย ที่ทำหน้าที่ไต่สวน และพิจารณาคดี กรณีที่ หลุยส์ ซัวเรซ ดาวยิง ลิเวอร์พูล ถูกกล่าวหาว่า ไปพูดเหยียดผิวใส่ ปาทริซ เอวร่า ฟูลแบ็ก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นั้น ยังไม่มีการสรุปคำตัดสินแต่อย่างใด และจะต้องเดินหน้าสืบสวนในเรื่องนี้ต่อไปจนถึงช่วงสุดสัปดาห์อีกด้วย

        ก่อนหน้านี้มีการคาดกันว่า คณะลูกขุนทั้ง 3 คน จะมีคำตัดสินสำหรับเรื่องดังกล่าว ในวันศุกร์ที่ 16 ธันวาคม ที่ผ่านมา หลังจากที่ในสัปดาห์นี้ พวกเขาจะทำการพิจารณาไต่สวนในสถานที่ซึ่งไม่มีการเปิดเผยว่าเป็นแห่งใด แต่ล่าสุด สมาคมลูกหนังเมืองผู้ดี มีแถลงการณ์เมื่อช่วงกลางดึกของวันศุกร์เดียวกัน (ตามเวลาท้องถิ่น) ว่าพวกเขายังไม่ได้หาข้อสรุป และจะยังไม่มีการตัดสินใจใดๆ ทั้งนั้น จนกว่าจะถึงวันอังคารที่ 20 ธันวาคมนี้เป็นอย่างน้อย

        "คณะกรรมการควบคุมความอิสระ ขอยืนยันว่า ในคืนวันนี้ (วันศุกร์) ยังไม่มีคำตัดสินใดๆ ทั้งนั้น และจะยังคงมีการเดินหน้าสืบสวนไปจนสุดสัปดาห์ โดยจะไม่มีการประกาศ หรือคำตัดสินใดๆ ก่อนถึงวันอังคารที่ 20 ธันวาคมนี้ ซึ่งนั่นถือเป็นวันที่เร็วที่สุดที่เราจะทำเช่นนั้น" แถลงการณ์ของ เอฟเอ ระบุ

วันศุกร์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2554

แม็คอัลลิสเตอร์ เชื่อหงส์แดงต้องพึ่ง เจอร์ราร์ด


แกรี่ แม็คอัลลิสเตอร์ อดีตกองกลาง ลิเวอร์พูล ยอดสโมสรแห่งวงการ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เชื่อว่า "หงส์แดง" จำเป็นต้องได้ สตีเว่น เจอร์ราร์ด กัปตันทีมคนเก่ง กลับมาในสภาพที่ฟิตพร้อมลงเล่น เพื่อเป็นผู้นำ และคอยมีส่วนช่วยเหล่านักเตะหน้าใหม่ที่ยังโชว์ฟอร์มได้ตะกุกตะกัก นับตั้งแต่ย้ายเข้ามาร่วมทีมเมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา

     ในช่วงปิดฤดูกาลที่ผ่านมา ยอดทีมแห่งถิ่น แอนฟิลด์ จัดการคว้า จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ชาร์ลี อดัม และ สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง เข้ามาร่วมทัพ เพื่อนำความสำเร็จมาสู่ทีม ภายใต้การคุมทัพของ เคนนี่ ดัลกลิช กุนซือคนเก่ง ซึ่ง แม็คอัลลิสเตอร์ เผยว่า เหล่าพ่อค้าแข้งที่เพิ่งเข้ามาร่วมทีมมีคุณภาพที่ดี แต่ยังต้องใช้เวลาในการปรับตัวอยู่บ้าง และอาจต้องใช้ความเป็นผู้นำของ "สตีวี่จี" ช่วยด้วยเช่นกัน

     แม็คอัลลิสเตอร์ กล่าวกับ "ลิเวอร์พูล เอ็คโค่" สื่อท้องถิ่นว่า "ผมคิดว่า นับตั้งแต่ที่ เคนนี่ กลับมาแล้วเนี่ย มันมีการปรับปรุงที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งในความคิดของผม ระหว่างช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาแล้วนั้น มันมีการเซ็นสัญญาที่ยิ่งใหญ่ และสำคัญๆ บางคนด้วย แต่พวกเขาก็ต้องการเวลาเพื่อปรับตัวบ้าง มันก็เหมือนกับทุกๆ อย่างนั่นแหละ"

     "สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง เป็นการเสริมทัพที่ยอดเยี่ยม และ ชาร์ลี อดัม ก็เป็นนักฟุตบอลที่ผมชื่นชมมากจริงๆ ซึ่งมันก็แค่ต้องใช้เวลาบ้าง เพื่อให้นักเตะเหล่านี้หล่อหลอมเข้ากับแนวทางของ ลิเวอร์พูล ได้ แต่ไม่มีอาจารย์คนไหนที่จะดีไปกว่า เคนนี่ ดัลกลิช อีกแล้วล่ะ"

     "อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่า มันมีสิ่งหนึ่งที่หายไปจากแผงกลาง และนั่นก็คือความเป็นผู้นำของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ซึ่งในความคิดของผม ทั้ง เฮนเดอร์สัน, อดัม และ ดาวนิ่ง น่าจะได้รับประโยชน์อย่างมาก หากกัปตันทีมอยู่ที่นั่น และเป็นแบบอย่างที่ดีให้พวกเขาทำตามได้ มันค่อนข้างโชคร้ายที่กัปตันทีมต้องหายไป ในระหว่างช่วงเวลาสั้นๆ ของพวกเขากับสโมสร" อดีตพ่อค้าแข้งชาวสกอตต์ เผย

     ทั้งนี้ เจอร์ราร์ด ไม่ได้ลงสนามให้ ลิเวอร์พูล เลย นับตั้งแต่เกมลีกสูงสุดแดนผู้ดี ที่เสมอ นอริช ซิตี้ 1-1 เมื่อวันเสาร์ที่ 22 ตุลาคม ที่ผ่านมา เนื่องจากข้อเท้าของเจ้าตัวเกิดการติดเชื้อ โดยแข้งวัย 31 ปี เคยค้าแข้งร่วมกับ แม็คอัลลิสเตอร์ ระหว่างฤดูกาล 2000 - 2002 ซึ่งเป็นช่วง 2 ซีซั่นที่มิดฟิลด์เลือดวิสกี้เล่นให้กับ "หงส์แดง" และมีส่วนช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ลีก คัพ (คาร์ลิ่ง คัพ ในปัจจุบัน), เอฟเอ คัพ และ ยูฟ่า คัพ (ยูฟ่า ยูโรปา ลีก ในปัจจุบัน) เมื่อฤดูกาล 2000-01 อีกด้วย

