วันจันทร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2556

"หงส์แดง"พลิกล็อคเปิดบ้านพ่ายนักบุญ 0-1


ฟุตบอลพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2013-2014
วันเสาร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2556
 
ลิเวอร์พูล 0–1 เซาธ์แฮมป์ตัน
 
ผู้ทำประตู : 0-1 เดยัน ลอฟเรน น.53
สนาม : แอนฟิลด์
ผู้ตัดสิน : นีล สวอร์บริค


เริ่มเกมมาเจ้าบ้าน ลิเวอร์พูล ทำเกมและครองบอลได้ดีกว่า เซาธ์แฮมตัน ชัดเจนแต่ในจังหวะสุดท้ายยังไม่เฉียบคมพอ โดยเฉพาะอาร์เธอ โบรุก ที่ยังไม่มีข้อผิดพลาดให้เห็น กระทั้งนาที 20 ลิเวอร์พูล ได้ลุ้นแบบจะแจ้งครั้งแรกจากลูกฟรีคิกหน้าปากประตู สตีเวน เจอร์ราร์ด บรรจงปั่นโค้งข้ามกำแพงบอลจะเสียบตาข่ายแต่ โบรุก ยังไวบินปัดทิ้งหวุดหวิดเท่านั้น

FBL-ENG-PR-LIVERPOOL-SOUTHAMPTON 

เกม ผ่านครึ่งชั่วโมง ลิเวอร์พูล เปิดเกมรุกต่อเนื่อง นาที 35 สเตอร์ริดจ์ พลิกตัวยิงตัวขวาจากนอกกรอบ บอลเหินคานออกไป จากนั้นนาทีถัดมา วิคตอร์ โมเซส ลากหนี นาธาเนียล ไคลน์ จากซ้ายและยิงเร็วที่เสาแรกแต่ โบรุก ยังไม่หลับปัดข้ามคานออกไปอีกครั้ง ช่วงที่เหลือไม่มีประตูเพิ่ม จบ 45 นาที เสมอกัน 0-0
เริ่มเกมครึ่งหลัง นาที 47 เป็น เซาธ์แฮมตัน ได้ลุ้นก่อนจากจังหวะผิดพลาดของ แอกเกอร์ จ่ายบอลพลาด นาธาเนียล ไคลน์ แทงบอลเร็วให้ อดัม ลัลลานา หลุดเข้ามายิงเน้นๆ แต่ยังดีที่ ซิมง มิงโญเลต์ ยังเหนียวหนึบเซฟช่วยทีมไว้ได้หวุดหวิด

FBL-ENG-PR-LIVERPOOL-SOUTHAMPTON 

แต่ในนาที 53 แฟนบอล ลิเวอร์พูล ก็ต้องเซ็งเมื่อ ลัลลานา เปิดลูกเตะมุมเข้ามากลางประตู เดยัน ลอฟเรน เบียดชนะ แอกเกอร์ โขกย้อนเสาแรก เจอร์ราร์ด พยายามจะสกัดแต่ไม่ทันเป็น เซาธ์แฮมป์ตัน นำ 1-0
เข้าสู่นาทีที่ 70 ร็อดเจอร์ส ไม่มีทางเลือกสั่งลูกทีมบุกหนัก และนาที 78 สเตอร์ริดจ์ ปั่นโค้งจากซ้ายแต่ยังกดไม่ลงบอลข้ามคานออกไป 5 นาทีสุดท้าย เมาริซิโอ ปอเช็ตติโน ส่งลูกทีมเน้นการครองบอลและแพ็คเก็บรับอย่างเหนียวแน่น ทำให้ ลิเวอร์พูล ไม่มีโอกาสลุ้นประตูแบบจะแจ้งได้เลย และก็จบเกม เซาธ์แฮมตัน บุกมาเชือด ลิเวอร์พูล ไปได้ 1-0  พร้อมกับยัดเยียดความพ่ายแพ้เกมแรกให้กับ จ่าฝูงพรีเมียร์ ลีก

