วันจันทร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

สมหวังในรอบ 6 ปี! หงส์แดงดวลโทษดับคาร์ดิฟฟ์ซิวคาร์ลิ่ง



                    ฟุตบอล คาร์ลิ่ง คัพ รอบชิงชนะเลิศ
                      วันอาทิตย์ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2555
                    ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีก) 1     -   1 คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ (แชมเปี้ยนชิพ)
                           (ต่อเวลาพิเศษเสมอ 2-2, ลิเวอร์พูลชนะจุดโทษ 3-2) 

สนาม : เวมบลีย์



     "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล เปิดศึกเดิมพันล่าแชมป์ในรอบ6ปี ในการลงสนามพบทีมจากลีกแชมเปี้ยนชิพ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ โดยเกมนี้ ลิเวอร์พูล ส่งขุนพลชุดใหญ่ นำทัพโดย สตีเว่น เจอร์ราร์ด ส่วนคู่กองหน้าส่ง หลุยส์ ซัวเรซ จับคู่ล่าตาข่ายกับ แอนดี้ แคร์โรลล์

     เริ่มเกมมาเพียง2นาที เป็นฝ่ายหงส์แดง ที่สตาร์ทเกมด้วยความร้อนแรงกว่า และเกือบได้ประตูนำ จากการพาบอลบุกขึ้นมาของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ก่อนผ่านบอลให้ สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง แปะบอลคืนกลับมาให้ เกล็น จอห์นสัน ปั่นด้วยเท้าขวา แต่บอลพุ่งไปชนคานเต็มๆ เจอร์ราร์ด ตามเข้ามาซ้ำ แต่ก็ข้ามคานไปอย่างหวุดหวิด
     นาทีที่10 เป็นฝ่าย คาร์ดิฟฟ์ ได้โต้กลับ และมีจังหวะจบด้วยการยิงด้วยเท้าซ้ายระยะ12หลาของ เคนนี่ มิลเลอร์ แต่บอลลอยโด่งข้ามคานไปเยอะ
     5นาทีต่อมา ลิเวอร์พูล ยังโหมเกมบุก และได้จบสกอร์อีกครั้ง จากการวางบอลเข้าไปในเขตโทษของ ชาร์ลี อดัม ให้ แอนดี้ แคร์โรลล์ กระโดดขึ้นโขก แต่บอลหลุดกรอบออกหลังไป
       แต่ แล้วนาทีที่19 เป็นฝ่ายทีมจากลีกแชมเปี้ยนชิพได้เฮก่อน เมื่อ เควิน แม็คนอคตัน ผ่านบอลเข้ากลางให้ เคนนี่ มิลเลอร์ ไหลบอลทะลุแนวรับลิเวอร์พูล ให้ โจ เมสัน หลุดเข้าล่อเป้า ยิงลอดขา โฆเซ่ เรน่า เป็นประตูให้ คาร์ดิฟฟ์ นำก่อน 1-0
     นาทีที่32 ลิเวอร์พูล มีโอกาสใกล้เคียงได้ประตูอีกครั้ง จากการซัดระยะ 25 หลาของ ชาร์ลี อดัม แต่บอลถากเสาออกข้างไปอย่างมีลุ้น
     7 นาทีต่อมา ลิเวอร์พูล ยังโหมบุกอย่างหนัก และขึ้นบอลมาทางฝั่งซ้ายโดย สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง ก่อนเปิดมาที่หน้าประตู จอร์แดน เฮนเดอร์สัน เข้าฮอตไม่โดน บอลหลุดมาถึง สตีเว่น เจอร์ราร์ด วิ่งมายิงด้วยขวา แต่บอลโด่งออกหลังไปแบบไม่มีลุ้น
     ก่อนหมดเวลา3นาที ลิเวอร์พูล มีโอกาสได้จบอีกครั้งเมื่อ เจอร์ราร์ด ไหลบอลเข้ากลางให้ หลุยส์ ซัวเรซ ล็อคบอลหลบแนวรับ คาร์ดิฟฟ์ ก่อนจิ้มด้วยหัวเกือกไซด์ก้อยด้วยเท้าขวา แต่บอลตรงตัว ทอม ฮีตัน รับเข้าซอง
     ช่วงท้ายครึ่งแรก ลิเวอร์พูล พยายามโหมบุกอย่างหนัก แต่ก็ยังเจาะ คาร์ดิฟฟ์ ไม่เข้าหมดครึ่งแรก คาร์ดิฟฟ์ จึงนำ ลิเวอร์พูล อยู่ 1-0
     เริ่มครึ่งหลังมา 3 นาที เป็นคาร์ดิฟฟ์ ได้ลุ้นก่อน จากจังหวะสับไกยิงนอกกรอบของ เคนนี่ มิลเลอร์ บอลหลุดออกเสาไปอย่างมีลุ้น
     นาทีที่ 50 ลิเวอร์พูล ได้โอกาสบ้าง จากจังหวะที่ หลุยส์ ซัวเรซ แย่งบอลจากกองหลัง คาร์ดิฟฟ์ ได้ ก่อนจะหลุดไปแปทางด้านกรอบเขตโทษด้านซ้ายแต่เบาไป ทอม ฮีตัน ปัดได้ ก่อนที่กองหลังจะเครียร์ทิ้งไป
      นาทีที่ 52 จอร์แดน เฮนเดอร์สัน รับใบเหลืองเป็นคนแรก จากจังหวะเสียบอล และตามไปเอาบอลแต่เข้าช้า ไปเสียบใส่ โจ เมสัน
          นาที ที่ 58 เคนนี่ ดัลกลิช แก้เกมโดยเปลี่ยนเอา จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ที่ไม่ค่อยมีบทบาทกับเกมออก แล้วให้ เคร็ก เบลลามี่ ลงมาลากเลื้อยแทน
          หลัง จากบุกอยู่นาน หงส์แดง ก็มาตามตีเสมอจนได้ ในนาที่ที่ 60 จากจังหวะเตะมุม สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง เปิดมาหน้าประตูให้ แอนดี้ แคร์โรลล์ โขกตั้งมาถึง หลุยส์ ซัวเรซ โหม่งไปชนเสา กระดอนออกมา เข้าทาง มาร์ติน สเคอร์เทล ซัดซ้ำจ่อๆไม่เหลือ 1-1
     นาทีที่ 65 คาร์ดิฟฟ์ ตอบโต้มาบ้าง โจ เมสัน ได้จังหวะสับไกล ประมาณ 20 หลา แต่ติดเซฟ โฆเซ่ เรน่า
     ลิเวอร์พูล ยังครองเกมไว้ได้เกือบหมด นาที่ที่ 73 มาได้เตะมุมอีกครั้ง ชาร์ลี อดัม โยนไกลมาที่เสาสอง เคร็ก เบลลามี่ โหม่งตั้งมาให้ สเคอร์เทล ซัดที่เสาแรก แต่ฮีตัน ยังมาปิดมุมรับไว้ได้
     เร้ด แมชีน ยังมาเป็นชุด อีก 5 นาทีต่อมา เจอร์ราร์ด ได้บอลทางขวา ไหลเข้ากลางมาให้ สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง หาจังหวะซัดด้วยซ้าย ประมาณ 25 หลา บอลพุ่งเรียดไปที่เสาแรก แต่ฮีตัน ยังซุปเปอร์เซฟปัดปลายมือได้อย่างหวุดหวิด
     นาที่ที่ 80 คาร์ดิฟฟ์ มาได้ฟรีคิกระยะอันตรายหน้าหัวกระโหลก จากจังหวะที่ ดาวนิ่ง ไปทำฟาวล์ และเป็น เคนนี่ มิลเลอร์ รับหน้าที่ซัด แต่บอลไปติดกำแพง
     5 นาทีต่อมา หงส์แดง ตอบโต้มาอีกครั้ง คราวนี้เป็น ซัวเรซ ที่ขึ้นมาทางขวาก่อนหักมาให้ ชาร์ลี อดัม ได้โอกาสซัดด้วยซ้ายเต็มๆ 25 หลา แต่ฮีตัน ยังเหนียวพุ่งรับไว้ได้      นาทีที่ 86 ลิเวอร์พูล เปลี่ยนตัวเป็นคนที่สอง เอา ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์ ที่ดูจะไม่ค่อยสมบูรณ์ออก และให้เจมี่ คาร์ราเกอร์ ลงมาแทน
     ช่วงท้ายเกมก่อนหมดเวลา 2 นาที คาร์ดิฟฟ์ เริ่มบุกแบบไม่กลัว และน่าได้ประตูขึ้นนำแบบสุดๆ เมื่ออารอน กุนนาร์สสัน แทงทะลุช่องให้ เคนนี่ มิลเลอร์ ได้ซัดเดี่ยวๆในกรอบเขตโทษด้านขวา แต่บอลเหินข้ามคานไปอย่างน่าเสียดาย
     ช่วงทดเวลาออกไป 4 นาที หงส์แดง ก็เกือบได้ประตูบ้าง เมื่อหลุยส์ ซัวเรซ อาศัยความขยัน ชิงแย่งบอลกับกองหลังคาร์ดิฟฟ์ เกือบที่จะหลุดเดี่ยว แต่ถูกบีบให้ไปเล่นทางขวา และยิงแบบไม่ถนัดบอลเลยข้ามคานแบบไม่ได้ลุ้น
     ก่อนที่ มาร์ค คลัตเทนเบิร์ก จะเป่านกหวีด จบ 90 นาที ยังเสมอกันอยู่ 1-1 ต้องต่อเวลาพิเศษออกไปอีก 30 นาที
      คาร์ดิฟฟ์ ขยับเปลี่ยนตัวบ้างในช่วงต่อเวลา เอาโจ เมสัน ออก และเป็นฟิลิป คิสส์ ลงมาแทน
     เริ่มช่วงต่อเวลาพิเศษมานาทีเดียว ลิเวอร์พูล บุกทันที่ เบลลามี่ แทงให้ หลุยส์ ซัวเรซ ลากเข้าไปซัดด้วยขวา ลูกพุ่งเลียด แต่ก็ยังไม่ผ่านมือ ทอม ฮีตัน ปัดออกหลังไปได้
     และจากจังหวะเตะมุม เคร็ก เบลลามี่ เปิดมาเข้าหัว ซัวเรซ ที่เสาสอง ได้โขกเต็มๆ แต่ยังมีเบน เทอร์เนอร์ ที่ยืนคุมเส้นเครียร์ออกไปได้แบบหวุดหวิด
      นาที 98 คาร์ดิฟฟ์ มาได้ใบเหลืองคนแรกบ้าง เมื่อง ฟิลิป คิสส์ ที่เพิ่งลงมาไปทำฟาวล์ เคร็ก เบลลามี่
      นาทีที่ 99 คาร์ดิฟฟ์ เปลี่ยนตัวคนที่สอง ส่ง อันโธนี่ เจอร์ราร์ด ที่เป็นลูกพี่ลูกน้องของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ลงไปแทน มาร์ค ฮัดสัน
     นาที 103 ดัลกลิช ขยับเปลี่ยนตัวคนสุดท้าย ส่งเดิร์ค เค้าท์ ลงมาแทน แอนดี้ แคร์โรลล์
     จากนั้นนาทีเดียว ลิเวอร์พูล ได้ลุ้น เมื่อเคร็ก เบลลามี่ รับบอลทางด้านซ้ายในกรอบเขตโทษ ก่อนจะล็อคหาจังหวะซัดด้วยขวาเต็มแรง แต่บอลลอยข้ามคานออกไป
     จบช่วงต่อเวลาครึ่งแรก ยังเสมอกัน 1-1 ต้องสลับเปลี่ยนแดนกัน

