วันเสาร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2557

หงส์แดง ตายยาก เปิดบ้านเฉือนซันเดอร์แลนด์ 2-1


ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ

วันพุธที่ 26 มีนาคม 2557

ลิเวอร์พูล 2:1 ซันเดอร์แลนด์

สนาม : แอนฟิลด์

ผู้ตัดสิน : เควิน เฟรนด์

เริ่มเกมครึ่งแรก 2นาที เจ้าบ้าน ลิเวอร์พูล มีจังหวะทักทายก่อน จากลูกส่องไกลนอกกรอบของ เกล็น จอห์นสัน  แต่บอลแรงเหินข้ามคานออกไป

น.5 ลิเวอร์พูล มีลุ้นจากลูกฟรีคิก หลุยส์ ซัวเรซ ปั่นโค้งข้ามกำแพงไปเสาแรก แต่บอลหลุดกรอบออกไป

น.12 ทัพ"หงส์แดง" บุกต่อเนื่อง  หลุยส์ ซัวเรซ วางบอลขึ้นหน้าให้ สเตอร์ริดจ์ แต่บอลลึกเกินไป สเตอร์ริดจ์ วิ่งตามไม่ทันบอลออกหลังไป




และ ในนาทีที่ 37 สาวก "หงส์แดง" ก็ได้เฮจนได้ เมื่อมาได้ประตูออกนำ 1-0 จากจังหวะที่ หลุยส์ ซัวเรซ โดนสกัดล้มนอกเขตโทษได้เป็นลูกฟรีคิกและเป็น สตีเว่น เจอร์ราร์ด ปั่นโค้งข้ามกำแพงบอลหมุดเข้าสามเหลี่ยมตุงตาข่ายอย่างสวยงาม

น.42 ทีมเยือน ซันเดอร์แลนด์ มีจังหวะลุ้นบ้าง จาก คอนเนอร์ วิคแฮม ที่ได้ลองซัดนอกเขตโทษบอลพุ่งไปแฉลบ สเคอร์เทล เปลี่ยนทาง แต่ มิโญเลต์ ยังเร็วพุ่งปัดบอลออกหลังไปได้อย่างหวุดหวิด

และจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์ที่ ลิเวอร์พูลออกนำ ซันเดอร์แลนด์ อยู่ 1-0

เริ่มเกมครึ่งหลัง



ได้ ไม่ถึง3นาที เจ้าบ้าน ลิเวอร์พูล นำห่างเป็น 2-0 จากจังหวะที่ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ไหลบอลให้ ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ ทางด้านขวา ก่อนลากบอลเข้าเขตโทษแล้วปั่นด้วยซ้ายบอลแฉลบแผงหลังซันเดอร์แลนด์บอลโค้ง เข้าเสาไกลตุงตาข่าย

น.57 เอมานูเอเล่ จัคเครินี่ แทงบอลทะลุช่องให้ โจซี่ อัลติดอร์ ทางด้านซ้ายหลุดเดียวเข้าไป แต่ผู้ตัดสินเป่าเป็นลูกล้ำหน้าไปก่อน

นาที ต่อมา เจ้าบ้าน โต้กลับโดยวางบอลขึ้นหน้าให้ หลุยส์ ซัวเรซ เอาบอลลงได้ ก่อนเลี้ยงเข้าไปบริเวณกรอบเขตโทษด้านซ้ายแล้วหาจังหวะปั่นไปเสาสอง แต่บอลหลุดกรอบออกไปนิดเดียว

น.62 ซันเดอร์แลนด์ เกมดีขึ้น และได้ลุ้นจาก อดัม จอห์นสัน กระดกบอลขึ้นหน้าไปให้ คี ซุง ยอง ตัวสำรองแต่เกี่ยวบอลไม่ติดเลยไม่มีจังหวะยิง

น.70 ทีมเยือน ซันเดอร์แลนด์ เกือบได้ประตูตีไข่แตก จากลูกยิงด้วยขวาหน้ากรอบโทษของ แคตเทอร์โมล บอลพุ่งไซด์ก้อยหนีมือ  ซิมง มิโญเลต์ ไปแล้ว แต่น่าเสียดายที่บอลไปชนคานอย่างจัง



น.75 ซันเดอร์แลนด์ มาได้ประตูตีไข่แตกจนได้ จากจังหวะลูกเปิดมุมของ อดัม จอห์นสัน บอลมาตกหน้าประตูก่อนกระดอนมาเสาสองและเป็น คี ซุง ยอง ที่หลุดจากการประกบ มาโขกเหน่งๆเข้าไปตุงตาข่าย ทำให้ ซันเดอร์แลนด์ ไล่ตามมาเป็น 1-2