     สำหรับ ลิเวอร์พูล นั้น ปัจจุบันอยู่ในอันดับที่ 6 ของตารางคะแนน เก็บได้ 26 แต้ม จากการลงเล่น 15 นัด ตามหลัง ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ทีมที่อยู่ในอันดับสุดท้ายสำหรับการผ่านเข้าไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลหน้า อยู่ 5 คะแนน แต่ "ไก่เดือยทอง" ลงเล่นน้อยกว่าพวกเขา 1 นัด

วันพฤหัสบดีที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2554

เอฟเอเริ่มพิจารณาคดี "ซัวเรซ" ในอีก 2 วัน



สมาคมลูกหนังเมืองผู้ดี ประกาศเริ่มดำเนินการพิจารณาคดี หลุยส์ ซัวเรซ พูดจาเหยียดผิว ปาทริซ เอวร่า ในเกม "แดงเดือด" เมื่อเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา โดยจะเริ่มในอีก 2 วันข้างหน้า และน่าจะเสร็จสิ้นภายในสุดสัปดาห์นี้
        สมาคมฟุตบอลอังกฤษ (เอฟเอ) แถลงการณ์ เมื่อวันพุธที่ 14 ธันวาคม ที่ผ่านมาว่า ได้เริ่มดำเนินการพิจารณาคดีคำกล่าวอ้างที่ว่า หลุยส์ ซัวเรซ กองหน้าทีมชาติอุรุกวัยของ ลิเวอร์พูล ยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก พูดจาเหยียดผิว ปาทริซ เอวร่า ฟูลแบ็กเลือดเฟร้นช์ ในเกม "แดงเดือด" ที่สนาม แอนฟิลด์ เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา

        หัวหอกทีมชาติอุรุกวัย ซึ่งถูกสอบสวนเป็นเวลานานกว่า 1 เดือน ได้ถูก เอฟเอ ตั้งข้อหาใช้คำพูดเหยียดผิว เอวร่า โดยมีการอ้างว่า "คิงหลุยส์" ใช้คำเหยียดหยามสายพันธุ์ และ/หรือสีผิว และ/หรือเชื้อชาติ สำหรับการพิจารณาคดีจะมีการทำในอีก 2 วันหลังจากนี้ พร้อมกับคาดการณ์ว่า น่าจะเสร็จสิ้นภายในสัปดาห์นี้

        สำหรับ ซัวเรซ และ เอวร่า กำลังอยู่ในช่วงที่มอบหลักฐานเพื่อใช้สำหรับการพิจารณาคดี โดยในรายของ ดาวยิงตัวเก่ง "หงส์แดง" ปฏิเสธข้อกล่าวหาเหยียดผิว และต้นสังกัดของนักเตะก็ยืนยันว่า พวกเขาให้การสนับสนุน ซัวเรซ เต็มที่

วันพุธที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2554

เอฟเอขยายเวลาให้ลิเวอร์พูล กรณีนิ้วกลาง และใบแดง



                                                
 เอฟเอ ขยายเวลาให้ ลิเวอร์พูล ในการตอบรับหรือปฏิเสธสองข้อหาที่ได้รับจากเกมบุกไปพ่าย ฟูแล่ม เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลัง หลุยส์ ซัวเรซ หัวหอกอุรุกวัย ไปชูนิ้วกลางใส่แฟนบอลเจ้าถิ่น และมีนักเตะไปรุมผู้ตัดสินที่ไล่ เจย์ สเพียริ่ง ออกจากสนาม

         สมาคมฟุตบอลอังกฤษ (เอฟเอ) ขยายเวลาให้กับ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ในการตอบรับหรือปฏิเสธสองข้อหาที่ได้รับจากเกม พรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดที่บุกไปแพ้ "เจ้าสัวน้อย" ฟูแล่ม 0-1 ที่สนาม คราเวน ค็อตเทจ เมื่อวันจันทร์ที่ 5 ธันวาคม ที่ผ่านมา        


                เอฟเอ ตั้งข้อหา หลุยส์ ซัวเรซ กองหน้าชาวอุรุกวัย ที่แสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมจากกรณีชูนิ้วกลางใส่แฟนบอล "เจ้าสัวน้อย" นอกจากนี้ ลิเวอร์พูล ยังถูกตั้งข้อหาไม่สามารถควบคุมผู้เล่นของทีมตัวเองได้ หลัง เจย์ สเพียริ่ง โดนใบแดงไล่ออกจากสนามจากการเข้าเสียบใส่ มุสซ่า เดมเบเล กองหน้า ฟูแล่ม แล้วมีผู้เล่น "หงส์แดง" ไม่ต่ำกว่า 5 คนเข้าไปรุมล้อมผู้ตัดสิน        


               ก่อน หน้านี้ เอฟเอ กำหนดให้ ซัวเรซ และ ลิเวอร์พูล ตอบรับข้อหาดังกล่าวภายในเวลา 16.00 น. ของวันจันทร์ที่ 12 ธ.ค.ที่ผ่านมา (ตามเวลาท้องถิ่น) แต่ล่าสุด "หงส์แดง" ได้รับการขยายเส้นตายออกไป แต่ไม่มีการระบุว่าเป็นเมื่อไรแทน       


                ทั้ง นี้ ซัวเรซ เคยถูกสอบสวนทางวินัยจาก เอฟเอ ในกรณีพูดเหยียดสีผิว ปาทริซ เอวร่า แบ็กซ้าย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขณะที่ สเพียริ่ง ได้ชดใช้โทษแบน 1 นัดแล้วจากเกมชนะ ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส 1-0 เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเหลือโทษแบนอีก 2 นัดในเกมกับ แอสตัน วิลล่า และ วีแกน แอธเลติก

วันอังคารที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ฟราย นายทวาร โตรอนโต้ เอฟซี ทดสอบฝีเท้ากับ "หงส์แดง"



        สเตฟาน ฟราย นายทวาร โตรอนโต้ เอฟซี ได้รับไฟเขียวให้เดินทางมาทดสอบฝีเท้ากับ ลิเวอร์พูล เรียบร้อยแล้ว โดยจะอยู่ในแดนผู้ดียาวไปจนถึงสัปดาห์หน้า ขณะที่ อารอน วินเทอร์ กุนซือ โตรอนโต้ รับถือเป็นโอกาสครั้งสำคัญของนักเตะที่จะมีความเจริญก้าวหน้า หากได้รับความสนใจและถูกดึงตัวไปเล่นให้กับ "เร้ด แมชีน"
        สเตฟาน ฟราย ผู้รักประตูของ โตรอนโต้ เอฟซี ทีมแห่งศึกเมเจอร์ลีก ซอคเกอร์ (เอ็มแอลเอส) ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้รับการยินยอมจากต้นสังกัดให้เดินทางไปทดสอบฝีเท้ากับ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล สโมสรชั้นนำในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ไปจนถึงวันอาทิตย์ที่ 18 ธันวาคมนี้ จากการเปิดเผยเมื่อวันจันทร์ที่ 12 ธันวาคม ที่ผ่านมา