     คาร์ดิฟฟ์ มาเปลี่ยนตัวคนสุดท้าย ส่ง ดาร์ซี่ เบล็ค ลงมาแทน เควิน แม็คนอคตัน ที่ตะคริวเริ่มถามหาออก

      เริ่ม ครึ่งหลังช่วงต่อเวลพิเศษมาไม่นาน ลูกทีมของเคนนี่ ดัลกลิช บุกเข้าใส่เหมือนเดิม และมาได้ประตูออกนำจนได้ ในนาที่ 108 จากจังหวะที่ เดิร์ค เค้าท์ ลากมาซัดนอกกรอบเขตโทษเยื้องมาทางขวา กองหลังคาร์ดิฟฟ์ สกัดออกมาเข้าทาง เดิร์ค เค้าท์ อีกครั้งที่วิ่งมายิงแบบลื่นๆ บอลพุ่งเสียบเสาแรก หมดสิทธิ์ที่ทอม ฮีตัน จะเซฟได้  ลิเวอร์พูล ขึ้นนำ 2-1
     หลัง จากนั้นหงส์แดงเริ่มถอยต่ำมากขึ้น และเป็นคาร์ดิฟฟ์ ที่ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ มาตามตีเสมอสำเร็จ ก่อนหมดเวลาเพียง 2 นาที จากจังหวะเตะมุม ปีเตอร์ วิตติงแฮม โยนมาหน้าประตู บอลตกมาถึง เบน เทอร์เนอร์ ที่ยืนเบียดอยู่กับเดิร์ค เค้าท์ จิ้มบอลจ่อๆลอดขาโฆเซ่ เรน่า เข้าไป เป็น 2-2