Liverpool v Southampton - Premier League 

รายชื่อ 11 ตัวจริงของทั้งสองทีม
ลิเวอร์พูล : ซิมง มิโญเล่ต์, มามาดู ซาโก้ , โคโล ตูเร่, มาร์ติน สเคอร์เทล, ดาเนียล แอ็กเกอร์, ลูคัส เลว่า, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ยาโก้ อัสปาส, วิคเตอร์ โมซส, ดาเนียล สเตอร์ริดจ์
เซาธ์แฮมป์ตัน : อาร์เทอร์ โบรุก, เนธาเนียล ไคลน์, เดยัน ลอฟเรน, โชเซ่ ฟอนเต้, ลุค ชอว์, วิคเตอร์ วานยาม่า, มอร์กก็อง ชเนแดร์กแล็ง, เจย์ โรดริเกซ, ปาโบล ออสวัลโด้, อดัม ลัลลาน่า, ริคกี้ แลมเบิร์ต


ข้อมูล:mthai
งาน

วันอังคารที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2556

หงส์แดงยังไร้พ่ายลุ้นตียันเสมอสวอนซี 2-2


ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
วันจันทร์ที่ 16 กันยายน 2556

สวอนซี  2-2  ลิเวอร์พูล


สนาม : ลิเบอร์ตี้ สเตเดี้ยม

ผู้ตัดสิน : ไมเคิ่ล โอลิเวอร์


ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดมันเดย์ไนท์ "หงส์ขาว" สวอนซี ซิตี้ ทีมอันดับ 18 ของตาราง เปิดสนาม ลิเบอร์ตี้ สเตเดี้ยม รับการมาเยือนของ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ที่ชนะมา 3 เกมรวด รั้งอันดับที่ 3 ของตาราง โดยผลงานการพบกันครั้งล่าสุดที่สนามแห่งนี้ เสมอกันไป 0-0


เริ่ม เกมมาได้เพียงแค่ 2 นาที สาวก "หงส์ขาว" ได้กรี๊ดลั่นสนาม เมื่อมาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 อย่างรวดเร็ว จากจังหวะที่ จอนโจ้ เชลวี่ย์ อดีตเด็กเก่า ลิเวอร์พูล ลากบอลเข้าไปยิงในเขตโทษฝั่งขวาติดบล็อก สเคอร์เทล แต่ เชลวี่ย์ เก็บบอลได้ก่อนแต่งบอลยิงด้วยซ้าย บอลผ่านมือ มินโญเลต์ เสียบเสาไกลเข้าไป

น.4 เจ้าถิ่นดีใจได้ไม่นาน ต้องมาเสียประตูให้ ลิเวอร์พูล ทวงคืนอย่างไว จากจังหวะที่ เชลวี่ย์ ไม่ทันได้ดูตามาตาเรือ จ่ายบอลคืนหลังให้ มิเชล ฟอร์ม เบาเกินไป โดน แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ วิ่งมาฉกบอลยิงด้วยซ้าย สวนตัว ฟอร์ม เข้าไปเป็นประตูตีเสมอ 1-1 และเป็นประตูที่ 4 ในรอบ 4 นัดของดาวยิงเบอร์ 15

น.23 โอกาสลุ้นของ ลิเวอร์พูล บ้าง จากจังหวะสวนกลับเร็ว วิคเตอร์ โมเซส ขึ้นเกมมาทางริมเส้นฝั่งซ้าย ก่อนจ่ายบอลเรียดมาอีกฝั่งให้กับ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน แต่งบอลแปด้วยขวาเน้นๆ บอลติดบล็อกแนวรับเจ้าถิ่น

น.25 ลิเวอร์พูล พลาดโอกาสทองที่ จะได้ประตูขึ้นนำอย่างน่าเสียดาย จากจังหวะที่ วิคเตอร์ โมเซส ใช้ความสามารถเฉพาะตัวหนีตัวประกบมาได้ถึง 2 คนทางฝั่งซ้าย ก่อนตักบอลเข้ากลางให้ สเตอร์ริดจ์ ได้โหม่งโล่งๆ แค่ 5 หลา บอลไปติดเซฟ มิเชล ฟอร์ม อย่างน่าเสียดาย

น.30 ครึ่งชั่วโมงของเกม โอกาสลุ้นกลับมาเป็นของ สวอนซี อีกครั้ง จากจังหวะทำชิ่งหนึ่งสองของของ มิชู กับ วิลฟรีด โบนี่ ก่อนที่ โบนี่ จะได้แปด้วยขวาแค่ 16 หลา แต่บอลเบาไปเข้ามือ มินโญเลต์
 