        อา รอน วินเทอร์ เทรนเนอร์ โตรอนโต้ พูดถึง นายทวารชาวสวิตเซอร์แลนด์ วัย 25 ปี ผ่านเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของสโมสรว่า "นี่ถือเป็นโอกาสที่ยอดเยี่ยมสำหรับ สเตฟาน และเราก็ยินดีที่จะปล่อยตัวเขาให้เดินทางไปทดสอบฝีเท้ากับยอดทีมอย่าง ลิเวอร์พูล เขาก้าวมาเป็นหนึ่งในผู้รักประตูฝีมือดีที่สุดในลีกนับตั้งแต่เริ่มต้นอาชีพ การเล่น และแน่นอนว่านี่เป็นโอกาสที่สุดพิเศษ"

        ทั้งนี้ ฟราย ที่ย้ายมาอยู่เฝ้าเสากับ โตรอนโต้ นับตั้งแต่ปี 2009 ได้ลงสนามเป็นจำนวนทั้ง 81 นัด และ 27 นัดในเกมลีกปี 2011 พร้อมได้ลงเป็นตัวจริง 4 เกมในการช่วยต้นสังกัดลงทำศึก นูทริไลท์ แคนาเดี้ยน แชมเปี้ยนชิพ อีกด้วย

วันจันทร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2554

"ซัวเรซ"ทีเด็ดพาหงส์แดงสอยควีนสปาร์ค 1-0

 
ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
วันเสาร์ที่ 10 ธันวาคม 2554
ลิเวอร์พูล 1-0 ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์


สนาม : แอนฟิลด์


         ลิ เวอร์พูล กลับมาเล่นในรังแอนฟิลด์ ของตัวเองอีกครั้งหลังจากเมื่อวันจันทร์บุกไปแพ้ ฟูแล่ม ที่ลอนดอน โดยเกมนี้ปรับเอา เดิร์ค เค้าท์ ลงสนามแทน แอนดี้ แคร์โรลล์ เช่นเดียวกับ มักซี่ โรดริเกซ ลงเป้นตัวจริงอีกครั้ง


          ฟากทีมเยือน ไม่มีนายทวารมือหนึ่งต้องส่ง ราเด็ค แชร์นี่ ลงเฝ้าเสาเป้นตัวจริง และมี โจอี้ บาร์ตัน ยืนกลาง แดนหน้าใช้ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์, ทอมมี่ สมิธ และ เจย์ โบธรอยด์


          เริ่มเกมขึ้นมาลิเวอร์พูล ก็เป็นฝ่ายคุมเกมเอาไว้ได้ทั้งหมด และมาได้ลุ้นก่อนในนาทีที่ 9 จากจังหวะที่ สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง ได้โยนทางฝั่งขวาเข้ามาหน้าประตูให้ หลุยส์ ซัวเรซ โหม่งคนเดียวโล่งๆกลางประตูแต่กลับโขกไปตรงตัว แชร์นี่ เซฟไว้ได้


          เกม ยังเป็นของเจ้าบ้าน นาทีที่ 14 ซัวเรซ จ่ายบอลให้ มักซี่ กระชากเข้าเขตโทษก่อนจะไหลให้ ซัวเรซ ที่วิ่งเติมขึ้นมา แต่หัวหอกอุรุกวัย กลับยิงไม่ดีออกไปไกล


          เกมเริ่มเนือยลงไปแต่ "หงส์แดง" ยังได้ครอลบอลมากกว่าและมาได้ลุ้นในนาทีที่ 30 เดิร์ค เค้าท์ แทงบอลทะลุช่องไปให้ มักซี่ โรดริเกซ หลุดเข้าไปยิงทางซ้ายของเขตโทษ แต่ยังโดน แชร์นี่ ล้มตัวปัดได้ก่อนที่กองหลังจะสกัดทิ้งออกหลังได้ทัน


          ก่อน จบครึ่งแรก 4 นาที ลิเวอร์พูล น่าได้ประตูนำอย่างที่สุดเมื่อ ดาวนิ่ง ไหลบอลให้ ซัวเรซ เข้าไปยิงทางมุมขวาของเขตโทษแต่ยังติดเซฟของ แชรืนี่ เช่นเดิม บอลยังมาเข้าทางซัวเรซ แต่ไม่เลือกเปิดให้เค้าท์ กลับยิงข้ามคานออกไปไม่ได้ลุ้น


          ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง ได้ลองซัดไกลดูบ้าง แต่ก้ยังไม่ผ่าน แชร์นี่ เช่นเดิมทำให้จบครึ่งแรกยังเสมอกันอยู่ 0-0 


          กลับลงมา เล่นครึ่งหลังได้ไม่ถึง 2 นาทีเจ้าถิ่นก็มาได้ประตูจนได้หลังจากพยายามอย่างหนักในครึ่งแรก ชาร์ลี อดัม ได้บอลจากฝั่งซ้าย ก่อนจะหลอกกองหลังแล้วโยนด้วยขวาเข้ามากลางประตูให้ หลุยส์ ซัวเรซ ขึ้นโขกโล่งๆคราวนี้ไม่พลาดตุงตาข่าย "หงส์แดง" ออกนำ 1-0


          หลัง จากนำโอกาสก็ยังเป็นของลิเวอร์พูล อย่างต่อเนื่อง นาทีที่ 60 "หงส์แดง" น่าได้ประตูที่สองอย่างที่สุดเมื่อ ซัวเรซ พาบอลขึ้นทางขวาของเขตโทษ ก่อนที่จะจ่ายบอลย้อนมาที่บริเวณจุดโทษให้ มักซี่ วิ่งเข้ามาแปด้วยขวาเต็มแต่ แชร์นี่ ยังปัดเอาไว้ได้ทันแต่บอลยังแรงทว่าไปชนเสาในจังหวะสุดท้าย ช่วยให้คิวพีอาร์ ยังไม่เสียลูกที่สอง


          นาทีที่ 66 "หงส์แดง" มีโอกาสอีกครั้งเมื่อ ซัวเรซ ไหลให้ มักซี่ หลุดเดี่ยวเข้าไปทางขวาของเขตโทษ แต่ยิงติดเซฟของ แชร์นี่ ที่ออกมาบล็อกได้ทันอีกครั้ง


          คิวพีอาร์ ต้องอาศัยลูกตั้งเตะลุ้นประตูนาทีที่ 72 มีโอกาสจากฟรีคิกทางซ้ายของ บาร์ตัน ที่โยนเข้าไปให้ เจย์ โบธรอยด์ สอดตัวเข้ามาดีดแต่บอลเหินข้ามคานออกไป