     ก่อนที่เบน เทอร์เนอร์ จะมาโดนใบเหลืองเพราะไปถอดเสื้อฉลองที่ยิงประตูได้
     จากนั้นไม่มีประตูเพิ่มเติม จบ 120 นาที เสมอกัน 2-2 ต้องดวลจุดโทษตัดสิน เพื่อหาแชมป์
     จังหวะตัดสินด้วยการดวลจุดโทษ
     
     
ลิเวอร์พูล คนแรก สตีเว่น เจอร์ราร์ด โดน ทอม ฮีตัน เซฟไว้ได้ 0-0
     
     
คาร์ดิฟฟ์ คนแรก เคนนี่ มิลเลอร์ ยิงชนเสา 0-0
     
     
ลิเวอร์พูล คนที่สอง ชาร์ลี อดัม ยิงข้ามคาน 0-0
     
     
คาร์ดิฟฟ์ คนที่สอง ดอน คาววี่ ซัดเข้าไปไม่เหลือ คาร์ดิฟฟ์ นำ 1-0
     
     
ลิเวอร์พูล คนที่สาม เดิร์ค เค้าท์ ซัดเข้าไปไม่เหลือ เสมอ 1-1
     
     
คาร์ดิฟฟ์ คนที่สาม รูดี้ เกสเตเด้ ยิงชนเสา 1-1
     
     
ลิเวอร์พูล คนที่สี่ สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง ซัดเข้าไปไม่เหลือ ลิเวอร์พูล นำ 2-1
     
     
คาร์ดิฟฟ์ คนที่สี่ ปีเตอร์ วิตติงแฮม ซัดเข้าไปไม่เหลือ เสมอ 2-2
     
     
ลิเวอร์พูล คนที่ห้า เกล็น จอห์นสัน  ซัดเข้าไปไม่เหลือ ลิเวอร์พูล นำ 3-2
     
     
คาร์ดิฟฟ์ คนที่ห้า อันโธนี่ เจอร์ราร์ด ยิงออกข้างเสา
     และการดวลจุดโทษเป็นลิเวอร์พูลที่แม่นกว่าเป็นฝ่ายเอาชนะคาร์ดิฟฟ์ ไปได้ 3-2 ประตู ผงาดคว้าแชมป์แรกในรอบ 6 ปีได้แบบสะใจแฟนบอล และเป็นสมัยที่ 8 ในถ้วยคาร์ลิ่ง คัพ




รายชื่อนักเตะของทั้งสองทีม

     ลิเวอร์พูล(4-4-2):โฆเซ่ เรน่า,เกล็น จอห์นสัน,ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์,มาร์ติน สเคอร์เทล,โฆเซ่  เอ็นริเก้,ชาร์ลี อดัม,สตีเว่น เจอร์ราร์ด,จอร์แดน เฮนเดอร์สัน,สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง,หลุยส์ ซัวเรซ,แอนดี้ แคร์โรลล์

     สำรอง:อเล็กซานเดอร์ โดนี่, เจย์ สเปียริ่ง, เคร็ก เบลลามี่,เจมี่ คาร์ราเกอร์, เดิร์ค เค้าท์, มักซี่ โรดริเกซ,มาร์ติน เคลลี่


     คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้(4-4-1-1):ทอม ฮีตัน,เควิน แม็คนอคตัน,มาร์ค ฮัดสัน,เบน เทอร์เนอร์,ดอน คาววี่,ปีเตอร์ วิตติงแฮม,อารอน กุนนาร์สสัน,โจ เมสัน,เคนนี่ มิลเลอร์,รูดี้ เกสเตเด้

     สำรอง:เดวิด มาร์แชล,ฟิลิป คิสส์,อันโธนี่ เจอร์ราร์ด โรเบิร์ต เอิร์นชอว์,เคร็ก คอนเวย์,ลี เนย์เลอร์,ดาร์ซี่ เบล็ค


     ผู้ตัดสิน:มาร์ค คลัตเทนเบิร์ก


credit:siamsport.co.th

วันเสาร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

สตีเว่น เจอร์ราร์ด จะนำถ้วยแชมป์มาประดับตู้โชว์ เป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปี



สตีเว่น เจอร์ราร์ด มิดฟิลด์จอมทัพ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ประกาศขอสยบ "เดอะ บลูเบิร์ดส์" คาร์ดิ๊ฟฟ์ ซิตี้ กระชากถ้วยคาร์ลิ่ง คัพ มาประดับตู้โชว์ในถิ่นแอนฟิลด์ให้ได้ ในวันอาทิตย์นี้ หลังจากสโมสรห่างหายจากความสำเร็จมายาวนานกว่า 6 ปี

        สตีเว่น เจอร์ราร์ด กองกลางกัปตันทีมลิเวอร์พูล สโมสรชั้นนำศึกพรีเมียร์ลีก ออกมาแสดงความเชื่อมั่นว่าถึงเวลาแล้วที่ทีมจะนำถ้วยแชมป์มาประดับตู้โชว์ เป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปี หลังจากเตรียมลงสนามพบ คาร์ดิ๊ฟฟ์ ซิตี้ ในศึกคาร์ลิ่ง คัพ รอบชิงชนะเลิศ ที่สนามเวมบลีย์ ในวันอาทิตย์ที่ 26 กุมภาพันธ์นี้   


        ชัยชนะในเกมเอฟเอ คัพ 2006 โดยมิดฟิลด์พลังเทอร์โบ โชว์ฟอร์มสุดยอดช่วยให้ทีมกระชากแชมป์มานอนกอด คือครั้งสุดท้ายที่ "หงส์แดง" ครองแชมป์รายการใหญ่ได้ โดยหลังจากนั้น วกเขาผ่านเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2007 แต่กลับพ่าย เอซี มิลาน ยักษ์ใหญ่แห่งลีกเมืองมะกะโรนี ในท้ายที่สุด

        เจอร์รา ร์ด ที่จะนำลูกทีมลงสนามที่เวมบลีย์ เป็นครั้งแรก ในวันพรุ่งนี้กล่าวว่า "มันสำคัญ ทุกคนในสโมสรทำผลงานได้อย่างสุดวิเศษในการพาพวกเราเข้ามาถึงเวมบลีย์ ตอนนี้ เราต้องออกไปทำส่วนที่ยากลำบาก และเอาชนะคาร์ดิฟฟ์ ให้ได้"

