วันศุกร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

หงส์เดี้้ยง บุกเล้าไก่โดนสอยพ่าย 1-2


พรีเมียร์ลีก อังกฤษ 
วันพุธที่ 28 พฤศจิกายน 2555
 สเปอร์ส 2 - 1 ลิเวอร์พูล

สนาม : ไวท์ ฮาร์ท เลน

        เกมใหญ่ช่วงกลางสัปดาห์ที่ ไวท์ ฮาร์ท เลน เจ้าถิ่นของ อันเดร วิลลาช-โบอาช จัดทีมเดิมๆ ลงซด นำโดย เจอร์เมน เดโฟ, อารอน เลนน่อน, คลินท์ เดมพ์ซี่ย์ และ แกเร็ธ เบล

        ส่วนหงส์แดงของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส มีปรับทัพบางจุด ส่ง สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง กับ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ลงตัวจริง แต่ตัวหลักอย่าง สตีเว่น เจอร์ราร์ด กับ หลุยส์ ซัวเรซ ก็ยังอยู่

        เริ่ม เกมมา 4 นาที สเปอร์ส มีโอกาสจากลูกฟรีคิกระยะ 30 หลาเป็น แกเร็ธ เบล ตะบันด้วยซ้ายบอลพุ่งส่ายเข้าหากรอบ โฆเซ่ เรน่า ปัดจังหวะแรกก่อนที่กองหลังจะเคลียร์ทิ้ง
 

        กระนั้น สเปอร์ส ก็ได้ประตูนำเร็วจี๋ในนาที 7 แกเร็ธ เบล กระชากบอลจากกลางสนามเข้าไปในเขตโทษก่อนเปิดเรียดไปเสาไกลให้ อารอน เลนน่อน ชาร์จตุงตาข่ายไม่เหลือ สเปอร์ส นำ 1-0

        หลังจากเสียประตู ลิเวอร์พูล พยายามบุกขึ้นไปบ้าง นาที 9 จอร์แดน เฮนเดอร์สัน จ่ายบอลให้ หลุยส์ ซัวเรซ หลุดไปกดด้วยขวา อูโก้ โยริส ต้องผวาปัดออกมา

        ลิเวอร์พูล น่าจะตีเสมอได้ในนาที 14 จากจังหวะสวนกลับ หลุยส์ ซัวเรซ แทงบอลให้ โฆเซ่ เอ็นริเก้ แตะหนี โยริส ไปแล้ว และ เฮนเดอร์สัน สอดเข้าไปแปเน้นๆ แต่บอลหลุดกรอบไปอย่างไม่น่าเชื่อ



        แล้วก็เป็น สเปอร์ส ที่ได้ประตูนำ 2-0 ในนาที 16 จากฟรีคิกหน้าเขตโทษ แกเร็ธ เบล วิ่งมาซัดด้วยซ้ายบอลพุ่งติดไซด์ก้อยเสียบตาข่ายสุดงาม หมดสิทธิ์เซฟสำหรับ โฆเซ่ เรน่า

        ลิเวอร์พูล พยายามบุกอีกนาที 26 หลุยส์ ซัวเรซ พาบอลลุยเข้าไปซัดด้วยขวาในเขตโทษแต่ โยริส เซฟไว้ได้

        ทีม เยือนยังโหมจะตีไข่แตกให้ได้ นาที 33 ราฮีม สเตอร์ลิง แทงบอลทะลุช่องให้ เกล็น จอห์นสัน ลากตัดเข้ากลางบอลเลยมาถึง โฆเซ่ เอ็นริเก้ กลับตัวซัดด้วยซ้ายจากระยะ 8 หลาแต่บอลเข้ามือ โยริส
 

        หงส์แดง พลาดโอกาสได้ประตูอย่างน่าเสียดายในช่วงท้ายครึ่งแรก เมื่อ สตีเว่น เจอร์ราร์ด หลุดไปในเขตโทษโดน มุสซ่า เดมเบเล่ เบียดล้มและบอลมาเข้าทาง หลุยส์ ซัวเรซ ยิงบอลเกือบจะเข้าประตูอยู่แล้วแต่ ไคล์ วอล์คเกอร์ มาสกัดได้ทันในเสี้ยววินาทีสุดท้าย ส่งผลให้หมดครึ่งแรก สเปอร์ส นำ 2-0

        ลง ต่อครึ่งหลัง ลิเวอร์พูล เดินหน้าบุกเต็มกำลัง ป้วนเปี้ยนกดดันเจ้าถิ่นต่อเนื่องในช่วงแรก แต่ สเปอร์ส ก็หาทางโต้ขึ้นไปเป็นพักๆ นาที 55 คลินท์ เดมพ์ซี่ย์ ลองยิงฮาล์ฟวอลเลย์จาก 28 หลา ลูกเด้งพื้นแต่ยังเข้ามือ เรน่า

        แต่ช่วงกลางครึ่ง หลังเกมลดความเร็วลงไป และโอกาสจบสกอร์ก็มีน้อยลงเช่นกัน นาที 68 สเปอร์ส ได้ฟรีคิกระยะหวังผล เบล ซัดด้วยซ้ายบอลโค้งฮุคลงเฉี่ยวคานบนไปได้ลุ้น
 

        แต่แล้วนาที 71 เป็น ลิเวอร์พูล ที่ไล่ขึ้นเป็น 1-2 จากเตะมุม จอนโจ เชลวี่ย์ เปิดเข้ามา สตีเว่น เจอร์ราร์ด โผโขกเข้าหากรอบ อารอน เลนน่อน พยายามเตะสกัดทิ้งบนเส้นแต่กลายเป็นเตะชนหน้า แกเร็ธ เบล เข้าประตูตัวเองเสียดื้อๆ

        นาที 80 ลิเวอร์พูล หวิดได้ลูกตีเจ๊า ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์ ตะลุยพาบอลถึงเส้นหลังแล้วตีลังกาจ่ายกลับเข้ากลาง หลุยส์ ซัวเรซ ตั้งป้อมวอลเลย์ระยะ 10 หลา บอลพุ่งข้ามคานแค่คืบเท่านั้น