น.36 จากความผิดพลาดขอนแดนกลางอีกครั้ง เมื่อ จอนโจ้ เชลวี่ย์ จ่ายบอลขวางสนามไปเข้าทาง วิคเตอร์ โมเซส ตัดบอลได้ตรงกลางสนาม ก่อนลากลุยเดี่ยวเข้าไปกดด้วยขวาหน้าเขตโทษ บอลพุ่งเสียบเสาเข้าไป ให้ ลิเวอร์พูล นำอีกครั้งเป็น 2-1

ก่อนจบครึ่งแรก 2 นาที มิชู ได้ยิงด้วยซ้ายหน้าเขตโทษ แต่บอลไปติดบล็อกแนวรับทีมเยือน ก่อนที่จะจบครึ่งแรก ลิเวอร์พูล บุกมานำอยู่ 2-1

ครึ่งหลัง สวอนซี แก้เกมทันที เปลี่ยนตัวเป็นนแรก ส่ง โจนาธาน เด กุซมัน ลงมาทำเกมแทน นาธาน ดายเออร์ ที่แทบไม่มีบทบาทในช่วงครึ่งเวลาแรก

น.53 เป็นดอกาสลุ้นประตูของ ลิเวอร์พูล เมื่อมาได้ฟรีคิกทางฝั่งขวา เจอร์ราร์ด เปิดบอลข้ามไปที่เสาสองให้ เฮนเดอร์สัน แปย้อนกลับเข้ากลาง บอลมาเข้าทาง อันเดร วิสดอม ได้แปด้วยขวา 7 หลา แต่ มิเชล ฟอร์ม พุ่งปัดไว้ได้ทัน

น.54 "หงส์แดง" จำเป็นต้องเปลี่ยนตัวเช่นเดียวกัน เมื่อ คูตินโญ่ มีอาการบาดเจ็บบริเวณหัวไหล่เล่นต่อไม่ไหล ต้องส่ง ยาโก้ อัสปาส ลงสนามแทน

น.62 เกมโต้กลับของ ลิเวอร์พูล ขึ้นมาทางฝั่งซ้าย วิคเตอร์ โมเซส ไหลต่อให้กับ โฆเซ่ เอ็นริเก้ เติมมาจากด้านหลัง เปิดบอลเข้าเขตโทษ บอลเลยไปเข้าทาง เจอร์ราร์ด ที่เสาสอง กดด้วยขวาทันที บอลติดบล็อกออกดหลัง
 

น.64 ความพยายามจะตามทวงประตูคืนของ สวอนซี มาประสบผล จากจังหวะที่ ลีออน บริตตัน ตักบอลเข้าไปหน้าเขตโทษให้ จอนโจ้ เชลวี่ย์ โหม่งตั้งต่อให้กับ มิชู วิ่งมาแปด้วยขวา 10 กว่าหลา บอลเบียดเสาเข้าประตูไป ให้ "หงส์ขาว" ตีเสมอ 2-2

น.73 สวอนซี ได้โอกาสลุ้นจากลูกฟรีคิกเกือบ 30 หลา เยื้องมาทางฝั่งซ้าย เด กุซมัน เขี่ยเปลี่ยนจุดให้กับ จอนโจ้ เชลวี่ย์ อัดด้วยขวาเต็มข้อ บอลพุ่งเรียดไปตรงตัว มินโญเลต์

น.83 เจ้าถิ่นที่เริ่มเป็นฝ่ายครองเกมได้มากกว่า มีโอกาสลุ้นอีกครั้งจากจังหวะที่ โปซูเอโล่ ตัวสำรอง ไหลบอลเข้ากลางให้ เด กุซมัน วิ่งมาอัดด้วยขวา 25 หลา บอลพุ่งโด่งข้ามคานออกไป

น.87 สวอนซี เกือบได้ประตูชัยในช่วงท้ายเกม เมื่อมาได้ฟรีคิกระยะอันตราย คราวนี้เป็น เด กุซมัน ปั่นด้วยขวาบอลโค้งอ้อมกำแพงเกือบเสียบเสา มินโญเลต์ พุ่งปัดออกไปได้หวุดหวิด