        "มัน เป็นเวลานานเกินไปนับตั้งแต่ที่เราเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศรายการสำคัญที่ เวมบลีย์ (เกมเอฟเอ คัพ กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อ 16 ปีก่อน) และความสำเร็จในประเทศครั้งสุดท้ายในปี 2006 นี่เป็นเวลาที่เราจะต้องทำในฐานะนักเตะ และนำถ้วยแชมป์ไปไว้ในตู้โชว์ให้ได้"

        แม้ว่า แอนโธนี่ เจอร์ราร์ด ลูกพี่ลูกน้องของเขาจะค้าแข้งอยู่กับคาร์ดิฟฟ์ แต่ดาวเตะทีมชาติอังกฤษ ยืนยันว่า เขาต้องการออกสนามพร้อกับชัยชนะในศึกสายเลือดให้ได้ "ผมหวังว่ามันจะไปได้สวยสำหรับแอนโธนี่ ในวันนั้น แต่เมื่อเสียงนกหวีดสุดท้ายดังขึ้น ผมหวังว่าเขาจะผิดหวังนะ"

credit:siamsport.co.th

วันจันทร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

หงส์แดงฟอร์มเทพถล่มไบรท์ตันเละ 6-1 ศึกเอฟเอ คัพ


หงส์สุดโหด!ถล่มไบรท์ตัน6-1ลิ่วเอฟเอ

เอฟเอ คัพ อังกฤษ รอบ 5
ลิเวอร์พูล 6:1 ไบรท์ตัน 

"หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ทีมแกร่งจากพรีเมียร์ลีกเปิดสนามแอนฟิลด์รับการมาเยือนของ ไบรท์ตัน ทีมจากแชมเปี้ยนชิพ


ครึ่ง แรกเริ่มเพียง 4 นาที ลิเวอร์พูลได้ทักทายก่อน โฆเซ่ เอ็นริเก้ เติมเกมไปจิ้มตัดแนวรับให้ สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง หลุดเข้าเขตโทษตวัดยิงด้วยซ้ายแฉลบกองหลังกำลังเสียบสามเหลี่ยมเสาแรกแต่ ปีเตอร์ เบรโซแวน ผวาปัดออกหลังได้ทัน


จากจังหวะเตะมุม สตีเว่น เจอร์ราร์ด เปิดเข้ากลาง มาร์ติน สเคอร์เทล วิ่งหนีตัวประกบมาเสาแรกโหม่งเช็ดตุงตาข่ายให้หงส์แดงขึ้นนำเร็ว 1-0


นาที 15 เจ้าถิ่นยังได้ลุยอยู่ข้างเดียว จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ลักไก่เล่นฟรีคิกหน้าเยื้องกรอบโทษเยื้องทางซ้ายเร็วไหลเรียดเข้ากลางให้ สตีเว่น เจอร์ราร์ด กดเรียดหลุดเสาซ้ายมือ


2นาทีต่อมาไบรท์ตันตามตี เสมอ 1-1 จากการลุ้นครั้งแรกในจังหวะฟรีคิก 25 หลาเขี่ยเปลี่ยนจุดให้ กาเซง ก้า ลัวลัว วิ่งเข้าตะบันเรียดเต็มข้อบอลพุ่งเสียบโคนเสาซ้ายสุดสวย


นาที 28 หงส์แดงได้ลุ้นเมื่อ เกล็น จอห์นสัน เติมเกมรุกไหลเข้ากลาง ซัวเรซ พลิกพาบอลเข้าเขตโทษแตะหนี ลูอิส ดั๊งค์ เข้าเหลี่ยมเท้าซ้ายก่อนดีดไซด์ด้วยด้วยขวาผ่าน ปีเตอร์ เบรโซแวน ไปโดน อินิโก้ กัลเดรอน สะกัดก่อนบอลข้ามเส้นนิดเดียว


นาที 32 เป็นโอกาสของหงส์แดงเมื่อเกล็น จอห์นสัน เปิดบอลให้สตีเว่น เจอร์ราร์ด ตั้งป้อมโยนเข้าหัว แอนดี้ แคร์โรลล์ เทกตัวโหม่งเหน่งๆแต่บอลเหินข้ามคานออกดหลังไป


นาที 43 หงส์แดงนำ 2-1 เมื่อสตีเว่น เจอร์ราร์ด หลอกยิงฟรีคิกริมเขตโทษซ้ายโค้งจะเสียบเสาสองแต่ ปีเตอร์ เบรโซแวน ยังปัดออกหลังได้และจากลูกเตะมุม ชาร์ลี อดัม เปิดเข้ากลาง ซัวเรซ ดึงบอลลงแล้วยิงไปโดน เบรโซแวน ปัดได้บอลลอยเข้าหัว จอห์นสัน โขกซ้ำแต่ แซม โวคส์ โหม่งเคลียร์จากเส้นมาโดน เลียม บริดคัตต์ เข้าประตูตัวเองแบบโชคร้ายและหมดครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้


ครึ่งหลังเล่น ไปเพียง 3 นาทีลิเวอร์พูลได้ลุ้นเมื่อ หลุยส์ ซัวเรซ ไหลบอลเข้าเขตโทษขวาให้ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ป้ายคืน ซัวเรซ ชิพให้น้ำหนักเบา เบรโซนวาน กระโดดรับสบาย


นาที 52 ยังเป็นโอกาสของหงส์แดงเมื่อโฆเซ่ เอ็นริเก้ เติมเกมรุกขึ้นไปทางซ้ายแล้วตวัดบอลเข้ากลาง ลูอิส ดังค์ โหม่งสกัดไม่ขาดไปเข้าทาง เจอร์ราร์ด กดแถวสองไม่ตรงกรอบ แต่ เฮนเดอร์สัน พยายามสะกิดเปลี่ยนทางบอลหลุดเสาซ้ายนิดเดียว


นาที 57 หงส์แดงหนีห่างเป็น 3-1 จากการประสานงานสุดสวย เจอร์ราร์ด ป้ายบอลออกทางซ้ายให้ สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง แตะเข้าเขตโทษหักเรียดมาแถวจุดโทษ แคร์โรลล์ วิ่งเข้ากดด้วยซ้ายเสียบเสาแรก


นาที 71 เจ้าถิ่นจากเกมโต้กลับ เฮนเดอร์สัน กระชากบอลขึ้นไปกระดกเข้าเขตโทษ กอร์ดอน เกรียร์ ขึ้นโหม่งสกัดวืดเลยไปถึง เจอร์ราร์ด ยิงทีแรกติด เบรโซวาน มาเข้าทางอีกครั้งล้มตัวยิงมุมแคบไปโดน บริดคัตต์ ที่ถอยไปคุมเส้นเด้งเข้าประตูตัวเองเป็นสกอร์ 4-1