ช่วง ท้ายเกม ทีมเยือน บุกมากกว่าหวังตีเสมอ แต่ก็ไม่สามารถเจาะแผงหลังเจ้าบ้านได้ ทำให้จบเกม90นาที "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล บ้านรังแบบหืดจับเฉือนชนะ ซันเดอร์แลนด์ ไปได้ 2-1 เก็บ3แต้มสำคัญขยับขึ้นไปรั้งรองจ่าฝูง




รายชื่อ11ผู้เล่นแรกที่ลงสนามของทั้งสองทีม

ลิ เวอร์พูล ระบบ (4-3-1-2) : ซิมง มิโญเลต์ : เกล็น จอห์นสัน , จอน ฟลานาแก้น , มาร์ติน สเคอร์เทล , ดาเนี่ยล อั๊กเกอร์ : สตีเว่น เจอร์ราร์ด , จอร์แดน เฮนเดอร์สัน , ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ , โจ อัลเลน : หลุยส์ ซัวเรซ, ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์

ซันเดอร์แลนด์ ระบบ (3-4-1-2) : วิโต้ มานโนเน่ : อันเดรีย ดอสเซน่า , จอห์น โอเช , ซานติอาโก้ เวอร์จินี่ : เวส บราวน์ , แคตเทอร์โมล , เลียม บริดคัตต์ , เอมานูเอเล่ จัคเครินี่ ,  ฟิล บาร์ดสลี่ย์ : โจซี่ อัลติดอร์ , คอนเนอร์ วิคแฮม


ข้อมูล:sanook

สมัครงาน

"ถล่มทลาย" หงส์แดงจัดให้ ดับคาร์ดิฟฟ์คาถิ่น 6-3


การแข่งขันฟุตบอลพรี เมียร์ ลีก ฤดูกาล 2013/2014 
ประจำคืนวันเสาร์ที่ 22 มีนาคม 2557 ที่สนาม คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ สเตเดี้ยม 

คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ 3 - 6 ลิเวอร์พูล

เริ่มเกมได้ 2 นาที สตีเว่น เจอร์ราร์ด ก็ต้องมารับใบเหลืองไปอย่างรวดเร็ว ฐานเข้าไปเล่นอันตรายใส่ เฟร์เซอร์ แคมป์เบล แบบน่าเกลียด

ผ่าน มาถึงนาทีที่ 9 แฟนบอลเจ้าถิ่นก็ได้เฮกันก่อนอย่างรวดเร็ว จากความผิดพลาด โจ อัลเลน จ่ายคืนหลังพลาดถูก เฟร์เซอร์ แคมป์เบล โฉบมาแย่งบอลไปได้ ก่อนจ่ายให้ จอร์แดน มัชท์ ลากตรงหน้าเขตโทษแล้วซัดด้วยซ้าย บอลกลิ้งเสียบมุมเข้าประตูชนิดที่ ซิมง มินโญเลต์ ได้แต่ยืนขาตายเท่านั้น "คาร์ดิฟฟ์" ขึ้นนำ 1-0


น.16 "หงส์แดง" ก็มาทำประตูคืนจนได้ จากจังหวะที่ ฟิลิปป์ คูตินโญ่ หลอกยิงหน้าเขตโทษ ก่อนจะป้ายมาให้  แล้วแทงให้ เกล็น จอห์นสัน ที่เติมทางขวา แล้วจัดการตบเข้ากลางให้ หลุยส์ ซัวเรซ ชาร์จจ่อๆ เข้าไป ลิเวอร์พูล ตีเสมอสำเร็จ 1-1



แต่กลายเป็น ว่าในนาทีที่ 25 "หงส์แดง" ต้องมาเสียประตูที่สอง เมื่อ จอร์แดน มัชท์ แทงทะลุช่องให้ เฟร์เซอร์ แคมป์เบล ไปรับบอลตรงที่ว่าง ก่อนเจ้าตัวละลากเข้าโทษแล้วซัดด้วยซ้าย บอลเรียดเสียบมุมประตูเข้าไปอย่างเฉียบคม "คาร์ดิฟฟ์" กลับมานำอีกครั้งเป็น 2-1