          ท้ายเกม ลิเวอร์พูล ดุจะผ่อนเกมลงไปและเป็น ทีมเยือนที่ได้บุกกดดันลุ้นประตูตีเสมอบ้างแต่ก้ไม่สามารถทำอะไรแนวรับของ เจ้าถิ่นได้ จบเกม ลิเวอร์พูล เปิดบ้านเอาชนะ ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส น้องใหม่ไปได้ 1-0 

 รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

 ลิเวอร์พูล : โฆเซ่ เรน่า, เกล็น จอห์นสัน, มาร์ติน สเคอร์เทล, แดเนี่ยล แอ็กเกอร์, โฆเซ่ เอ็นริเก้, มักซี่ โรดริเกซ, ชาร์ลี อดัม, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง, หลุยส์ ซัวเรซ, เดิร์ค เค้าท์

 สำรอง : อเล็กซานเดอร์ โดนี่, แอนดี้ แคร์โรลล์, เซบาสเตียน โกอาเตส, เจมี่ คาร์ราเกอร์, จอนโจ เชลวี่ย์, มาร์ติน เคลลี่, เคร็ก เบลลามี่

 คิวพีอาร์ : ราเด็ค แชร์นี่, ลุค ยัง, ดาเนี่ยล แก็บบิดอน, อันทอน เฟอร์ดินานด์, เจมี่ แม็คกี, โจอี้ บาร์ตัน, อเลฆานโดร ฟัวริน, ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์, ทอมมี่ สมิธ, เจย์ โบธรอยด์

 สำรอง : เอลวิส พัตนินส์, แบร็ดลี่ย์ ออร์, คลิ้นท์ ฮิลล์, ฌอน เดอร์รี่, ดีเจ แคมป์เบลล์, อากอส บุซซากี้, แม็ตธิว คอนเนลลี่

 ผู้ตัดสิน : ลี เมสัน

สรุปผลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
อาร์เซน่อล ชนะ เอฟเวอร์ตัน 1-0
โบลตัน แพ้ แอสตัน วิลล่า 1-2
ลิเวอร์พูล ชนะ ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ 1-0
แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน 4-1
นอริช ชนะ นิวคาสเซิ่ล 4-2
สวอนซี ชนะ ฟูแล่ม 2-0
เวสต์บรอมวิช แพ้ วีแกน 1-2

วันเสาร์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2554

โคอาเตสกระสันบู๊แอนฟิลด์ ปลื้มเดอะค็อปคำรามหนุน

เซบาสเตียน โคอาเตส
เซบาสเตียน โคอาเตส
 

โคอาเตส รับอยากลงเล่นใน แอนฟิลด์ จนตัวสั่น เหตุปลื้ม ''เดอะ ค็อป'' ที่ส่งเสียงเชียร์ทีมรักกึกก้องกัมปนาทสมคำร่ำลือ หลังลงเล่นเพียงนัดเดียวในลีกเกมบุก ''ไก่เดือยทอง''

เซบาสเตียน โคอาเตส ปราการหลังดาวรุ่งชาวอุรุกวัย ของ ลิเวอร์พูล สโมสรชั้นนำแห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ยอมรับสุดปรารถนาที่จะประเดิมลงเล่นในถิ่น แอนฟิลด์ หลังจากได้ยินเสียงคำรามขอเหล่า "เดอะ ค็อป" ที่กู่ร้องตะโกนอย่างสุดเสียงเพื่อหนุนหลังทีมรักของพวกเขาอย่างไม่ขาดสาย นับตั้งแต่ได้ย้ายมาเปิดประสบการณ์ด้วยตัวเองเมื่อช่วงหน้าร้อนที่ผ่านมา
กองหลังร่างยักษ์วัย 21 ปีรายนี้กล่าวถึงความใฝ่ฝันที่จะได้เปิดซิงโชว์เพลงแข้งที่รังแอนฟิลด์ ผ่านนิตยสาร "LFC" ว่า "ผมได้เพียงเกมเดียวในการบุกเยือน สเปอร์ส และมันจะเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมมากหากผมได้ลงเล่นใน แอนฟิลด์ คุณสามารถเห็นถึงแรงสนับสนุนของแฟนบอล ผมเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับความรักที่เหล่าแฟนๆมอบให้กับสโมสรของเขา แต่สิ่งที่เคยได้ยินกับสิ่งสัมผัสได้ด้วยตนเอง มันแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง แฟนบอลที่นี่ยอดเยี่ยมมากจริงๆ และมันจะเรื่องที่ยากลำบากสำหรับผู้มาเยือน"
เจ้าของรางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมในศึกโคปา อเมริกา เมื่อกลางปีที่ผ่านมา ย้ายจาก นาซิอองนาล ทีมจากลีกอุรุกวัยมาร่วมทัพ "หงส์แดง" เมื่อช่วงต้นซีซั่นที่ผ่านด้วยค่าตัวถึง 8 ล้านยูโร (340 ล้านบาท) ด้วยวัยเพียงแค่ 21 ปีเท่านั้น โดยอยู่ในช่วงปรับตัวและเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในฟุตบอลถ้วย ซึ่งดาวเตะรายนี้ลงสนามในเกมลีกให้กับ ลิเวอร์พูล ไปเพียงนัดเดียว โดยเป็นการลงเล่นในฐานะตัวสำรองเท่านั้น

วันศุกร์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2554

"คิงเคนนี่"ออกโรงตำหนิ ส.ฟุตบอลอังกฤษ อุทธรณ์ "รูน"


 เคนนี่ ดัลกลิช ผู้จัดการทีมชาวสกอตแลนด์ของ ลิเวอร์พูล ยักษ์ใหญ่ขวัญใจมหาชนแห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ออกโรงตำหนิสมาคมฟุตบอลอังกฤษ (เอฟเอ) แสดงตัวอย่างไม่ดี จากการที่พวกเขาอุทธรณ์โทษแบนในเกมทีมชาติ 3 แมตช์ของ เวย์น รูนี่ย์ กองหน้าเลือดเดือด "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

        สำหรับ "รูน" เดิมทีจะต้องหมดสิทธิ์ลงสนามตลอด 3 เกม ในรอบแรกของศึกยูโร 2012 จากกรณีที่ไปเจตนาเตะ มิโอแดร็ก ซูโดวิช กองหลังทีมชาติมอนเตเนโกร จนถูกผู้ตัดสินชักใบแดงไล่ออกจากสนาม ในระหว่างแมตช์รอบคัดเลือก เมื่อเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม สหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) มีคำตัดสินให้ลดโทษแบนเหลือเพียง 2 เกม  หลังจาก เอฟเอ ได้ยื่นเรื่องอุทธรณ์คดีดังกล่าวในช่วงก่อนหน้านี้

        การกระทำดังกล่าว ดัลกลิช มองว่าเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม และจะเป็นตัวอย่างไม่ดีในอนาคต "ผมว่ามันดูแปลกๆ เอฟเอ ควรเป็นตัวอย่างในเรื่องมาตรฐาน ไม่ใช่การที่พวกเขายื่นอุทธรณ์โทษแบนของ เวย์น รูนี่ย์ ผมไม่คิดว่า นี่จะเป็นตัวอย่างที่ดีเลย"