นาที 74 สกอร์ไหลเป็น 5-1 เมื่อซัวเรซ เปิดบอลจากเขตโทษฝั่งซ้าย เบรโซวาน ปัดไม่อยู่เลยไปถึง ลูอิส ดังค์ พักอกก่อนแต่งด้วยหน้าขาแต่ผิดเหลี่ยมกระดอนข้ามเส้นประตูไปแล้วแม้จะตาม เคลียร์ออกมาแต่ไม่ทันแล้ว


นาที 80 ลิเวอร์พูลได้จุดโทษ หลุยส์ ซัวเรซ ดึงจังหวะหลอกนิดนึงแต่ยังยิงติดเซฟ เบรโซวาน ที่เดาทางถูกพุ่งปัดออกหลังไปได้และจากลูกเตะมุม เดิร์ค เค้าท์ ได้โหม่งเหน่งๆแต่บอลชนคานอย่างน่าเสียดาย


นาที 85 เจ้าถิ่นซัดครบครึ่งโหลเมื่อโฆเซ่ เอ็นริเก้ เปิดบอลจากฝั่งซ้ายเข้าไปหน้าประตู แอนดี้ แคร์โรลล์ โหม่งย้อนกลับไปเสาแรกให้หลุยซ์ ซัวเรซ ขวิดเผาขนตุงตาข่ายและเป็นประตูปิดกล่องให้ลิเวอร์พูลถล่ม ไบรท์ตัน 6-1 ลอยลำเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศไปพบสโต๊คในแอนฟิลด์ต่อไป


รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม
ลิเวอร์พูล : โฆ เซ่ เรน่า, เกล็น จอห์นสัน, เจมี่ คาร์ราเกอร์, มาร์ติน สเคอร์เทล, โฆเซ่ เอ็นริเก้, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, ชาร์ลี อดัม, สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง, หลุยส์ ซัวเรซ, แอนดี้ แคร์โรลล์


ไบรท์ตัน : ปีเตอร์ เบรโซแวน, อินิโก้ กัลเดรอน, กอร์ดอน เกรียร์, ลูอิส ดั๊งค์, อดัม เอล-อับด์, วิลล์ บัคลี่ย์, เลียม บริดคัตต์, อลัน นาร์วาโร่, กาเซงก้า ลัวลัว, แซม โวคส์, แอชลี่ย์ บาร์นส์


สรุปผลฟุตบอลเอฟเอ คัพ อังกฤษ รอบ 5
- ครอว์ลี่ย์ 0:2 สโต๊ค ซิตี้
- สตีฟเนจ 0:0 สเปอร์ส
- ลิเวอร์พูล 6:1 ไบรท์ตัน

วันพุธที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ดาวนิ่งหวังพาหงส์แดงสอยแชมป์คาร์ลิ่ง คัพ หลังอกหักมาตลอด

   
สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง ปีก ลิเวอร์พูล หวังแก้ตัวในนัดชิงชนะเลิศคาร์ลิ่ง คัพ กับ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ หลังผิดหวังในนัดชิงดำรายการนี้มาตลอดกับอดีตต้นสังกัด โดยสมัยอยู่กับ มิดเดิ้ลสโบรช์ ต้องพลาดลงสนาม ขณะที่ตอนอยู่กับ แอสตัน วิลล่า ก็แพ้อย่างน่าเจ็บใจ แต่ยืนยัน "หงส์แดง" ไม่อาจประมาทคู่แข่งจากแชมเปี้ยนชิพได้เลย หลังเคยมีประสบการณ์ลำบากในการเจอกับทีมรองบ่อนมาแล้ว

        สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง ปีก "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก ออกมากล่าวเมื่อวันพุธที่ 15 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ว่า เขาหวังว่าเกมนัดชิงชนะเลิศศึกคาร์ลิ่ง คัพ 2012 ระหว่างต้นสังกัดกับ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ สโมสรจากศึกแชมเปี้ยนชิพ ที่สนามเวมบลีย์ ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์นี้ จะเป็นโอกาสดีสำหรับตัวเองที่จะแก้มือจากความผิดหวังในนัดชิงชนะเลิศรายการ นี้ในปีก่อนๆ


         ดาวนิ่ง มีประสบการณ์ที่ไม่ดีนักในคาร์ลิ่ง คัพ เมื่อเขาไม่ได้รับโอกาสลงสนามแม้กระทั่งในฐานะตัวสำรองในนัดชิงชนะเลิศที่ มิดเดิ้ลสโบรช์ เฉือนชนะ โบลตัน วันเดอเรอร์ส 2-1 เมื่อปี 2004 ก่อนที่อีก 6 ปีต่อมาเขาได้ลงเล่นแต่ก็ไม่สามารถช่วยให้ แอสตัน วิลล่า รอดพ้นจากความพ่ายแพ้ต่อ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในนัดชิงชนะเลิศเมื่อปี 2010 อย่างไรก็ตาม ปีกทีมชาติอังกฤษ หวังว่าเขาจะสามารถแก้ตัวได้สำเร็จด้วยการช่วย ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ในปีนี้


         "ครั้ง แรกผมเป็นตัวสำรองที่ไม่ได้ถูกใช้งานกับ มิดเดิ้ลสโบรช์ ผมอยากลงเล่น แต่ผมก็ยังมีส่วนร่วม ครั้งที่ 2 กับ วิลล่า เจอ ยูไนเต็ด สิ่งต่างๆ ไม่เป็นใจให้กับเรา เนมานย่า วิดิช น่าจะถูกไล่ออกตั้งแต่ต้น และเราก็โชคร้ายนิดหน่อยในวันนั้น มันจะเป็นเรื่องวิเศษที่จบลงด้วยเหรียญรางวัล แต่มันก็ไม่เป็นอย่างนั้น หวังว่าครั้งนี้ผมจะคว้าแชมป์" ดาวนิ่ง กล่าว


         ลิ เวอร์พูล ถูกยกให้เป็นตัวเต็งที่จะคว้าแชมป์คาร์ลิ่ง คัพ ในปีนี้ แต่ ดาวนิ่ง เตือนว่า คาร์ดิฟฟ์ เป็นทีมที่ "หงส์แดง" จะประมาทไม่ได้เป็นอันขาด โดยกล่าวว่า "คุณทำงานหนักเพื่อไปที่นั่น และเกมเยือน เอ็กซ์เตอร์ และ ไบรท์ตัน ก็ยังคงอยู่ในใจคุณ มันเป็นเกมที่ยาก ดังนั้น มันจะเป็นเรื่องวิเศษสำหรับการจบงานลงที่เวมบลีย์"


credit:siamsport.co.th

วันอาทิตย์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

หงส์แดงฮึดไม่ขึ้นพ่ายผีแดง 2-1 ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
แมนฯ ยูไนเต็ด 2:1 ลิเวอร์พูล