จบเกม 90 นาที สวอนซี เปิดบ้านเสมอกับ ลิเวอร์พูล ไปอย่างสุดมันส์ 2-2 แบ่งไปทีมละ 1 คะแนน ส่งผลให้ขยับขึ้นมารั้งอันดับ 13 มีอยู่ 4 คะแนน ส่วน "หงส์แดง" ขยับขึ้นไปรั้งจ่าฝูง มีอยู่ 10 คะแนน

รายชื่อของทั้งสองทีม

สวอนซี ซิตี้
มิเชล ฟอร์ม - อังเคล รานเคล, ชิโก้ ฟลอเรส, แอชลี่ย์ วิลเลียมส์, เบน เดวิส - จอนโจ้ เชลวี่ย์, ลีออน บริตตัน - นาธาน ดายเออร์ (โจนาธาน เด กุซมัน น.46), มิชู, เวย์น เราท์เล็ดจ์ - วิลฟรีด โบนี่ (อเลฮานโดร โปซูเอโล่ น.66)
สำรองไม่ได้ใช้
เกร์ฮาร์ด เทรมเมล - จอร์ดี้ อาหมัด, ดไวท์ เทียนดาลลี่, โฆเซ่ กันยาส, อัลบาโร่ บาสเกซ

ลิเวอร์พูล
ซิ มง มินโญเลต์ - อันเดร วิสดอม (โคโล่ ตูเร่ น.69), มาร์ติน สเคอร์เทล, มามาดู ซาโก้, โฆเซ่ เอ็นริเก้ - จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, ลูคัส เลว่า - ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ (ยาโก้ อัสปาส น.54), แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์, วิคเตอร์ โมเซส (ราฮีม สเตอร์ลิง น.81)
สำรองไม่ได้ใช้
แบร็ด โจนส์ - มาร์ติน เคลลี่, หลุยส์ อัลแบร์โต้, จอร์แดน ไอบี

ผู้ตัดสิน : ไมเคิ่ล โอลิเวอร์


ข้อมูล:sanook

วันจันทร์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2556

ศึกแดงเดือด สุดมันส์ "หงษ์แดง"สอย"ผีแดง"ลงหลุม 1-0+คลิป


ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
วันอาทิตย์ที่ 1 กันยายน 2556

ลิเวอร์พูล 1-0  แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
สนาม : แอนฟิลด์

         ศึก แดงเดือด  "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล เปิดบ้านจัดชุดเต็ม ที่ยังไร้ หลุยส์ ซัวเรซ เหมือนเดิม โดยส่ง ฟิลิปเป้ คูตินโญ่, แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ และ ยาโก้ อัสปาส เป็นสามประสานล่าตาข่าย ขณะที่ ทีมเยือน ไร้ชื่อของ เวย์น รูนี่ย์ ในเกมนี้ โดยแนวรุกฝากความหวังไว้ที่ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ 
 

      
      เริ่ม เกมมา3นาที ฝ่ายเจ้าบ้าน ลิเวอร์พูล ได้เฮกันอย่างรวดเร็ว เมื่อได้ลูกเตะมุมทางฝั่งขวา เปิดโดย สตีเว่น เจอร์ราร์ด มาที่หน้าประตู ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์ โหม่งจังหวะแรกไปที่หน้าประตู บอลมาเข้าทาง แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ ที่ยืนอยู่ตรงปากประตู โหม่งเช็ดอีกครั้ง ส่งบอลตุงตาข่าย ให้ ลิเวอร์พูล นำ 1-0
        2นาทีต่อมา ปีศาจแดง ได้ตอบโต้บ้าง จากการตีลังกายิงหน้าประตูของ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ แต่บอลโด่งข้ามคานออกหลังไป

        นาทีที่12 แฟนเจ้าถิ่นมีเสียว เมื่อ แมนฯยูฯ ได้ลูกเตะมุม เปิดโดย แอชลี่ย์ ยัง บอลหลุดมาถึงเสาสองถึง  ฟาน เพอร์ซี่ แต่ อาร์วีพี ไม่คิดว่าบอลจะหลุดมาถึง เลยชวดยิงน่าเสียดาย

        3นาทีต่อมา แมนฯยูฯ เปิดเกมบุกขึ้นมาบ้าง ก่อน ได้จบสกอร์จาก แดนนี่ เวลเบ็ค แต่ เกล็น จอห์นสัน มาสไลด์บล็อคได้อย่างยอดเยี่ยม