        นอกจากนี้ "คิงเคนนี่" แสดงความไม่พอใจที่สมาคมลูกหนังเมืองผู้ดี ไม่ยอมตัดสินคดีที่ตั้งข้อหา หลุยส์ ซัวเรซ หัวหอกอุรุกวัย เหยียดผิว ปาทริซ เอวร่า กองหลัง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งนักเตะได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาไปแล้ว "ความจริงแล้วเรื่องนี้มันผ่านมา 9 สัปดาห์แล้ว สำหรับการตัดสินหนึ่งในข้อกล่าวหา ซึ่งมันน่าตลกสิ้นดี"

        "สำหรับผม มันเป็นเรื่องสำคัญสำหรับนักเตะอย่าง หลุยส์ ซึ่งต้องตกอยู่ภายใต้ความสนใจ ผู้คนที่ ลิเวอร์พูล และทุกๆ คนที่ถูกพาดพิงในสโมสรแห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นสตาฟฟ์โค้ช, นักเตะ, แฟนบอล พวกเขาจะยื่นเคียงข้างเขา และพวกเขารู้ว่า อะไรคือความจริง"

        "ผมไม่คิดว่า เรื่องนี้มันจะช่วยอะไรเลย มีสิ่งรายล้อมมากมายอยู่รอบตัวเขา ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของเรื่องนี้ และเรื่องเหล่านี้ควรจะจบให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อที่เราจะได้ก้าวเดินต่อไป" ตำนานหมายเลข 7 แห่งถิ่น แอนฟิลด์ ระบุ

วันพฤหัสบดีที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2554

หงส์แดงยันไม่อุทธรณ์แดง "สเพียริ่ง"


ลิเวอร์พูล ตัดสินใจไม่อุทธรณ์โทษใบแดง เจย์ สเพียริ่ง กองกลางของทีม หลังโดนไล่ออกในเกมพ่าย ฟูแล่ม เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ส่งผลให้แข้ง "หงส์แดง" ต้องชวดเล่น 3 นัด

        "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก จะไม่ขอยื่นอุทธรณ์โทษใบแดงของ เจย์ สเพียริ่ง มิดฟิลด์ดาวรุ่งของทีม ในเกมลีกนัดล่าสุดที่บุกไปแพ้ "เจ้าสัวน้อย" ฟูแล่ม 0-1 ที่สนามคราเวน ค็อทเทจ เมื่อวันจันทร์ที่ 5 ธันวาคม จากการรายงานเมื่อวันพุธที่ 7 ธันวาคม ที่ผ่านมา


         สเพีย ริ่ง ถูกผู้ตัดสิน เควิน เฟรนด์ ไล่ออกทันทีในช่วง 18 นาทีสุดท้ายของเกม จากการเข้าสกัดหนักใส่ มุสซ่า เด็มเบเล่ โดยถึงแม้ว่าจังหวะนั้นเป็นการเข้าเสียบโดนบอลอย่างชัดเจน แต่ เฟรนด์ ตัดสินว่ากองกลาง ลิเวอร์พูล มีความผิดฐานทำฟาวล์รุนแรง หลังจากที่ไปปะทะใส่แข้ง ฟูแล่ม จากจังหวะต่อเนื่อง


         ภาย หลังการแข่งขัน เคนนี่ ดัลกลิช ผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล บอกว่าสโมสรอาจยื่นอุทธรณ์โทษใบแดงนี้ อย่างไรก็ตาม ล่าสุด "หงส์แดง" ตัดสินใจที่จะไม่ดำเนินการ ทำให้ สเพียริ่ง ต้องโดนโทษแบน 3 นัด และจะหมดสิทธิ์เจอกับ ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส, แอสตัน วิลล่า และ วีแกน แอธเลติก

credit:siamsport

วันพุธที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2554

นิ้วกลางพ่นพิษ ส.บอลแดนผู้ดี เตรียมเรียก "ซัวเรซ"


ส.บอลแดนผู้ดี เริ่มหาข้อเท็จจริงที่ หลุยส์ ซัวเรซ ศูนย์หน้า ลิเวอร์พูล ถูกกล่าวหาว่า ชูนิ้วกลางใส่กองเชียร์ ฟูแล่ม ในเกมที่ต้นสังกัดของแข้งชาวอุรุกวัย ออกไปแพ้ 0-1 เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ขณะที่ เคนนี่ ดัลกลิช กุนซือ "หงส์แดง" ประกาศชัด ไม่เชื่อคำใครทั้งนั้น นอกเสียจากจะพิสูจน์ให้เห็นว่า ซัวเรซ มีความผิดจริงได้
 
        สมาคมฟุตบอลอังกฤษ (เอฟเอ)
เปิดฉากสอบสวนกรณีที่ หลุยส์ ซัวเรซ ดาวยิงชาวอุรุกวัยของ ลิเวอร์พูล ยอดทีมแห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ถูกกล่าวหาว่า แสดงท่าทางที่หยาบคายใส่แฟนๆ ฟูแล่ม ในเกมลีกสูงสุดแดนผู้ดี ที่พลพรรค "หงส์แดง" ออกไปพ่าย "เจ้าสัวน้อย" 0-1 ที่รัง คราเวน ค็อตเทจ เมื่อวันจันทร์ที่ 5 ธันวาคม ที่ผ่านมา หลังแข้งทัพ "จอมโหด" ถูกถ่ายภาพจังหวะที่ชูนิ้วกลางให้สาวกเจ้าบ้าน ระหว่างกำลังเดินออกจากสนาม

        สำหรับเรื่องนี้ เคนนี่ ดัลกลิช นายใหญ่ "หงส์แดง" ปฏิเสธที่จะตัดสินว่า กองหน้าคนเก่งของตนมีความผิดจริง โดยบอกกับผู้สื่อข่าวว่า ตนจะไม่เชื่อคำใดๆ ทั้งนั้น นอกเสียจากจะมีการพิสูจน์อย่างแน่ชัด "ผมไม่ได้เห็นภาพดังกล่าว และผมจะไม่เชื่อคำพูดของใครง่ายๆ แน่ ผมจะไม่แสดงความเห็นใดๆ ทั้งนั้น จนกว่าคุณจะพิสูจน์ให้ผมเห็นว่า มันเป็นเรื่องจริง"