                 "ปีศาจแดง" แมนฯ ยูไนเต็ด เปิดสนามโอลด์ แทร็ฟฟอร์ดรับการมาเยือนของ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ในเกมแดงเดือดครั้งที่ 185 

โดยก่อนเกมปาทริค เอวร่า ได้ขอจับมือ หลุยส์ ซัวเรซ คู่กรณีคดีเหยียดผิวแต่โดนปฏิเสธจึงออกอาการฉุนเล็กน้อย
ครึ่งแรกเปิดฉากไม่ถึงนาทีเกมต้องหยุดชั่วคราวเมื่อปาทริค เอวร่า ไปอัดริโอ เฟอร์ดินานด์ เพื่อนร่วมทีมลงไปกองกับพื้นในจังหวะเข้าสกัดบอลจากหลุยส์ ซัวเรซ กองหน้าหงส์แดงยังดีที่ริโอเล่นต่อไหว
นาทีที่ 2 หงส์แดงได้ทักทายก่อนเมื่อเกล็น จอห์นสัน พาบอลเข้าไปซัดตรงกรอบโทษฝั่งขวาแต่บอลพุ่งตรงตัวดาบิด เด เคอา รับเข้าซองหนึบ
นาทีที่ 6 ผีแดงได้ฟรีคิกตรงริมกรอบโทษฝั่งขวาไรอัน กิ๊กส์ เปิดโค้งเข้าไปหน้าประตูแต่แรงไปบอลหลุดเสาสองออกหลัง
นาทีที่ 10 เป็นโอกาสของทีมเยือนเมื่อเกล็น จอห์นสัน เลื้อยจากขวาตัดเข้ากลางแล้วปั่นด้วยซ้ายแต่บอลหลุดเสาไกลออกหลังนิดเดียว
นาที 19 ผีแดงเปิดเกมบุกขึ้นทางขวา อันโตนิโอ วาเลนเซีย พาบอลไปจนเกือบสุดเส้นหลังแล้วเปิดย้อนเข้ากรอบโทษให้ ราฟาเอล ดึงจังหวะปั่นด้วยซ้ายแดนนี่ เวลเบ็ค พยายามเหยียดขาสกิดบอลแต่ไม่โดน โฆเซ่ เรน่า เลยล้มตัวตะครุบไว้ได้
นาที 31 เจ้าถิ่นน่าได้สุดๆเมื่อไรอัน กิ๊กส์ บรรจงเปิดบอลจากฝั่งซ้ายเข้าไปหน้าประตู พอล สโคลส์ สอดเข้าไปโขกโล่งๆแต่บอลตรงตัว โฆเซ่ เรน่า ทุบออกมาอย่างน่าเสียดาย
นาที 34 ยังเป็นโอกาสของผีแดงเมื่ออันโตนิโอ วาเลนเซีย เปิดบอลจากขวาเข้าไปหน้าประตูปาทริซ เอวร่า โถมขึ้นโหม่งที่เสาไกลแต่โดนเดิร์ค เค้าท์เบียดเลยโดนไม่ดีบอลข้ามคานออกไป
จากนั้นเป็นผีแดงที่ครองเกมบุกได้เหนือกว่าแต่จังหวะสุดท้ายไม่เฉียบขาดกันเองทำให้หมดครึ่งแรกยังเสมอกัน 0-0
ครึ่งหลังเริ่มเกมมาเพียงนาทีเศษผีแดงออกนำ 1-0 จากจังหวะเตะมุมทางฝั่งขวาไรอัน กิ๊กส์ เปิดโค้งเข้าไปหน้าประตู ไมเคิ่ล แคร์ริค ขึ้นโหม่งแต่วืดทำให้จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ที่ประกบอยู่เสียจังหวะโหม่งโดนบางๆบอลเลยไปเสาไกลเข้าทางเวย์น รูนี่ย์ วอลเลย์ด้วยขวาแบบไม่ต้องจับตุงตาข่ายอย่างเด็ดขาด
นาที 49 ผีแดงขยับหนี 2-0 เมื่อเจย์ สเพียริง จ่ายบอลพลาดโดนอันโตนิโอ วาเลนเซีย แย่งได้แล้วแตะบอลเข้าไปเปิดเข้ากรอบโทษให้เวย์น รูนี่ย์แปด้วยซ้ายโล่งๆสวนตัวโฆเซ่ เรน่าตุงตาข่าย
นาที 59 เป็นโอกาสของผีแดงอีกจากการต่อบอลเข้ากรอบโทษฝั่งขวาแล้วเปิดเข้ากลาง พอล สโคลส์ ข้ามหลอกบอลไปถึงเวย์น รูนี่ย์ แตะหนึ่งจังหวะแต่โดนแซะนิดนึงเลยเสียหลักทำให้จิ้มบอลหลุดกรอบออกหลังไป
จากนั้นหงส์แดงเปลี่ยน 2 คนรวดส่งเคร็ก เบลลามี่ กับ แอนดี้ แคร์โรลล์ ลงมาแทน ดาวนิ่ง กับ สเพียริง แต่เกมก็ยังไม่ดีขึ้น
นาที 72 เป็นผีแดงได้ลุ้นจากการต่อบอลกันอยู่นานก่อนไปเข้าทางแดนนี่ เวลเบ็ค ได้ซัดด้วยขวาในกรอบกลางประตูแต่เกล็น จอห์นสัน แหย่ขาบล็อกได้ทันบอลแฉลบลอยเบาทำให้โฆเซ่ เรน่า รับสบาย
จากนั้นเจ้าถิ่นยังครองเกมได้ดีกว่าแต่เป็นเน้นเคาะบอลเป็นส่วนใหญ่เลย ไม่ค่อยมีจังหวะเข้าทำให้เห็นมากนักจนนาที 80 เป็นหงส์แดงที่ตีตื้น 1-2 จากจังหวะฟรีคิกเลยครึ่งสนามมานิดเดียวชาร์ลี อดัม เปิดเข้าไปหน้าประตูจอนนี่ อีแวนส์ ขึ้นโหม่งแต่วืดบอลไปตกใส่หน้าขา ริโอ เฟอร์ดินานด์ กลายเป็นตั้งบอลให้หลุยส์ ซัวเรซ ซัดจ่อๆไม่ถึง 6 หลาตุงตาข่าย
ช่วงทดเจ็บหงส์แดงได้ลุ้นจากจังหวะที่กองหลังผีแดงสกัดบอลมาเข้าทาง เกล็น จอห์นสัน เก็บตกที่แถวสองแล้วแต่งมาซัดด้วยซ้ายบอลพุ่งกำลังจะมุดเสียบใต้คานอยู่แล้ว แต่ดาบิด เด เคอา บินปัดข้ามคานออกหลังได้ทันทำให้จบเกมแมนฯ ยูไนเต็ด เชือด ลิเวอร์พูล 2-1 
เก็บสามแต้มขึ้นนำจ่าฝูงมี 58 แต้มจาก 25 นัดแซงแมนฯ ซิตี้ที่เตะวันอาทิตย์คะแนนเดียว