        หงส์ แดงเดินเครื่องเต็มกำลังในช่วงที่เหลือ ทว่าก็ยังขาดๆ เกินๆ ในพื้นที่สุดท้าย จบเสียงนกหวีดสุดท้ายดังขึ้น เท่ากับ สเปอร์ส เบียดชนะ 2-1



รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
สเปอร์ส :
อูโก้ โยริส, ไคล์ วอล์คเกอร์, วิลเลี่ยม กัลลาส, ไมเคิ่ล ดอว์สัน, ยาน แฟร์ทองเก้น, ซานโดร, มุสซ่า เดมเบเล่, อารอน เลนน่อน, คลินท์ เดมพ์ซี่ย์, แกเร็ธ เบล, เจอร์เมน เดโฟ
สำรอง: แบร๊ด ฟรีเดล, ทอม ฮัดเดิลสตัน, ไคล์ นอห์ตัน, กิลฟี่ ซิกูร์ดส์สัน, เจค ลิเวอร์มอร์, แอนดรอส ทาวน์เซนด์, ทอม แคร์โรลล์
ลิเวอร์พูล : โฆเซ่ เรน่า, เกล็น จอห์นสัน, มาร์ติน สเคอร์เทล, ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์, โฆเซ่ เอ็นริเก้, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, โจ อัลเลน, สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง, ราฮีม สเตอร์ลิง, หลุยส์ ซัวเรซ
สำรอง: แบร๊ด โจนส์, นูริ ซาฮิน, อุสซาม่า อัสไซดี้, เจมี่ คาร์ราเกอร์, จอนโจ เชลวี่ย์, ซูโซ่, อันเดร วิสดอม
ผู้ตัดสิน : ฟิล ดาวด์

สรุปผลฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
- เซาแฮมป์ตัน เสมอ นอริช ซิตี้ 1-1
- สโต๊ค ซิตี้ ชนะ นิวคาสเซิ่ล 2-1
- สวอนซี ซิตี้ ชนะ เวสต์บรอมวิช 3-1
- สเปอร์ส ชนะ ลิเวอร์พูล 2-1
- เชลซี เสมอ ฟูแล่ม 0-0
- เอฟเวอร์ตัน เสมอ อาร์เซน่อล 1-1
- แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ เวสต์แฮม 1-0
- วีแกน แพ้ แมนฯ ซิตี้ 0-2
ข้อมูล:siamsport

วันจันทร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ศึก 2 หงส์ จืดสนิทเจ๊ากันไป 0-0


ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
สวอนซี 0 - 0 ลิเวอร์พูล
เวลา: 20.30 น.
สนาม: ลิเบอร์ตี้ สเตเดี้ยม
ผู้ตัดสิน: จอน มอสส์

ผ่านมาถึงนาทีที่ 8  หลุยส์ ซัวเรซ พาบอล หลอกกองหลังสวอนซีก่อนที่บอลจะไหลมาเข้าทางสเตอริ่งได้ซัดเหน่งๆ แต่ยิงไม่ดี บอลเบาเข้ามือผู้รักษาประตูรับสบาย ถัดมาอีก 2 นาที ลิเวอร์พูลเตะมุม  เกล็น จอห์นสัน ได้โขกเต็มๆแต่บอลข้ามคานออกไป

นาทีที่ 12  เราท์เล็ดจ์ได้โอกาสซัดไกลจากนอกเขตโทษ แต่เรน่า พุ่งปัดไปได้อย่างหวุดหวิด

นาที ที่ 16 ลิเวอร์พูล น่าได้ประตูขึ้นนำ จากการเปิดบอลของสเตอร์ลิ่ง เอ็นริเก้ วิ่งฉีกมาชาร์จบอลจ่อๆในกรอบ 6 หลา แต่บอลโดนตัว ทำให้บอลหลุดนอกกรอบแบบได้ลุ้นสุดๆ



นาทีที่ 24 เอ็นริเก้แทงบอลทะลุแนวรับหงส์ขาว เกร็น จอห์นสัน ได้ดวลเดี่ยวกับ เทรมเมล แต่ยิงข้ามคานออกไปไกล

นา ที่ที่ 28 ปาโบล เอร์นานเดซ ได้โอกาสบรรจงปั่นด้วยขวานอกกรอบ บอลเลี้ยวออกเสาสองอย่างได้ลุ้น ถัดมา 2 นาที สวอนซีมีลุ้นอีกครั้งจากความผิดพลาดของเจอร์ราร์ดที่ไม่เข้าใจกับแอ็กเกอร์ โจนาธาน เด กุซมัน ฉกบอลมาได้ ยิงหลุดออกนอกกรอบไป

นาทีที่ 32 หงส์แดงเกือบได้ขึ้นนำถึง 2 ครั้ง สเตอร์ลิ่งได้ง้างเท้าวอลเลย์ยิงนอกกรอบเขตโทษ บอลทะลุกองหลังลอยเหินไปชนคานสนั่นหวั่นไหว นาทีต่อมา ซัวเรซหยอดบอลให้เอ็นริเก้ยิงเข้าประตูไป แต่เป็นลูกล้ำหน้าซะก่อน

นาทีที่ 37 สวอนซีบุกหนัก ปาโบล เอร์นานเดซ ได้โอกาสยิงอีกครั้งบริเวณนอกกรอบเขตโทษ แต่บอลหลุดออกหลังไป

นาทีที่ 42 เกล็น จอห์นสัน ได้โหม่งจากลูกเตะมุม แต่บอลข้ามคานออกหลังอีกครั้ง หมดเวลาครึ่งแรก สวอนซี 0-0 ลิเวอร์พูล
นาทีที่ 55 ซัวเรซจ่ายบอลให้เจอร์ราร์ดได้ชิ่ง แต่บอลติดกองหลังสวอนซี บอลหยุดเข้าทางเจอร์ราร์ดตั้งป้อมซัดด้วยซ้ายบริเวณหัวกะโหลก บอลตรงตัวผู้รักษาประตู ถัดมาซัวเรซได้โอกาสยิงในกรอบเขตโทษ แต่เทรมเมลยังไวกระโดดเซฟไว้ได้

นาทีที่ 60  ปาโบล เอร์นานเดซ ได้โอกาสโยนบอลจากริมเส้นทางด้านซ้าย มิชู วิ่งมากระโดดโหม่ง แต่โดนไม่ดีบอลเบาเข้ามือ เรน่า รับสบาย