น.33 ฆวน กาล่า มาโดนใบเหลืองเป็นคนแรกของทางฝั่งเจ้าถิ่นแบบไม่จำเป็น หลังเจตนาเตะบอลทิ้งภายหลังจากที่ เควิน แคทเทอรีน ไปทำฟาวล์ใส่ โจ อัลเลน




น.41 ลิเวอร์พูล ไม่ยอมง่ายๆ และมาตามตีเสมอได้อีกครั้ง ฟิลิปป์ คูตินโญ่ ครองบอลทางฝั่งขวา ก่อนบรรจงเปิดยัดเข้ากลางที่ระดับหัวเข่าไปที่หน้าประตู และเป็น มาร์ติน สเคอร์เทล โดดเข้ามาแหย่ขาชาร์จบอลจ่อๆ ผ่าน เดวิด มาร์แชลล์ เข้าไป สกอร์กลับมาเท่ากันที่ 2-2

หลังจากนั้นทั้งฝ่ายยังยิงประตูเพิ่มเติมไม่ได้ หมดครึ่งแรกเสมอกันไปก่อน 2-2

กลับ มาในช่วงครึ่งหลังนาทีที่ 50 ฟาบิโอ มาโดนใบเหลือง หลังไปเกี่ยว แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ ทางด้านหลังในจังหวะที่เจ้าตัวพยายามลากเข้าเขตโทษ


ผ่าน มาถึงนาทีที่ 54 เป็นทาง "หงส์แดง" มาพลิกขึ้นนำบ้างจากลูกเตะมุม ฟิลิปป์ คูตินโญ่ โยนไปที่เสาแรก บอลเข้าหัว มาร์ติน สเคอร์เทล เทกตัวโขก ลูกลอยไปทางเสาสองเข้าประตูไปได้สำเร็จ ทีมเยือนนำ 3-2




ยิ่งเล่นยิ่ง ได้ใจไปเรื่อยๆ สำหรับทางฝั่ง ลิเวอร์พูล แถมมาได้ประตูอีกในนาทีที่ 60 เกล็น จอห์นสัน เปิดเรียดจากฝั่งขวาไปแฉลบ เควิน แคทเทอรีน แต่ แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ วิ่งเข้าไปที่บอลแล้วตอกส้นคืนหลังมาให้ หลุยส์ ซัวเรซ วิ่งมากดเน้นๆ เข้าไปไม่มีเหลือ ทีมเยือนนำเพิ่ม 4-2

น.65 "คาร์ดิฟฟ์" แก้เกมด้วยการส่งตัวสำรองทีเดียวสองคนรวดให้ มัทส์ ดาเอลี่ กับ วิลฟรีด ซาฮา ลงสนามแทน ดีแคลน จอห์น และ คิม โบ-ยอง

น.68 ทีมเยือนตัวสำรองบ้าง ส่ง ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ลงสนามเป็นคนแรก โดยถอด ฟิลิปป์ คูตินโญ่ ออกไปพัก

น.70 เจ้าถิ่นถอด เคร็ก เบลลามี่ ออกเป็นคนสุดท้าย แล้วส่ง เคนวิน โจนส์ ลงสนามมาลุ้นทำประตูในแดนหน้าแทน

น.75 สกอร์เริ่มไหลไปเรื่อยๆ เป็น 5-2 จากจังหวะที่ เกล็น จอห์นสัน แย่งลูกจาก ฟาบิโอ ไปได้ ก่อนเปิดยาวไปทางฝั่งซ้าย สตีเว่น คอลเกอร์ พยายามจะโหม่งสกัดแต่ไม่ดีถูก หลุยส์ ซัวเรซ รับไปได้แล้วลากเข้าเขตโทษก่อนเปิดลอดขา คอลเกอร์ ที่ตามมาป้องกันไปได้ ลูกกลิ้งไปถึงหน้าประตูให้ แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ วิ่งมาชาร์จเข้าไปไม่มีเหลือ



น.88 เจ้าถิ่นยังไม่ยอมง่ายๆ และมาทำประตูได้อีก เควิน แคทเทอรีน โยนไปที่เสาไกล เคนวิน โจนส์ โหม่งตั้งกระดอนพื้นมาให้ จอร์แดน มัชท์ โขกจ่อๆ เข้าไป "คาร์ดิฟฟ์" ไล่ตามมาห่างๆ เป็น 3-5