        นาทีที่27 แฟนลิเวอร์พูล ได้ลุ้นบ้าง เมื่อได้ฟรีคิกนอกกรอบกลางประตูระยะ25หลา ยิงโดย สตีเว่น เจอร์ราร์ด บอลโค้งข้ามกำแพง แต่ ดาบิด เด เคอา ยังล้มตัวรับไว้ได้อยู่

        นาที ที่34 แมนฯยูฯ ต้องเสียใบเหลืองใบแรก ในจังหวะ ทอม เคลฟเวอร์ลี่ย์ ไปเจตนาเสียบ คูตินโญ่ หลังเห็น คูตินโญ่ เล่นต่อในจังหวะที่เพื่อนร่วมทีมอย่าง ฟิล โจนส์ นอนเจ็บ รับใบเหลืองไปแบบไม่มีข้อโต้แย้ง

        3นาทีต่อมา แมนฯยูฯ เปลี่ยนตัวอย่างรวดเร็ว เมื่อ ฟิล โจนส์  เจ็บเล่นต่อไม่ไหว ต้องส่ง อันโตนิโอ วาเลนเซีย ลงมายืนแบ็คขวาแทน

        นาที ที่39 ปีศาจแดง โดนใบเหลืองไปอีก เมื่อ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ คุมตัวเองไม่อยู่ หลังตัวเอง โดน ลูคัส เลว่า เข้าบอลหนักแต่ไม่ฟาวส์ ก่อนไปเอาคืนด้วยการไปเปิดปุ่มใส่ ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์ จึงไม่รอดถูก อันเดร มาร์ริเนอร์ แจกใบเหลืองคุมอารมณ์

        2นาที ต่อมา ไมเคิ่ล คาร์ริค รับใบเหลืองไปอีกคน หลังไปเจตนาดึง ยาโก้ อัสปาส เพื่อไม่ให้ ลิเวอร์พูล โต้กลับ รับใบเหลืองคนที่สามของเกม


        ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้ หมดครึ่งแรก ลิเวอร์พูล จึงนำ แมนฯยูไนเต็ด อยู่ 1-0

        เริ่มครึ่งหลังมา5นาที แมนฯยูฯ เดินหน้าบุกต่อ แล้วก็มีโอกาสได้ยิง จากการซัดด้วยเท้าซ้ายนอกกรอบของ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ แต่บอลแฉลบ มาร์ติน สเคอร์เทล ออกหลังไป

        นาทีที่58 แฟนลิเวอร์พูล ใจหายวาบ เมื่อ แดนนี่ เวลเบ็ค ชนกับ ยาโก้ อัสปาส ล้มในกรอบเขตโทษของลิเวอร์พูล แต่ผู้ตัดสิน อันเดร มาร์ริเนอร์ เฉย ทำให้  เวลเบ็ค  วิ่งมาประท้วงแต่ก็ไร้ผล

        นาทีต่อมา ผู้ตัดสิน อันเดร มาร์ริเนอร์ แจกใบเหลืองให้ แมนฯยูฯ อีกใบ ในจังหวะ แอชลี่ย์ ยัง ไปดึง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน

        เกม ผ่านหนึ่งชั่วโมง ลิเวอร์พูล เปลี่ยนตัวบ้าง โดยส่ง ราฮีม สเตอร์ลิง ลงมาแทน ยาโก้ อัสปาส ส่วนแมนฯยูฯ ส่ง นานี่ ลงมาแทน แอชลี่ย์ ยัง

        นาทีที่69 แมนฯยูฯ มีลุ้นอีกครั้ง เมื่อได้ลูกเตะมุมทางฝั่งขวา เปิดโดย นานี่ ให้ ไรอัน กิ๊กส์ วิ่งมาโฉบโหม่งเสาแรก แม้บอลจะเข้ากรอบ แต่ก็ไม่ยากเกินที่ ซิมง มินโญเลต์ จะรับเข้ามือสบาย