        ทั้งนี้ศูนย์หน้าวัย 24 ปี ก็ถูกสมาคมลูกหนังเมืองผู้ดีตั้งข้อหาว่า พูดจาเหยียดผิว ปาทริซ เอวร่า ฟูลแบ็กเลือดน้ำหอมของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในเกม "แดงเดือด" ที่เสมอ 1-1 เมื่อช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมาไปก่อนแล้ว โดยการพ่ายแพ้นัดล่าสุดของ ลิเวอร์พูล ทำให้ตอนนี้พวกเขาอยู่ในอันดับที่ 7 ของตารางคะแนน มี 23 แต้ม จากการลงเล่น 14 นัด ตามหลัง เชลซี ทีมที่อยู่ในอันดับสุดท้ายสำหรับพื้นที่ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 5 คะแนน

วันอังคารที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2554

หงส์แดงสะดุดพ่ายฟูแล่ม 1-0 สเพียริ่งแดง

ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
วันจันทร์ที่ 5 ธันวาคม 2554
ฟูแล่ม  1     -     0  ลิเวอร์พูล


สนาม : คราเวน ค็อตเทจ

        เจ้าบ้านฟูแล่ม จัดการดร็อบ แอนดี้ จอห์นสัน ที่โดนใบแดงในเกมยุโรปไว้ข้างสนามแล้วส่ง มุสซ่า เดมเบเล่ จับคู่กับ บ็อบบี้ ซาโมร่า ในแดนหน้าส่วนแนวรับส่ง ฟิลิปป์ เซนเดอรอส ยืนคู่ เบรเด้ ฮันเกลันด์ นอกจากนั้นยังมี แดนนี่ เมอร์ฟี่ และ ยอร์น อาเน่ รีเซ่ ลงปะทะทีมเก่า

        ด้านทีมเยือน เคนนี่ ดัลกลิช ส่ง เจย์ สเพียริ่ง ลงยืนกลางแทน ลูคัส เลว่า ที่เจ็บพักยาว คู่หน้ายังใช้ หลุยซ์ ซัวเรซ คู่ แอนดี้ แคร์โรลล์ และมี เคร็ก เบลลามี่ ลงสนามอีกด้วย โดยก่อนเกมก้มีการขืนไว้อาลัยให้แกรี่ สปีด เช่นเดิมกับเกมเมื่อสุดสัปดาห์

        เริ่มเกมได้แค่ 5 นาทีเจ้าบ้านได้ทักทายทันทีจากจังหวะที่ รูอิช ได้บอลทางขวาแล้วแทงทะลุช่องให้ เดมเบเล่ หลุดเข้าไปยิงแต่ติกตัว เรน่า ที่พุ่งออกมาบล็อกได้เร็ว

        2 นาทีถัดมาลิเวอร์พูล มีลุ้นบ้าง ชาร์ลี อดัม ไหลบอลให้ ซัวเรซ ทางซ้ายก่อนดึงจังหวะแล้วไหลมาให้ แคร์โรลล์ แปจ่อแต่บอลตรงตัว ชวาร์เซอร์ ที่ยืนอยู่ตรงนั้นพอดี

        เกมของลิเวอร์พูล เริ่มดีกว่าเล็กน้อย นาทีที่ 13 ชาร์ลี อดัม ได้สบไกด้วยซ้ายหน้าเขตโทษบอลแฉลบผู้เล่นเจ้าบ้านเล็กน้อย แต่ชวาร์เซอร์ ยังล้มตัวตะครุบบอลได้ทัน

        ทั้งสองทีมยังเดินเกมบุกแลกกันอย่างต่อเนื่อง นาทีที่ 17 เจ้าบ้านได้ลุ้นอีกครั้งจากจังหวะที่ ซาโมร่า  เบียดแย่งบอลกับ เฮนเดอร์สัน หน้าเขตโทษก่อนบอลจะไปเข้าทาง เดมเบเล่ ซัดด้วยซ้าย แต่เรน่า ก็ยังพุ่งไปปัดทิ้งได้ทันเวลา

        นาทีที่ 27 "หงส์แดง" น่าได้ประตูขึ้นนำอย่างที่สุดเมื่อเฮนเดอร์สัน ได้บอลทางริมเส้นฝั่งซ้ายก่อนกระชากเข้าหาประตูแล้วยิงด้วยขวาบอลพุ่งผ่าน มือชวาร์เซอร์ ไปแล้ว แต่กลับชนเสากระเด็นออกมาอย่างน่าเสียดาย

        รูปเกมของทีมเยือนเริ่มดีกว่าแต่กลับเป็น ฟูแล่ม ที่ได้ลุ้นประตูอีกครั้งในนาทีที่ 37 เดมเบเล่ เก้บบอลได้กลางสนามแล้วจ่ายมาให้เดมพ์ซี่ย์ เกี่ยวบอลเข้าขวาแล้วซัดเต็มข้อบอลพุ่งส่ายแต่ เรน่า ยังไม่พลาดทุบบอลทิ้งได้ทัน หลังจากนั้นก็ทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้จบครึ่งแรกทั้งสองทีมยังเสมอกันอยู่ 0-0 

        กลับมาเล่นกันต่อในครึ่งหลังลิเวอร์พูล เดินหน้ากดดันหวังประตูทันทีและมามีลุ้นในนาทีที่ 51 จากลูกเตะมุมของ อดัม ที่โยนไปที่หน้าประตู มาร์ค ชวาร์เซอร์ ทุบบอลออกไปเข้าทางเอ็นริเก้ ได้ซัดด้วยซ้ายทันทีบอลพุ่งแหวกผู้เล่นทั้งสองฝั่งแต่ติด ชวาร์เซอร์ ที่ยังพุ่งเซฟไว้ได้อย่างสวยงาม

        นาทีที่ 59 ฟูแล่ม ได้ลุ้นประตูเช่นกันจากการทำเกมขึ้นมาทางซ้าย รีเซ่ จ่ายบอลย้อนมาที่หน้าประตูให้ ซาโมร่า ยิงแต่ติดบล็อกของ แอ็กเกอร์ ก่อนที่จะได้บอลสวนกลับแต่จังหวะจะหลุดเข้าไปยิงของ อดัม ถูกเซนเดอรอส เหนี่ยวล้มลงไปได้ แต่ปราการหลังสวิตเซอร์แลนด์ โดนแค่ใบเหลืองเท่านั้น และลูกยิงฟรีคิกของ เบลลามี่ ก็ติดกำแพงออกหลังไปซะอีก

        เข้าสู่นาทีที่ 66 ลิเวอร์พูล ส่งบอลเข้าไปสู่ก้นตาข่ายได้เมื่อ เอ็นริเก้ จ่ายบอลให้ ซัวเรซ หลุดเข้าไปกระดกบอลหลบชวาร์เซอร์ ก่อนยิงเข้าไปแต่ ซัวเรซ ล้ำหน้าไปก่อนนิดเดียวเท่านั้น

        เกมมาเกิดจุดเปลี่ยนในนาทีที่ 72 เมื่อ "หงส์แดง" ต้องมาเหลือผู้เล่นแค่ 10 คนเมื่อ เจย์ สเพียริ่ง พุ่งเข้าไปเสียบคาบลูกคาบดอกใส่ เดมเบเล่ ผู้ตัดสิน เควิน เฟรนด์ ชักใบแดงไล่ออกทันที