นาทีที่ 63 แอชลี่ย์ วิลเลี่ยมส์ ได้โหม่งจากลูกเตะมุม บอลจะเข้าประตูอยู่แล้วแต่อัลเลนเคลียร์ออกไปหวุดหวิด

นาทีที่ 70 ซัวเรซเปิดลูกฟริคิก บอลลอยเข้าหัวแอ็กเกอร์ขึ้นโขกคนเดียวเต็มๆแต่บอลตรงตัวผู้รักษาประตู


นาทีที่ 73 ดาวนิ่งพลาดถูก ดายเออร์ฉกบอลไปหลุดทะลุเข้ากรอบเขตโทษแต่ เรน่ายังไววิ่งออกมาเซฟบอลได้ทัน

นาที ที่ 82 ลิเวอร์พูลได้โอกาสสวนกลับเร็ว ซัวเรซเล่นลูกชิ่งกับสเตอร์ลิ่ง หลุดไปล็อกหลอกกองหลังแล้วซัดด้วยขวา บอลตรงตัวเทรมเมล นาทีถัดมา สวอนซีมีโอกาสบ้าง คีซุงยอง ยิงออกหลังไปไกล

นาทีที่ 86 สวอนซีได้ฟรีคิกระยะอันตราย ปาโบล เอร์นานเดซ ปั่นบอลทะลุกำแพงจะเสียบเสาสองอยู่แล้ว แต่เรน่าพุ่งปัดออกหลังไปอย่างหวุดหวิด 



นาทีที่ 90 ลิเวอร์พูลน่าได้ประตูนำ เจอร์ราร์ดได้โอกาสยิง บริเวณกรอบเขตโทษบอลออกเสาสองไปอย่างน่าเสียดาย นาทีถัดมา เชลวีย์ได้ยิงนอกกรอบเขตโทษ บอลมุดเข้าเสาแรกแต่เทรมเมลยังพุ่งมาตะปบไว้ได้ หมดเวลา สวอนซีเสมอลิเวอร์พูล 0-0 แบ่งกันไปคนละ 1 แต้ม

รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนาม:
สวอนซี (4-3-3): แกร์ฮาร์ด เทรมเมล ,อังเคล รานเคล, ชิโก้ ฟลอเรส, แอชลี่ย์ วิลเลี่ยมส์, เบน เดวิส,ลีออน บริตตัน, โจนาธาน เด กุซมัน,เวย์น เราท์เล็ดจ์, มิชู, ปาโบล เอร์นานเดซ,อิเตย์ เชชเตอร์
ผู้จัดการทีม: ไมเคิ่ล เลาดรู้ป
ลิเวอร์พูล (3-4-3): เปเป้ เรน่า; โฆเซ่ เอ็นริเก้, มาร์ติน สเคอร์เทล, แดเนี่ยล แอ็กเกอร์; เกล็น จอห์นสัน; สตีเว่น เจอร์ราร์ด, โจ อัลเลน,จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ,สจ๊วต ดาวนิ่ง, หลุยส์ ซัวเรซ, ราฮีม สเตอร์ลิ่ง
ผู้จัดการทีม: เบรนแดน ร็อดเจอร์ส
ข้อมูล:sanook

วันจันทร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

"หงส์แดง" ฟอร์มเทพเปิดบ้านดับวีแกน 3-0 ซัวเรซเบิ้ล2


ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
ลิเวอร์พูล 3-0 วีแกน

สนาม : แอนฟิลด์
        โฆเซ่ เรน่า คืนทัพเป็นตัวจริงเฝ้าเสาให้ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล โดยแนวรุกยังคงเป็น สตีเว่น เจอร์ราร์ด ราฮีม สเตอร์ลิ่ง และ หลุยส์ ซัวเรซ ด้าน วีแกน ทีมเยือนมาแบบฟูลทีม ฟรังโก้ ดิ ซานโต้ ลงเป็นกองหน้าล่าตาข่าย
        นาที 10 หลุยส์ ซัวเรซ ลากบอลเข้าด้านข้างเขตโทษก่อนเปิดเข้ากลางหวังให้ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง แต่ เบน วัตสัน เข้ามาสกัดออกไปได้ก่อน         นาที 11  สตีเว่น เจอร์ราร์ด เปิดลูกเตะมุมเข้ามาให้ แดเนี่ยล แอ๊กเกอร์ ได้ขึ้นโขกแต่บอลหลุดออกไปนิดเดียว         นาที 15 เบน วัตสัน ได้จังหวะยิงไกลบริเวณหน้ากรอบเขตโทษแต่บอลเหิรข้ามคานออกไปชนิดไม่ได้ลุ้น         นาที 18 ลิเวอร์พูล ได้ลูกเตะมุมอีกครั้ง ซูโซ่ เปิดเข้ามา สตีเว่น เจอร์ราร์ด เก็บบอลได้ก่อนเตะยัดเข้าไปติดกองหลัง วีแกน อีก         นาที 21 เกล็น จอห์นสัน เก็บบอลที่แถวสองได้จากจังหวะเตะมุมก่อนยิงเต็มแรงบอลข้ามคานออกไป         นาที 23 เจ้าบ้านเกือบขึ้นนำ ซูโซ่  ได้จังหวะยิงด้วยซ้ายจากนอกกรอบเขตโทษเต็มแรงแต่บอลไปตรงตัวของ อาลี อัล ฮับซี่