        3นาทีต่อมา แมนฯยูฯ เปลี่ยนตัวอีก โดยส่ง ชิชาริโต้ ลงมาแทน ไรอัน กิ๊กส์

        นาทีที่77 ปีศาจแดง เปิดเกมกดดันเจ้าบ้านอย่างหนัก แล้วก็ได้เสียว เมื่อ นานี่ ได้โอกาสซัดไกลนอกกรอบ บอลพุ่งเข้ากรอบ แม้บอลจะแรง แต่ก็ไม่หนีมือมาก ทำให้ ซิมง มินโญเลต์ ทุบทิ้งได้อย่างหวุดหวิด

 
         นาทีต่อมา ลิเวอร์พูล เปลี่ยนตัวอีกคน โดยส่ง อังเดร วิสดอม ลงมาแทน เกล็น จอห์นสัน
        นาทีที่82 แมนฯยูฯ ได้โอกาสสับไกยิงอีกครั้ง เมื่อ ชิชาริโต้ กระดกบอลให้ อาร์วีพี แต่ มาร์ติน สเคอร์เทล โหม่งสกัดบอลมาเข้าทาง ชิชาริโต้ กดยิงด้วยขวา แต่บอลตรงตัว มินโญเลต์ รับไว้อีกครั้ง

        นาทีต่อเนื่อง ลิเวอร์พูล เปลี่ยนตัวอีกครั้ง โดยส่ง หลุยส์ อัลแบร์โต้ นักเตะใหม่ ลงมาแทน ฟิลิปเป้ คูตินโญ่

        นาทีที่87 แฟนแมนฯยูฯ ได้เสียวอีกครั้ง เมื่อ ชิชาริโต้ จ่ายบอลตัดแนวรับเจ้าถิ่นให้ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ โฉบมายิงเสาแรกด้วยเท้าขวาในกรอบเขตโทษ แต่บอลหลุดกรอบไปอย่างน่าเสียดาย

        ก่อนหมดเวลา2นาที ลิเวอร์พูล โดนใบเหลืองบ้าง เมื่อ ลูคัส เลว่า ไปฟาวส์ด้านหลังใส่ ทอม เคลฟเวอร์ลี่ย์ เลยไม่รอดเสียใบเหลืองไป

        ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีม ทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้ หมดเวลา ลิเวอร์พูล จึงเปิดบ้านเฉือนเอาชนะ แมนฯยูฯ ไปอย่างสนุก 1-0





รายชื่อนักเตะของทั้งสองทีม
        ลิเวอร์พูล:
ซิมง มินโญเลต์ 7, เกล็น จอห์นสัน 8 (อันเดร วิสดอม 5 น.79), มาร์ติน สเคอร์เทล 6, ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์ 6, โฆเซ่ เอ็นริเก้ 7, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน 6, สตีเว่น เจอร์ราร์ด 7, ลูคัส เลว่า 7, ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ 6 (หลุยส์ อัลเบร์โต้ 5 น.84), แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ 6, ยาโก้ อัสปาส 5 (ราฮีม สเตอร์ลิง 6 น.60)

        สำรองไม่ได้ใช้
: แบร๊ด โจนส์, มาร์ติน เคลลี่, จอห์น ฟลานาแกน, จอร์ดอน ไอบี้

        ใบเหลือง
: ยาโก้ อัสปาส, ลูคัส เลว่า


        แมนฯ ยูไนเต็ด : ดาบิด เด เคอา 6, ฟิล โจนส์ 6 (อันโตนิโอ วาเลนเซีย 5 น.37), ริโอ เฟอร์ดินานด์ 6, เนมานย่า วิดิช 6, ปาทริซ เอวร่า 7, ไมเคิ่ล คาร์ริค 5, ทอม เคลฟเวอร์ลี่ย์ 5, แอชลี่ย์ ยัง 5 (นานี่ 6 น.63), ไรอัน กิ๊กส์ 5 (ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ "ชิชาริโต้" 6 น.73), แดนนี่ เวลเบ็ค 5, โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ 6

        สำรองไม่ได้ใช้ : อันเดอร์ส ลินเดการ์ด, คริส สมอลลิ่ง, อเล็กซานเดอร์ บุทท์เนอร์, อันแดร์สัน

        ใบเหลือง : ทอม เคลฟเวอร์ลี่ย์, โรบิน ฟาน เพอร์ซี่, ไมเคิ่ล คาร์ริค, แอชลี่ย์ ยัง

        ผู้ตัดสิน : อันเดร มาร์ริเนอร์ 
 
ข้อมูล:siamsport