        นาทีที่ 77 ทีมเยือนส่งสจ๊วร์ต ดาวนิ่งกับมักซี่ โรดริเกซลงไปแทนเบลลามี่กับแคร์โรลล์

        นาทีที่ 80 เจ้สัวที่ได้เปรียบตัวผู้เล่นเกือบได้ประตูขึ้นนำจากจังหวะที่ คลิ้นท์ เดมพ์ซี่ย์ ได้ปั่นในเขตโทษบอลผ่าน เรน่า นายด่านหงส์แดงที่ได้แต่ป้องกันด้วยสายตายไปแล้ว แต่เจ้ากรรมบอลพุ่งไปชนคานอย่างน่าเสียดาย

        นาทีที่ 82 มุสซ่า เดมเบเล่ ของเจ้าถิ่นได้โอกาสกระชากบอลจี้เข้ามาซัดบอลหลุดออกเสาไกลไปอย่างน่าเสียดาย

        นาทีที่ 83 หงส์แดงได้โอกาสทองจากลุยเดี่ยวเข้าไปของ สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง ก่อนซัดด้วยเท้าซ้ายบอลพุ่งส่ายเข้ากรอบแต่เป็น มาร์ค ชวาร์เซอร์ ที่ยังโชว์เซฟเอาไว้ได้

        นาทีที่ 84 ฟูแล่มมาไปประตูขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะที่ แดนนี่ เมอร์ฟี่ ปั่นด้วยเท้าขวาตรงตัว เรน่าที่รบหลุดบอลกระดอนมาเข้าทาง เดมพ์ซี่ย์ ที่ตามเข้าซ้ำโล่งๆ ไม่เหลือซาก

        นาทีที่ 88 หงส์มีโอกาสตามตีเสมออีกครั้งจากจังหวะซัดด้วยซ้ายของ ชาร์ลี อดัม แต่บอลพุ่งออกนอกกรอบไปอย่างน่าเสียดาย

        นาทีที่ 92 หงส์แดงได้โอกาสลุ้นตีเสมอจากลูกฟรีคิกหน้ากรอบเขตโทษอีกครั้งและเป็น ซัวเรส ที่รับหน้าที่ปั่นไปติดกำแพงและเจ้าสัวตัดบอลโต้กลับเร็วเป็น แอนดี้ จอห์นสัน ที่กระชากบอลไปซัดไม่ตรงกรอบจบเกม ลิเวอร์พูล บุกพ่าย ฟูแล่ม 0-1 ส่งผลให้ฟูแล่มอันดับพุ่งขึ้นไปอยู่ที่ 13 ของตาราง ขณะที่ ลิเวอร์พูล รั้งที่ 7 เหมือนเดิม

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

        ฟูแล่ม :
มาร์ค ชวาร์เซอร์, สตีเฟ่น เคลลี่, เบรเด้ ฮันเกลันด์, ฟิลิปป์ เซนเดอรอส, ยอห์น อาเน่ รีเซ่, คลิ้นท์ เดมพ์ซี่ย์, แดนนี่ เมอร์ฟี่, ดิ๊กสัน เอตูฮู, ไบรอัน รูอิซ, มุสซ่า เดมเบเล่, บ็อบบี้ ซาโมร่า

        สำรอง :
นีล เอเธอริดจ์, แอนดี้ จอห์นสัน, ปาจติม คาซามี่, มาร์เซล เกคอฟ, อาร่อน ฮิวจ์ส, เคริม ฟราย, แม็ตธิว บริ๊กก์ส

        ลิเวอร์พูล :
โฆเซ่ เรน่า, เกล็น จอห์นสัน, มาร์ติน สเคอเทล, ดาแนี่ยล แอ็กเกอร์, โฆเซ่ เอ็นริเก้, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, เจย์ สเพียริ่ง, ชาร์ลี อดัม, เคร็ก เบลลามี่, หลุยซ์ ซัวเรซ, แอนดี้ แคร์โรลล์

        สำรอง
: อเล็กซานเดอร์ โดนี่, มักซี่ โรดริเกซ, เซบาสเตียน โคอาเตส, เดิร์ค เค้าท์, สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง, เจมี่ คาร์ราเกอร์, มาร์ติน เคลลี่

        ผู้ตัดสิน
: เควิน เฟรนด์

วันจันทร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2554

หงส์จัด "ซัวเรซคู่เบลลามี่"เยือนรังฟูแล่ม คืนนี้




ปรีวิว ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
วันจันทร์ที่ 5 ธันวาคม 2554
ฟูแล่ม      -       ลิเวอร์พูล

สนาม : คราเวน ค็อทเทจ

     มาร์ติน โยล กุนซือ เจ้าสัวน้อย เพิ่งผ่านเกมหนักๆ ในถ้วยยูโรปา ลีก ที่บุกแพ้ ทเวนเต้ 0-1 เมื่อวันพฤหัสบดี ทำให้ต้องลุ้นเหนื่อยอีกจนถึงนัดสุดท้ายเพื่อแย่งเข้ารอบกับ วิสลา คราคอฟ