        นาที 25 เบน วัตสัน ได้รับบาดเจ็บจากการปะทะกับ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง จนต้องออกไปปฐมพยาบาลนอกสนามทำให้เกมหยุดไป 2-3 นาที         นาที 29 วีแกน ได้ยิงฟรีคิกจากจังหวะบาดเจ็บของ เบน วัตสัน แต่ อิบัน รามิส ยิงไปติดกำแพง         นาที 31 เบน วัตสัน เล่นต่อไม่ไหว วีแกนเปลี่ยนตัวออกและส่ง เดวิด โจนส์ ลงมาแทน         นาที 33 วีแกน ได้ฟรีคิก หน้ากรอบเขตโทษอีกครั้งหลัง แดเนี่ยล แอ๊กเกอร์ เข้าสกัดด้านหลัง ฟรังโก้ ดิ ซานโต้ คราวนี้เป็น มายเนอร์ ฟิเกรัว ยิงข้ามคานออกไป         นาที 35 ลิเวอร์พูลได้ ฟรีคิกบ้าง หลุยส์ ซัวเรซ ยิงข้ามคานออกไปอีก         นาที 36 ลิเวอร์พูลเปลี่ยนตัว ซูโซ่ ออกส่ง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ลงสนามแทน         นาที 38 มายเนอร์ ฟิเกรัว รับใบเหลืองคนแรกของเกมหลังเข้าสกัด  ราฮีม สเตอร์ลิ่ง รุนแรง         นาที 42 สตีเว่น เจอร์ราร์ด แทงบอลเข้าเขตโทษให้ หลุยส์ ซัวเรซ หลุดถึงเส้นหลัง ก่อนที่กองหน้าทีมชาติอุรุกวัยจะตวัดบอลเข้าไปกลางไปเข้ามือ อาลี อัล ฮับซี่         จบครึ่งแรกทั้งสองทีมยังทำอะไรกันไม่ได้เสมอกัน 0-0



        เริ่มครึ่งหลังเพียง 2 นาที ลิเวอร์พูล ก็ได้ประตูขึ้นนำ จากจังหวะที่ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ใช้ความเร็วลากบอลหนีกองหลังวีแกน เข้าเขตโทษก่อนเปิดให้ หลุยส์ ซัวเรซ ยิงเข้าไปอย่างสวยงาม         นาที 55 จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ยิงไกลสวนจากจังหวะที่ แกรี่ คัลด์เวลล์ สกัดบอลมาเข้าทางปืน แต่บอลไม่ตรงกรอบ



        นาที 58 ลิเวอร์พูล ขึ้นนำ 2-0 จากจังหวะที่ โฆเซ่ เอ็นริเก้ เลี้ยงบอลตัดจากด้านข้างสนามเข้าตรงกลางก่อนที่จะจ่ายบอลทะลุกองหลังวีแกน 2คนให้ หลุยส์ ซัวเรซ  เข้ายิงสวนตัว อัล ฮับซี่ เข้าประตูไปเป็นลูกที่สองของตัวเองในเกมนี้         นาที 65 ลิเวอร์พูล ออกนำห่าง 3-0 ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ทำชิ่ง1-2กับ หลุยส์ ซัวเรซ  เข้าไปยิงเต็มๆข้อในเขตโทษ แต่ อัล ฮับซี่ ปัดไว้ได้แต่บอลไปเข้าทาง โฆเซ่ เอ็นริเก้ ซ้ำจ่อๆเข้าไปให้ หงส์แดง นำห่าง         นาที 66  แกรี่ คัลด์เวลล์ โดนใบเลืองหลังไปเถียงกรรมการ         นาที 68 วีแกน เปลี่ยนตัวที่เดียว2คนเอา แกรี่ คัลด์เวลล์ และ ฟรังโก้ ดิ ซานโต้ ออกและส่ง จอร์ดี้ โกเมซ และ เรียว มิยาอิชิ ลงสนาม         นาที75 เกล็น จอห์นสัน ลากเดี่ยวจากครึ่งสนามมาถึงหน้าเขตโทษก่อนได้จังหวะยิงเต็มๆข้อ บอลหลุดเสาออกไปนิดเดียว         นาที 81 หลุยส์ ซัวเรซ   เกือบทำแฮตทริกสำเร็จเมื่อเลี้ยงบอลเข้าเขตโทษก่อนยิงหลุดเสาไกลออกไป         นาที 87  ลิเวอร์พูล เปลี่ยนตัว หลุยส์ ซัวเรซ ออกส่ง จอนโจ เชลวี่ย์ ลงสนาม         ช่วงท้ายเกมทำไรเพิ่มเติมไม่ได้จบเกม ลิเวอร์พูล ชนะ วีแกน 3-0

รายชื่อผู้เล่นทั้ง2ทีม
ลิเวอร์พูล :
โฆเซ่ เรน่า - อันเดร วิสดอม,แดเนี่ยล แอ๊กเกอร์,มาร์ติน สเคอร์เทล,โฆเซ่ เอ็นริเก้,เกล็น จอห์นสัน,สตีเว่น เจอร์ราร์ด,โจ อัลเลน,ราฮีม สเตอร์ลิ่ง,หลุยส์ ซัวเรซ, ซูโซ่
วีแกน : อาลี อัล ฮับซี่ - อิบัน รามิส, แกรี่ คัลด์เวลล์, มายเนอร์ ฟิเกรัว - เอ็มเมอร์สัน บอยซ์, เจมส์ แม็คคาร์ธี่, เบน วัตสัน, ฌอง โบเซฌูร์ - อารูน่า โคเน่, ฌอน มาโลนี่ย์ - ฟรังโก้ ดิ ซานโต้


สรุปผลฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ

 - อาร์เซน่อล ชนะ สเปอร์ส 5-2
- ลิเวอร์พูล ชนะ วีแกน 3-0
- แมนฯ ซิตี้ ชนะ แอสตัน วิลล่า 5-0
-  นิวคาสเซิ่ล แพ้ สวอนซี 1-2
- ควีนส์ปาร์ค แพ้ เซาธ์แฮมป์ตัน 1-3
- เร้ดดิ้ง ชนะ เอฟเวอร์ตัน 2-1
- เวสต์บรอมวิช ชนะ เชลซี 2-1
- นอริช ชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด 1-0
- ฟูแล่ม แพ้ ซันเดอร์แลนด์ 1-3

ข้อมูล:siamsport.co.th
job

วันจันทร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

หงส์แดงบุกเจ๊าเชลซี สุดมันส์ 1-1 จอห์น เทอร์รี่ ส่อพักยาว


ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ
วันอาทิตย์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555
เชลซี 1-1 ลิเวอร์พูล
(1-0 จอห์น เทอร์รี่ น.20 ,1-1 หลุยส์ ซัวเรซ น.73) 
สนาม : สแตมฟอร์ด บริดจ์ 
ผู้ตัดสิน : ฮาวเวิร์ด เว็บบ์ 

เปิดฉากเริ่มเกมได้ 6 นาที เชลซี เกือบออกนำไปก่อนเมื่อ เอแด็น อาซาร์ จ่ายบอลทะลุมาให้ ออสการ์ หลุดเข้าเขตโทษไปยิง แต่เจ้าตัวกลับซัดข้ามคานไปอย่างน่าเสียดาย