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
แมนฯ ยูไนเต็ด :
ดาบิด เด เคอา ,ราฟาเอล ดา ซิลวา, ริโอ เฟอร์ดินานด์,จอนนี่ อีแวนส์, ปาทริซ เอวร่า,อันโตนิโอ วาเลนเซีย, ไมเคิ่ล แคร์ริค, พอล สโคลส์, ไรอัน กิ๊กส์, เวย์น รูนี่ย์, แดนนี่ เวลเบ็ค
ลิเวอร์พูล : โฆเซ่ เรน่า,เกล็น จอห์นสัน, มาร์ติน สเคอร์เทล, แดเนียล แอ็กเกอร์, โฆเซ่ เอ็นริเก้,สตีเว่น เจอร์ราร์ด, เจย์ สเพียริง,จอร์แดน เฮนเดอร์สัน,สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง, เดิร์ค เค้าท์,หลุยส์ ซัวเรซ
(ภาพจาก Getty Images)

วันศุกร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

เดิร์ค เค้าท์ เตือนผีระวังทีเด็ด"เบลลามี่"ให้ดี


เดิร์ค เค้าท์ กองหน้าทีมชาติฮอลแลนด์ ของ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ขู่ฟ่อ บอก "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ระวัง เคร็ก เบลลามี่ ดาวยิงจอมเก๋าชาวเวลส์ เอาไว้ให้ดี ในเกมพรีเมียร์ลีก นัดแดงเดือด ที่จะเผดียงแข้งที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด วันเสาร์ที่ 11 กุมภาพันธ์นี้ เหตุแม้อายุมากขึ้น และไม่ประสบความสำเร็จในช่วงแรกที่ แอนฟิลด์ แต่กลับมารอบสองคราวนี้ "เบลเลอร์ส" ดีขึ้น และอันตรายกว่าเดิมเยอะ

        หลุยส์ ซัวเรซ ดาวยิงอุรุกวัย ที่มีปัญหากับ ปาทริซ เอวร่า ถูกหมายหัวว่าจะเป็นดาวเด่นที่ถูกจับตามองของเกมนี้ ขณะที่ เค้าท์ มองว่า ในแง่ของรูปเกมแล้ว ยูไนเต็ด ระวัง เบลลามี่ เอาไว้ด้วยก็น่าจะดี เพราะ สตาร์วัย 32 ปีเป็นนักเตะที่ฟอร์มดีที่สุดของ "เร้ด แมชีน" ในช่วง 2 เดือนหลังสุด ด้วยผลงานซัดไปเบาะๆ 7 ลูกจาก 13 เกม ทำให้ตอนนี้ยิงรวม 9 ลูกแล้ว นับตั้งแต่ย้ายกลับมาร่วมทีมแบบฟรีๆ   

        เค้าท์ กล่าวว่า "ฟอร์มของ เคร็ก น่าเหลือเชื่อมาก เขาดูดีกว่าตอนย้ายมาเล่นที่นี่รอบแรกเสียอีก ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณพูดได้ไม่มากนักสำหรับนักเตะที่เล่นกับทีม 2 ช่วง โดยปกติแล้วช่วงแรกมักจะออกมาดีกว่า แต่ว่ากับ เคร็ก แล้วตอนนี้เขาดีกว่าเดิม เขารู้ว่าตัวเองสามารถทำอะไรได้ และเขาซ้อมอย่างมืออาชีพทุกวัน ซึ่งไม่ได้แค่ช่วยตัวเขาคนเดียวเท่านั้น แต่มันมีส่วนช่วยทีมทั้งทีมเลย"

วันอังคารที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

หงส์แดงเจ๊าไก่ 0-0 จืดชืด


ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
วันจันทร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ 2555
ลิเวอร์พูล 0 - 0 สเปอร์ส

สนาม : แอนฟิลด์

            เจ้าถิ่นเกมนี้ได้ หลุยส์ ซัวเรซ ที่พ้นโทษแบนกลับมาช่วยทีมได้แล้วแต่ เคนนี่ ดัลกลิช กุนซือของทีมตัดสินใจให้นั่งสำรองก่อน ส่วน สตีเว่น เจอร์ราร์ด จอมทัพกัปตันทีม ที่ได้พักในเกมลีกล่าสุด กลับมาบัญชาทัพแดนกลางอีกครั้ง
 
     ด้านทีมเยือน สเปอร์ส ไม่มี แฮร์รี่ เร้ดแน็ปป์ มาคุมทีมที่ข้างสนาม เนื่องจากเดินเดินทางไปทำธุระเรื่องภาษีของตัวเอง แล้วกลับมาไม่ทัน เพราะสภาพอากาศแย่ สายการบินเลยถูกระงับ จะเป็น เควิน บอนด์ ผู้ช่วยทำหน้าที่แทนในการมาเยือน
 
     เริ่มเกมได้เพียง 4 นาทีทีมเยือนได้โอกาสลุ้นก่อน จากจังหวะที่ ลูก้า โมดริช ลากมาริมเขตโทษแล้วยิงด้วยขวา แต่ว่า เดิร์ค เค้าท์ พุ่งเข้ามาบล็อกไว้ได้หวุดหวิด
 
     น.32 เกมช่วงแรกจืดสนิทจริงๆ จังหวะนี้สเปอร์สมาอีกครั้ง ทางซ้าย เป็น เบอนัว อัสซู-เอก็อตโต้ ได้บอลแล้วไหลคืนมาหน้าเขตโทษให้ นิโก้ ครานชาร์ จับเข้าขวาแล้วยิงเต็มข้อ แต่ โฆเซ่ เรน่า ยังรับได้
 
     น.34 หงส์แดงเริ่มตอบโต้ได้ดีขึ้น ลูกนี้ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ไหลมาหน้าเขตโทษด้านขวาให้ เจย์ สเพียริง ซัดเฉียดเสาแรกไปนิดเดียว
 