     สภาพทีม เดเมี่ยน ดัฟฟ์ ปีกตัวเก่ง บาดเจ็บน่องกำเริบในเกมที่ ทเวนเต้ ต้องรอทดสอบความฟิต ขณะที่ มุสซ่า เดมเบเล่ เจ็บช่วงท้ายเกมเหมือนกัน แต่น่าจะมีชื่ออยู่ในเกมนี้
     คลินท์ เดมพ์ซี่ย์ (ต้นขา) กับ คริส แบร์ด (เหตุผลส่วนตัว) ที่ไม่มีชื่อเดินทางไปฮอลแลนด์ด้วย คาดว่าจะพร้อมกลับคืนทีมทั้งคู่ เช่นกันกับ ไบรอัน รูอิซ ที่ติดคัพ-ไทในถ้วยยูโรปา ลีก      ผู้รักษาประตู มาร์ค ชวาร์เซอร์ แผงหลัง คริส แบร์ด, เบรเด้ ฮันเกลันด์, ฟิลิปป์ เซนเดรอส, ยอห์น อาร์เน่ รีเซ่ แดนกลาง มุสซ่า เดมเบเล่, ดิ๊กสัน เอตูฮู, แดนนี่ เมอร์ฟี่, คลินท์ เดมพ์ซี่ย์ คู่หน้า แอนดี้ จอห์นสัน ยืนคู่ บ็อบบี้ ซาโมร่า      ทางฝั่ง เคนนี่ ดัลกลิช กุนซือ หงส์แดง กำลังอยู่ในช่วงฟอร์มขึ้น ล่าสุดคือการบุกชนะ เชลซี 2-0 ในถ้วยคาร์ลิ่ง คัพ รอบก่อนรองชนะเลิศ เมื่อวันอังคาร แต่ข่าวร้ายคือการเสีย ลูคัส เลว่า เจ็บเข่ารุนแรง ปิดฉากฤดูกาลนี้แล้ว      ดัลกลิช ปรับทัพพอสมควรในเกมคาร์ลิ่ง คัพ โดยพักใช้งานตัวหลักอย่าง หลุยส์ ซัวเรซ, เกล็น จอห์นสัน, มาร์ติน สเคอร์เทล, ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์, ชาร์ลี อดัม และ สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง เพื่อให้สดเต็มที่สำหรับเกมมันเดย์ไนท์      จากการขาดหายไปของ ลูคัส ประกอบกับ สตีเว่น เจอร์ราร์ด กัปตันทีมที่มีปัญหาติดเชื้อที่ข้อเท้า ยังคงไม่ฟิตสมบูรณ์ ทำให้ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน อาจขยับบทบาทเข้าไปเป็นตัวตัดเกมตรงกลาง หรือไม่ก็ให้ เจย์ สเปียริ่ง ลงเล่น      แดนหน้าคาดว่า แอนดี้ แคร์โรลล์ จะถูกดร็อปเป็นสำรอง เพราะฟอร์มไม่ดี แถมยิงจุดโทษพลาดด้วยในเกมที่ เชลซี เพื่อเปิดทางให้ หลุยส์ ซัวเรซ กลับคืนตัวจริงคู่ เคร็ก เบลลามี่      การจัดทัพ โฆเซ่ เรน่า ลงเฝ้าเสา แผงหลัง เกล็น จอห์นสัน, มาร์ติน สเคอร์เทล, ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์, โฆเซ่ เอ็นริเก้ กองกลาง มักซี่ โรดริเกซ, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ชาร์ลี อดัม, สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง คู่หน้า เคร็ก เบลลามี่ กับ หลุยส์ ซัวเรซ

รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม



     ฟูแล่ม :
มาร์ค ชวาร์เซอร์ - คริส แบร์ด, เบรเด้ ฮันเกลันด์, ฟิลิปป์ เซนเดรอส, ยอห์น อาร์เน่ รีเซ่ - มุสซ่า เดมเบเล่, ดิ๊กสัน เอตูฮู, แดนนี่ เมอร์ฟี่, คลินท์ เดมพ์ซี่ย์ - แอนดี้ จอห์นสัน, บ็อบบี้ ซาโมร่า


     ลิเวอร์พูล :
โฆเซ่ เรน่า - เกล็น จอห์นสัน, มาร์ติน สเคอร์เทล, ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์, โฆเซ่ เอ็นริเก้ - มักซี่ โรดริเกซ, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ชาร์ลี อดัม, สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง - เคร็ก เบลลามี่, หลุยส์ ซัวเรซ


     ผู้ตัดสิน
: เควิน เฟรนด์

วันเสาร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2554

"ซัวเรซ"เป็นปลื้มสืบสานตำนานเบอร์ 7


หลุยส์ ซัวเรซ กองหน้า ลิเวอร์พูล เผยสุดปลื้มที่ได้สวมเบอร์ 7 เช่นเดียวกับตำนานในแอนฟิลด์ ชี้เป็นเหมือนกับสิทธิพิเศษ และการย้ายมา "หงส์แดง" ก็เปรียบเหมือนฝันที่เป็นจริง

        หลุยส์ ซัวเรซ หัวหอก "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก ออกมาเผยเมื่อวันศุกร์ที่ 2 ธันวาคม ที่ผ่านมา ว่า เขารู้สึกภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้สวมเสื้อหมายเลข 7 ซึ่งเป็นเบอร์ในตำนานของถิ่นแอนฟิลด์


         ดาวยิงทีมชาติ อุรุกวัย เดินตามรอยฮีโร่ของ ลิเวอร์พูล อย่าง เคนนี่ ดัลกลิช ผู้จัดการทีมคนปัจจุบัน และ เควิน คีแกน อดีตยอดหัวหอกทีมชาติอังกฤษ ด้วยการสวมเสื้อแข่งขันหมายเลข 7 และ ซัวเรซ ซึ่งย้ายมาจาก อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม เมื่อเดือนมกราคม ก็เผยว่าการสวมเสื้อเบอร์นี้เปรียบเหมือนกับเป็นสิทธิพิเศษ 


         "มัน ทำให้ผมภูมิใจมาก ตอนที่ผมคิดถึงนักเตะที่เคยสวมมันมาก่อน อย่าง เคนนี่ ดัลกลิช หรือ เควิน คีแกน มันคือตำนานที่สโมสร ตอนที่ผมลงสนาม ผมรู้สึกถึงสิทธิพิเศษที่ผมได้รับสำหรับการสวมเบอร์นี้" ซัวเรซ กล่าว


         ดาวเตะฟันจอบเผยว่า เขาเฝ้าติดตาม ลิเวอร์พูล มาตั้งแต่เด็ก และยอมรับว่าการย้ายมาแอนฟิลด์ เป็นการเติมเต็มความฝันของตัวเอง


         "ตอน เด็กๆ ผมเล่นเพลย์สเตชั่น ผมเลือก ลิเวอร์พูล ประจำ ผมไม่เคยพูดเรื่องนี้มาก่อน แต่พวกเขาคือทีมของผมตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว มันตลก เพราะตอนนั้นผมเล่นบนจอโดยมี สตีเว่น เจอร์ราร์ด และ เฟร์นานโด ตอร์เรส ซึ่งอยู่ที่สโมสรตอนผมย้ายมา สำหรับผมแล้วมันคือฝันที่เป็นจริง" ซัวเรซ กล่าว


         สตาร์ชาวอุรุกวัย ยอมรับว่า พรีเมียร์ลีกแตกต่างอย่างยิ่งกับฟุตบอลที่เขาเคยเล่นในศึกพรีเมียร์ดัตช์กับ อาแจ็กซ์ โดยกล่าวว่า "ข้อแตกต่างสำคัญระหว่าง อาแจ็กซ์ กับ ลิเวอร์พูล คือพรีเมียร์ลีกเต็มไปด้วยความเข้มข้นและปะทะกันอย่างหนัก ในอังกฤษมันไม่มีแมตช์ไหนที่ง่ายเลย"


         ซัวเรซ เป็นเพียง 1 ใน 4 นักเตะพรีเมียร์ลีกที่มีชื่อใน 23 คนสุดท้ายสำหรับการชิงรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมโลกหรือบัลลงดอร์ประจำปีนี้ ซึ่งหัวหอกตัวเก่งกล่าวว่า "ถ้าผมอยู่ใน 10 อันดับแรก มันก็ถือว่าเป็นรางวัลที่ยอดเยี่ยมแล้ว"