นาที 20 ในที่สุดแฟนบอลเจ้าถิ่นก็ได้เฮจากลูกเตะมุมฝั่งขวา ฆวน มาต้า โยนเข้ามาให้ จอห์น เทอร์รี่ ที่ไม่มีใครประกบได้เทกตัวโขกโล่งๆ เข้าประตูไป ชนิดที่ แบร๊ด โจนส์ หมดโอกาสป้องกัน เชลซี ขึ้นนำไปก่อน 1-0
นาที 26 "สิงห์" เกือบได้บวกสกอร์เพิ่มเมื่อ อาซาร์ กระชากหนีคู่แข่งจากกลางสนามมาหน้าเขตโทษ ก่อนจะไหลให้ เฟร์นานโด ตอร์เรส ที่อยู่ทางซ้ายได้ซัดไปติดเซฟ แบร๊ด โจนส์ แต่บอลยังลอยมาเข้าทาง อาซาร์ ที่ยืนโล่งตวัดซ้ำด้วยขวาแต่บอลก็ข้ามคานออกไปนิดเดียว


เกมต้องหยุดลงชั่วคราวเมื่อ เทอร์รี่ โชคร้ายได้รับบาดเจ็บ หลังไปถูกสีข้างของ หลุยส์ ซัวเรซ ล้มทับบริเวณเท้าขวาในจังหวะแย่งบอล สุดท้ายเจ้าตัวเล่นต่อไม่ไหวทำให้ทีมต้องเปลี่ยนตัวเอา แกรี่ เคฮิลล์ ลงมาคุมเกมรับแทน
ช่วงทดเจ็บ 5 นาที เจ้าถิ่นพลาดโอกาสได้ประตูที่สองอีกครั้งเมื่อ มาต้า ได้หลุดเดี่ยวไปถึงเขตโทษโล่งๆ แต่เจ้าตัวดันไปซัดด้วยซ้ายข้ามคานไปแบบไม่ต้องลุ้นทั้งที่ด้านข้างมีเพื่อน ที่รออยู่โล่งๆ แท้ๆ หมดครึ่งแรกเป็นฝั่ง เชลซี ขึ้นนำไปก่อน 1-0
กลับมาเตะกันต่อในช่วงครึ่งหลังได้ไม่นานก็มีใบเหลืองแรกของเกมทันทีเมื่อ โจ อัลเลน ไปเสียบอลให้ ตอร์เรส ก่อนเจ้าตัวจะตัดสินใจกระชากดาวยิง "สิงห์บลูส์" ล้มลงไป ผู้ตัดสินไม่รอช้าชักใบเหลืองให้เจ้าตัวทันที
จากนั้นอีก 10 นาที เกล็น จอห์นสัน ก็ต้องมาโดนเหลืองไปอีกคน เมื่อไปชักศอกใส่หน้าของ ออสการ์ ในจังหวะขวางเพื่อไม่ให้โดนเลี้ยงผ่าน
เกมต้องหยุดไปอีกครั้งจากจังหวะที่ ตอร์เรส ได้โหม่งจ่อๆ ไปติดเซฟ แบร๊ด โจนส์ แล้วในจังหวะที่ลงพื้นเจ้าตัวไปลื่นแล้วเตะเข้าที่ขาของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด จนได้รับบาดเจ็บต้องปฐมพยาบาลชั่วคราว
แต่ "หงส์แดง" ไม่รอช้ารีบเปลี่ยนตัวผู้เล่นคนแรกส่ง ซูโซ่ ลงสนามโดยถอดเอา นูริ ซาฮิน ออกไป
เจอร์ราร์ด ต้องมาโดนใบเหลืองให้ทีมเป็นคนที่สาม หลังไปเตะใส่ที่เข่าของ ออสการ์ ในจังหวะโดนเจ้าตัวกระดกบอลหนีเพื่อจะเลี้ยงผ่าน


นาที 73 ในที่สุด ลิเวอร์พูล ก็มาได้ประตูตีเสมอสำเร็จจากลูกเตะมุม ซูโซ่ โยนด้วยซ้ายลอยมาถึงหัว คาร์ราเกอร์ โหม่งตั้งย้อนทางมาให้ ซัวเรส ที่อยู่ทางเสาสองหนีการประกบของ รามิเรส โหม่งจ่อๆ เข้าไป สกอร์กลับมาเท่ากัน 1-1
เชลซี เปลี่ยนตัวคนที่สองถอด ออสการ์ ออกแล้วส่ง วิคเตอร์ โมเซส ลงทำเกมรุกแทน ถัดมาก็เปลี่ยนตัวคนสุดท้ายส่ง ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ ลงสนามแล้วถอดเอา ตอร์เรส ออกไป
นาที 87 เชลซี รอดเสียประตูแบบหวุด เมื่อ โฆเซ่ เอ็นริเก้ จ่ายทะลุแนวรับให้ ซัวเรส หลุดเดี่ยวจวนจะเข้าเขตโทษอยู่แล้ว แต่ ปีเตอร์ เช็ก ยังไวออกมาหน้าเขตโทษแล้วสกัดบอลไว้ได้ด้วยหัวเข่าแบบฉิวเฉียด
ช่วงทดเจ็บท้ายเกม ลิเวอร์พูล พลาดโอกาสได้ประตูชัย ราฮีม สเตอร์ริ่ง ครองบอลอยู่ในเขตโทษก่อนจะจ่ายให้ ซัวเรส แล้วไหลต่อมาให้ โฆเซ่ เอ็นริเก้ ซัดด้วยซ้าย แต่ ปีเตอร์ เช็ก ยังยอดเยี่ยมล้มตัวปัดออกหลังไปได้อย่างรวดเร็ว 

จากนั้นไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกหมดเวลาเสมอกันไป 1-1 ส่งผลให้ เชลซี ตกไปอยู่อันดับที่ 3 ของตารางมี 24 คะแนน ตามหลัง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จ่าฝูงเป็น 3 คะแนน และตาม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ รองจ่าฝูง 1 คะแนน ขณะที่ ลิเวอร์พูล ยังอยู่อันดับที่ 13 มีแค่ 12 คะแนนเท่านั้น