     น.44 ไก่เดือยทองต่อบอลกันอย่างใจเย็น ลูกนี้มาจบที่ทางด้านขวา ไคล์ วอค์ลเกอร์ พยายามจะลากผ่านสองกองหลังเจ้าถิ่น บอลเป็นใจเด้งขา เกล็น จอห์นสัน มาเข้าทางเขาได้ยิงด้วยซ้าย แต่ว่ามี แดเนียล แอ็กเกอร์ มาช่วยสไลด์ออกหลังไปได้
 
     น.45 เร้ด แมชีนแลกทันที จอห์นสัน ที่วันนี้เล่นแบ็กซ้าย ลากตัดมาหน้าเขตโทษแล้วยิงเต็มแรง แต่ว่า แบรด ฟรีเดล ยังปัดทิ้งได้ หมดครึ่งแรกยังไม่มีสกอร์
 
     นาทีที่ 53 เกิดเหตุการณ์วุ่นวายขึ้นในสนามจากจังหวะปะทะกันของ ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์ กับ แกเร็ธ เบล เมื่อกลับมาดูภาพช้ากลายเป็น เบล ที่จงใจพุ่งล้มหวังเรียกฟาว์ล จนถูก แอ็กเกอร์ เข้าไปต่อว่า แต่ ไมเคิ่ล โอลิเวอร์ ไม่หลงกลแจกใบเหลืองให้ แกเร็ธเบล ทันที
 
     น.59 กลับมาเล่นในครึ่งหลัง เจ้าถิ่นพยายามบุกเข้าใส่ จังหวะนี้ มาร์ติน เคลลี่ ลองยิงไกลหน้าเขตโทษด้านขวา แต่ก็ยังไม่ผ่านมือ ฟรีเดล อยู่ดี
 
     นาทีที่ 66 ลิเวอร์พูลตัดสินใจส่งไผ่ใบแรกลงมาโดยเป็น หลุยส์ ซัวเรซ ที่พ้นโทษแบนลงมาแทน เดิร์ค เค้าท์
 
     น.67 เตะมุมของหงส์แดงทางขวา ชาร์ลี อดัม เปิดลึกมาเสาสองเข้าหัว แอนดี้ แคร์โรลล์ โขกไปตรงตัว ฟรีเดล รับไว้ได้อีก
 
     น.70 หลุยส์ ซัวเรซ ถูกเปลี่ยนตัวลงมาแล้ว ไม่นานก็สร้างเรื่องเลย เมื่อกะจังหวะบอลพลาดไปเตะเข้าที่ท้องของ สกอตต์ พาร์เกอร์ แบบเต็มดอก ผู้ตัดสินเลยแจกใบเหลืองให้
 
     น.72 ไก่เดือยทองมีโอกาสอีกครั้ง เมื่อ เบล ตัดบอลได้ทางซ้าย ก่อนลากมายิงหน้าเขตโทษด้วยขวา ลูกหลุดเสาแรก
 
     นาทีที่ 77 เจ้าถิ่นได้บอลบุกอีกครั้งโดย ซัวเรซ กระชากขึ้นไปก่อนส่งให้ แคร์โรลล์ เปิดบอลไปติดแผงหลัง สเปอร์สออกไป
 
     นาทีที่ 86 เป็นเจ้าถิ่นบ้างที่น่าจะได้ประตูขึ้นนำเมื่อได้ลูกฟรีคิกเป็น เจอร์ราร์ด ที่เปิดไปเข้าหัว ซัวเรซ ที่โหม่งโล่งๆ แต่ไปตรงตัว ฟรีเดล รับเข้าซองไม่พลาด
 
     เกมนี้ทดเวลาบาดเจ็บออกไปถึง 4 นาที นาทีที่ 93 หงส์แดงได้ลุ้นอีกหนึ่งจังหวะจากลูกเตะมุมแต่ยังไม่ผ่านแนวรับ สเปอร์สอยู่ดี ทำให้ จบเกม ลิเวอร์พูล เปิดรังทำได้เพียงแค่เสมอกับ สเปอร์ส 0-0 แบ่งกันไปทีมละแต้ม ส่งผลให้ ลิเวอร์พูล รั้งอยู่อันดับที่ 7 เหมือนเดิมมี 39 แต้ม ขณะที่ สเปอร์ส อยู่ที่ 3 ของตารางมี 50 คะแนน ตามหลังรองจ่าฝูง แมนฯ ยูไนเต็ด 5 แต้ม และตามหลังจ่าฝูง แมนฯ ซิตี้ 7 แต้ม
   

รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม


     ลิเวอร์พูล: โฆเซ่ เรน่า - มาร์ติน เคลลี่, มาร์ติน สเคอร์เทล, แดเนี่ยล แอ็กเกอร์, เกล็น จอห์นสัน - ชาร์ลี อดัม, เจย์ สเปียริ่ง, สตีเว่น เจอร์ราร์ด (กัปตันทีม), เดิร์ค เค้าท์ (หลุยส์ ซัวเรซ น.66) - แอนดี้ แคร์โรลล์, เคร็ก เบลลามี่ (สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง น.73)

     สำรองไม่ได้ใช้: อเล็กซานเดอร์ โดนี่ (ผู้รักษาประตู) - ฟาบิโอ ออเรลิโอ, จอร์แดน เอนเดอร์สัน, เซบาสเตียน โกอาเตส, เจมี่ คาร์ราเกอร์

     ใบเหลือง: หลุยส์ ซัวเรซ น.70, มาร์ติน สเคอร์เทล น.76

     สเปอร์ส: แบร๊ด ฟรีเดล - ไคล์ วอล์คเกอร์, ไมเคิล ดอว์สัน, เล็ดลี่ย์ คิง (กัปตันทีม), เบอนัวต์ อัสซู-เอก็อตโต้ - นิโก้ ครานชาร์ (แดนนี่ โรส น.87), สกอตต์ พาร์เกอร์, เจค ลิเวอร์มอร์, ลูก้า โมดริช, แกเร็ธ เบล - เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ (หลุยส์ ซาฮา น.71)

     สำรองไม่ได้ใช้: คาร์โล คูดิชินี่ (ผู้รักษาประตู) - บอนกานี่ คูห์มาโล่, มัสซิโม่ ลูออนโก้, ไรอัน เนลเซ่น, แคเมรอน แลงคาสเตอร์

     ใบเหลือง: สกอตต์ พาร์เกอร์ น.39, แกเร็ธ เบล น.54

     ผู้ตัดสิน: ไมเคิ่ล โอลิเวอร์

หางาน นครศรีฯ    หางาน แม่ฮ่องสอน    หางาน ชุมพร   สมัครงาน