-----------------------------------------------------------------------
รายชื่อของนักเตะทั้งสองทีมที่ลงสนาม
เชลซี (4-2-3-1) : ปีเตอร์ เช็ก - เซซ่าร์ อัซปิลิกวยต้า, บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, จอห์น เทอร์รี่ (แกรี่ เคฮิลล์ น.40), ไรอัน เบอร์ทรานด์ - จอห์น โอบี มิเกล, รามิเรส - ฆวน มาต้า, ออสการ์ (วิคเตอร์ โมเซส น.76), เอแด็น อาซาร์ - เฟร์นานโด ตอร์เรส (ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ น.81)
ผู้เล่นสำรอง รอสส์ เทิร์นบูล - เปาโล แฟร์ไรร่า - โอริออล โรเมอู - มาร์โก มาริน
 -----------------------------------------------------------------------
ลิเวอร์พูล (3-5-2) :แบร๊ด โจนส์ - อังเดร วิสดอม, เจมี่ คาร์ราเกอร์, ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์ - เกล็น จอห์นสัน, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, นูริ ซาฮิน (ซูโซ่ น.59), โจ อัลเลน, โฆเซ่ เอ็นริเก้ - ราฮีม สเตอร์ริ่ง - หลุยส์ ซัวเรซ
ผู้เล่นสำรอง ปีเตอร์ กูลาสซี่ - เซบาสเตียน โคอาเตส - โจ โคล - จอร์แดน เฮนเดอร์สัน - อุสซาม่า อัสไซดี้

้อมูล:sanook

วันเสาร์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

หงส์ส่งชุด 2 บุกพ่าย อินจิ 0-1 ศึกยูโรป้าลีก


ฟุตบอลยูโรป้าลีก
รอบแบ่งกลุ่ม นัดสี่ กลุ่มเอ
วันพฤหัสบดีที่ 8 พฤศจิกายน 2555
อันจิ มาคาชคาล่า 1 - 0 ลิเวอร์พูล
(ลาซิน่า ตราโอเร่ น.45)
สนาม : สตาดิโอ โลโคโมทีฟ 
ผู้ตัดสิน : ดาบิด เฟร์นานเดซ บอร์บาลัน (สเปน) 

       เริ่มเกมเป็นเจ้าบ้านอันจิที่ ครองบอลเหนือกว่า โดยบอลส่วใหญ่นั้นจะสู้กันที่แดนกลาง ผ่านไป 15 นาที ทั้งสองทีมยังทำอะไรกันไม่ได้
     นาที 22 ลิเวอร์พูลได้ลุ้นประตู เมื่อ อดัม มอร์เเกน ใส่พานให้ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน แต่ เฮนเดอร์สัน  ไม่เลือกยิง ตวัดกลับมาเข้าเท้าแนวรับอันจิ จนเพื่อนต้องโวย
      ช่วงทดเวลาบาดเจ็บครึ่งแรก นาที 45 แฟนบอลเจ้าบ้านได้เฮลั่นทั้งสนาม จากจังหวะสวนกลับ เจา คาร์ลอส แทงบอลยาวให้ ลาซิน่า ตราโอเร่ ดีดบอลข้ามแนวรับของลิเวอร์พูล ก่อนจะกระดกข้ามศีรษะ  แบร็ด โจนส์ ส่งบอลไปนอนก้นตาข่าย ให้อันจิขึ้นนำ 1-0 และเป็นสกอร์สุดท้ายในครึ่งแรก
บู๊กันต่อครึ่งหลังยังคงเป็นอันจิ ที่ครองบอลมากกว่า ด้านลิเวอร์พูลคอยตั้งรับและสวนกลับเร็ว


    นาที 51 หงส์แดงได้ลุ้น เมื่อโจ โคล ไหลบอลให้ อดัม มอร์เเกน ซัดด้วยซ้ายแต่บอลไปเข้าหน้าต่างอย่างน่าเสียดาย
       นาที 57 ซามูเอล เอโต้ บรรจงยิงระยะ 25 หลาแต่เบาไป แบร็ด โจนส์ รับไว้สบาย
    นาที 59 ซามูเอล เอโต้ จ่ายบอลให้ ลาซิน่า ตราโอเร่ เตะบอลลอดขา จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ก่อนจะซัดด้วยซ้าย แต่บอลเฉี่ยวเสาสองออกไป
      นาทีั่ 76  ราซิม ทาเกียร์เบคอฟ เปิดบอลจากด้านซ้าย เข้าหัว ลาซิน่า ตราโอเร่ ฺฺฺฺฺฺขึ้นโขกคนเดียวโล่งๆ แต่บอลไปตรงตัว แบร็ด โจนส์ รับเข้าซองสบาย
1 นาทีถัดมา หงส์แดงสวนกลับเร็ว บอลเข้าเท้า ซูโซ่ ก่อนจะสับไกลไปตรงตัว  วลาดิเมียร์ กาบูลอฟ เด้งมาเข้าทางปืน โจ โคล ท่วายังไปตรงตัว  วลาดิเมียร์ กาบูลอฟ อีกครั้ง


      นาที 78 จูซิไล ไหลบอลทะลุช่องให้ ลาซิน่า ตราโอเร่ หลุดเข้าไปซัดด้วยซ้าย บอลไหลถากเสาสองออกไปนิดเดียว 
  จากนั้นลิเวอร์พูล พยายามครองเกมบุกหวังทวงประตูคืน แต่ก็ยังไม่มีโอกาสที่คมพอ นาที 89 จอร์แดน เฮนเดอร์สัน มีโอกาสซัดเต็มข้อแต่บอลเบิร์ดข้ามคานออกไป


จากนั้นทั้งสองทีมทำอะไรกันไม่ได้ จบเกม อันจิ มาคาชคาล่า เปิดบ้านเฉือน ลิเวอร์พูล 1-0 ขึ้นแท่นจ่าฝูงของกลุ่มเอ

รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนาม 
อันจิ มาคาชคาล่า ระบบ 4-3-3 : วลาดิเมียร์ กาบูลอฟ ,เจา คาร์ลอส ,คริสโตเฟอร์ แซมบ้า ,ราซิม ทาเกียร์เบคอฟ ,โลกาชอฟ ,ยูริ เซอร์คอฟ,จอร์จี้ กาบูลอฟ,เมห์ดี้ การ์เชล่า ,เอ็มบาร์ค บุสซูฟา,ลาซิน่า ตราโอเร่,ซามูเอล เอโต้ 
---------------------------------------------------
ลิเวอร์พูล ระบบ 4-2-3-1 : แบร็ด โจนส์ ,อังเดร วิสดอม,เจมี่ คาร์ราเกอร์,เซบาสเตียน โกอาเตส ,คอนอร์ โคลดี้ ,โจน เฟนนาเก้น,จอร์แดน เฮนเดอร์สัน - สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง,จอนโจ้ เชลวี่ย์,โจ โคล ,อดัม มอร์เเกน


วันจันทร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

หงส์แดงฝืดทำได้แค่เจ๊าสาลิกาดง 1-1




ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ 
วันอาทิตย์ที่ 4 พฤศจิกายน 2555
ลิเวอร์พูล 1-1 นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด
สนาม : แอนฟิลด์ 
ผู้ตัดสิน : อังเดร เทย์เลอร์ 


เป่านกหวีดเริ่มเกมทั้งสองทีมเปิดเกมบุกเข้าใส่กันทันทีทว่าเป็นเจ้าบ้านลิเวอร์พูล ที่มีลูกได้เสียวมากกว่า นาที 10 ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ได้บรรจงกดเต็มข้อแต่บอลติดไซด์ไม่ตรงประตู
นาที 14 นิวคาสเซิ่ลได้ลุ้นบ้าง ดาวิเด้ ซานตอน ไหลบอลทะลุช่องให้ เดมบา บา แต่กองหน้าผิวสีซัดข้ามคานออกไป
นาที 20 หลุยส์ ซัวเรซ ได้โอกาสปั่นฟรีคิกจากนอกเขตโทษด้วยขวา โค้งข้ามกำแพงไปแล้วแต่ยังแต่ฮุบไม่พอเสยคานออกไปแบบได้ลุ้น
จากนั้นเป็นหงส์แดงที่ทำได้ดีกว่า บอลส่วนใหญ่จะสู้กันที่แดนกลาง นาที 40 ซูโซ่ ได้บอลทางขวาก่อนเลี้ยงตัดเข้ามาในเขตโทษแล้วยิงแฉลบผู้เล่นทีมเยือนลอยข้ามคานไป


นาที 43 แฟนบอลลิเวอร์พูล ต้องอึ้งกิมกี่ เมื่อนิวคาสเซิ่ลได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะที่ อาเต็ม เบน อาร์กฟา ขึ้นบอลมาทางขวาก่อนเปิดโด่งไปให้ โยอัน กาบาย จับบอลลงแล้วหวดด้วยขวาแสกหน้า แบรด โจนส์ เข้าไปตุงตาข่าย
ช่วงทดเจ็บครึ่งแรกผู้เล่นเจ้าบ้านไปกั๊กกันเองเลยโดน สตีเฟ่น เทย์เลอร์ ฉวยโอกาสยิงทีแต่บอลหลุดออกหลัง จนหมด 45 นาทีแรก สาลิกาดง นำอยู่ 1-0
ลุยต่อครึ่งหลังทั้งสองทีมยังผลัดกันรุกรับ นาที 58 เจ้าบ้านได้ลุ้นตีเสมอจาก หลุยส์ ซัวเรซ ซัดด้วยขวาไปที่เสาไกล ทว่า ทิม ครูล ยังมือไวพุ่งปัดบอลออกไปได้
จากนั้น "หงส์แดง" ได้ลุ้นต่อ หลุยส์ ซัวเรซ จ่ายให้ นูริ ซาฮิน กลับตัวยิงด้วยซ้ายก่อนบอลหลุดเสาไกลออกหลังนิดเดียว


นาที 67 แฟนบอลลิเวอร์พูลได้เฮลั่นทั้งสนาม เมื่อโฮนาส กูเตียร์เรซ จ่ายบอลพลาดไปเข้าเท้า โฆเซ่ เอ็นริเก้ ก่อนวางยาวให้ หลุยส์ ซัวเรซ พักเอาบอลลงแตะหลบ ทิม ครูล ก่อนยิงเข้าไปง่ายๆ สกอร์ 1-1
นาที 69 เจ้าบ้านน่าได้ประตูขึ้นนำเมื่อ หลุยส์ ซัวเรซ แตะหลบ ฟาบริซิโอ โกลอชชินี่ มาได้แล้วเปิดให้ จอนโช เชลวี่ย์ จิ่มบอลได้แค่ถากๆ เข้ามือ ทิม ครูล อย่างน่าผิดหวัง
นาที 75 ยังเป็นเจ้าบ้านลุ้นต่อเนื่อง หลุยส์ ซัวเรซ จ่ายบอลให้ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง หลุดมาทางขวาทว่าจังหวะยิงแฉลบ สตีเฟ่น เทย์เลอร์ ที่ตามมาบล็อคทัน เด้งออกหลังไป


นาที 84 นิวคาสเซิ่ล ต้องเหลือผู้เล่น 10 คนเมื่อ ฟาบริซิโอ โกลอชชินี่ ไปยกเท้าถีบใส่น่อง หลุยส์ ซัวเรซ ทำให้โดนใบแดงไล่ออกสนามทันที
ช่วงทดเจ็บ ลิเวอร์พูล น่าได้ประตูเมื่อ จอนโจ เชลวีย์ ขึ้นโหม่งไม่โดน บอลตกพื้นก่อนเด้งไปชนคานออกหลังไป จนจบเกม 90 นาทีเสมอกัน 1-1

-------------------------------
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม 
ลิเวอร์พูล ระบบ : 4-2-3-1 : แบรด โจนส์ ,อันเดร วิสดอม, มาร์ติน สเคอร์เทล, ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์, โฆเซ่ เอ็นริเก้ ,สตีเว่น เจอร์ราร์ด, โจ อัลเลน - ซูโซ่(จอนโจ เชลวีย์ น.66), นูริ ซาฮิน(ดาวนิ่ง น.74), ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ,หลุยส์ ซัวเรซ

นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ระบบ : 4-4-2 : ทิม ครูล ,เวอร์น่อน อนิต้า, สตีเฟ่น เทย์เลอร์, ฟาบริซิโอ โกลอชชินี่, ดาวิเด้ ซานตอน ,อาเต็ม เบน อาร์กฟา, เจมส์ เพิร์ช(แดนนี่ ซิมป์สัน น.27), โยอัน กาบาย(เชน เฟอร์กูสัน น.68), โจนาส กูเตียร์เรซ ,เดมบา บา(แซมมี อเมโอบี้ น.50), ปาปิสส์ เดมบา ซิสเซ่

วันศุกร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

หงส์แดงจัดชุด2 ลงรับหงส์ขาว ก่อนพ่ายคาถิ่น 1-3 ศึกแคปปิตอล วัน คัพรอบ 16 ทีม



ฟุตบอลแคปปิตอล วัน คัพรอบ 16 ทีม
วันพุธที่ 31 ตุลาคม 2555
ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีก) 1 - 3 สวอนซี ซิตี้ (พรีเมียร์ลีก)

 
สนาม : แอนฟิลด์

        หงส์แดง มีการเปลี่ยนแปลงเยอะทีเดียว เหลือตัวหลักแค่ โจ อัลเลน ที่ลงเจอทีมเก่า โดยแดนหน้าใช้ ซาเมด เยซิล ดาวรุ่งลงยิง ส่วนทางฝั่ง สวอนซี จัดตัวหลักลงเกือบครบ แนวรุกยังให้ มิชู ลงเป็นกองหน้าตัวเป้าต่อไป

        ช่วง 10 กว่านาทีแรก ทั้งสองทีมมีจังหวะลุ้นประตูพอๆ กัน นาทีที่ 13 สวอนซี มีเสียวก่อนจาก ปาโบล เอร์นานเดซ ได้ส่องในเขตโทษเหินข้ามคานออกไป

        3 นาทีต่อมา ลิเวอร์พูล ก็ขึ้นเกมจาก สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง ที่ลากตัดเข้ากลางแล้วตะบันด้วยซ้ายข้างถนัด บอลพุ่งแรงหลุดเสาออกไปเช่นกัน
 

        จน กระทั่งนาทีที่ 33 สวอนซี มาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 สำเร็จ จากจุดเริ่ม คี ซอง-ยอง ได้ซัดเกือบจะเสียบมุมอยู่แล้ว แต่ แบร๊ด โจนส์ ปัดออกหลังไปได้ และจากเตะมุม โจนาธาน เด กุซมัน เปิดไปให้ ชิโก้ กองหลังสเปน เติมขึ้นมาโหม่งเสียบตาข่าย

        พอเสียประตู โอกาสทวงคืนของเจ้าถิ่นก็ยังมีไม่มาก นาทีที่ 40 ดาวนิ่ง มีจังหวะส่องด้วยซ้ายหน้ากรอบโทษหลุดเสาออกไปอีก จบครึ่งแรก สวอนซี นำ 1-0

        ครึ่ง หลัง หงส์แดง ต้องเน้นมากขึ้น ส่ง สตีเว่น เจอร์ราร์ด กัปตันทีม กับ หลุยส์ ซัวเรซ ลงสนามแทน โจ โคล กับ ซาเมด เยซิล ที่โชว์ฟอร์มไม่ออก

        พอ ลงสนามมา ซัวเรซ ก็สร้างสีสันในแนวรุกให้ หงส์แดง ทันที นาทีที่ 56 หัวหอกอุรุกวัย ลากบอลถึงหน้ากรอบแล้วซัดด้วยซ้ายข้ามคานออกไป

        ดาวนิ่ง มีโอกาสหลายครั้งทีเดียวในเกมนี้ นาทีที่ 63 มีจังหวะกดด้วยขวาในกรอบโทษ แต่บอลหลุดเสาไกลออกไป

        นาทีที่ 64 เจ้าถิ่นจึงต้องเปลี่ยนคนสุดท้ายส่ง ราฮีม สเตอร์ลิง ลงแทน อุสซาม่า อัสไซดี้

 
        กลับ เป็น สวอนซี ที่มายิงเพิ่ม 2-0 ในนาทีที่ 71 จากจังหวะสวนกลับ ปาโบล เอร์นานเดซ ลุยขึ้นมาแล้วผ่านให้ เนธาน ดายเออร์ แปเหน่งๆ ไม่เหลือ

        นาทีที่ 76 สตีเว่น เจอร์ราร์ด ครอสบอลเข้ามาให้ หลุยส์ ซัวเรซ โขกเข้าไปตุงตาข่าย ไล่มาเป็น 1-2



        แต่ ช่วงทดเวลาบาดเจ็บกลับเป็น หงส์ขาวที่ได้ประตูย้ำชัยจากจังหวะโต้กลับ บอลเลยมาถึง มิชู ก่อนจะไหลให้ โจนาธาน เด กุซมัน ยิงเข้าง่ายๆ จบเกม สวอนซี พลิกล็อกบุกชนะ ลิเวอร์พูล 3-1 ผ่านเข้าสู่รอบ 5



รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
ลิเวอร์พูล :
แบร๊ด โจนส์, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, เจมี่ คาร์ราเกอร์, เซบาสเตียน โคอาเตส, แจ็ค โรบินสัน, โจ อัลเลน, จอนโจ เชลวี่ย์, สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง, โจ โคล, อุสซาม่า อัสไซดี้, ซาเมด เยซิล
สำรอง : แดนนี่ วอร์ด, หลุยส์ ซัวเรซ, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, ซูโซ่, ราฮีม สเตอร์ลิง, มาร์ติน สเคอร์เทล, อันเดร วิสดอม
สวอนซี : แกร์ฮาร์ด เทรมเมล, แอชลี่ย์ ริชาร์ดส์, ชิโก้ ฟลอเรส, แอชลี่ย์ วิลเลียมส์, ดไวท์ เทียนดัลลี่, ลีออน บริตตัน, โจนาธาน เด กุซมัน, เนธาน ดายเออร์, คี ซอง-ยอง, ปาโบล เอร์นานเดซ, มิชู
สำรอง : เดวิด คอร์เนลล์, แดนนี่ เกรแฮม, เวย์น เราท์เล็ดจ์, แกร์รี่ มองค์, อิตาย เชชเตอร์, เคมี่ อกุสเตียน, เบน เดวิส
ผู้ตัดสิน : ลี โพรเบิร์ต