ช่วงทดเจ็บ "หงส์แดง" ส่ง มามาดู ซาโก้ ลงสนามมาเสริมเกมรับให้แน่นมากขึ้น โดยเอา สเตอร์ริดจ์ ออกไปพัก แถมทีมยังมาประตูที่หก จากจังหวะที่ ซัวเรส ใช้ความแข็งแกร่งเบียด ฆวน กาล่า จนกระเด็น ก่อนลากเข้าเขตโทษดวลเดี่ยวกับ เดวิด มาร์แชลล์ สุดท้ายเจ้าตัวก็ยังซัดบอลเข้าประตูไปแบบเยือกเย็น



สุดท้ายหมดเวลา ลิเวอร์พูล บุกเอาชนะ คาร์ดิฟฟ์ ไปได้ 6-2 จากชัยชนะในเกมนี้ส่งผลให้ "หงส์แดง" ยังรั้งอันดับที่สองของตารางต่อไป โดยมีเพิ่มเป็น 63 คะแนน ตามหลัง เชลซี จ่าฝูงที่เอาชนะ อาร์เซน่อล ไปก่อนเมื่อช่วงหัวค่ำเหลือแค่ 4 คะแนนเท่านั้น



 

รายชื่อผู้เล่น คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ (4-1-4-1) :
เด วิด มาร์แชลล์ - เควิน แคทเทอรีน, สตีเว่น คอลเกอร์, ฆวน กาล่า, ดีแคลน จอห์น (มัทส์ ดาเอลี่ น.65) - แกรี่ เมเดล - ฟาบิโอ ดา ซิลวา, คิม โบ-ยอง (วิลฟรีด ซาฮา น.65), จอร์แดน มัชท์, เคร็ก เบลลามี่ (เคนวิน โจนส์ น.70) - เฟร์เซอร์ แคมป์เบล
ผู้เล่นสำรอง
โจ ลูวิส - เบน เทอร์เนอร์ - ปีเตอร์ วิตติงแฮม - อารอน กุนนาร์สสัน

รายชื่อผู้เล่น ลิเวอร์พูล (4-3-1-2) :
ซิ มง มินโญเลต์ - เกล็น จอห์นสัน, มาร์ติน สเคอร์เทล, แดเนี่ยล แอ็กเกอร์, จอห์น ฟลานาแกน - จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, โจ อัลเลน - ฟิลิปป์ คูตินโญ่ (ราฮีม สเตอร์ลิ่ง น.68) - แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ (มามาดู ซาโก้ น.92), หลุยส์ ซัวเรซ
ผู้เล่นสำรอง
แบรด โจนส์ - อาลี ซิสโซโก้ - ยาโก้ อาสปาส - วิคเตอร์ โมเซส - ลูคัส เลว่า

ผู้ตัดสิน : นีล สวอร์บิค


ข้อมูล:sanook

งานพิเศษ 

วันพฤหัสบดีที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2557

เครื่องจักรสีแดง ถล่มผีแดงไม่เลี้ยง 3-0 เจิดเหมา 3 โทษพลาด1,ซัวเรซ1


ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ

วันอาทิตย์ที่ 16 มีนาคม 2557

แมนฯ ยูไนเต็ด 0 - 3 ลิเวอร์พูล

สนาม : โอลด์แทร็ฟ ฟอร์ด

ศึกฟุตบอลพรี เมียร์ลีก อังกฤษ 2013-2014 โดยคู่เอกวันนี้ เป็นเกมที่สนามโอลด์แทร็ฟ ฟอร์ด ระหว่างทีม "ปีศาจแดง" แมนฯ ยูไนเต็ด จะเปิดบ้านรับการมาเยือนของ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล 

เริ่มเกมครึ่งแรกมาได้2 นาที ทีมเยือน ลิเวอร์พูล มีโอกาสลุ้นก่อน จาก จอร์แดน เฮนเดอร์สัน แทงบอลทะลุช่องให้  แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ วิ่งมารับบอลในเขตโทษด้านขวา ก่อนซัดบอลข้ามคานออกไปนิดเดียว
 
น.7 เกล็น จอห์นสัน ลากบอลจี้ตัดเข้ากลางแล้วยิงด้วยซ้าย แต่บอลไปแฉลบแผงหลัง แมนฯ ยู เข้ามือ ดาบิด เด เคอา รับใว้ได้

น.18 เฟลไลนี่ เปิดบอลจากทางด้านซ้าย มาถึง ฟาน เพอร์ซี่ ในเขตโทษเอาบอลลงก่อนหาจังหวะซัด แต่ไปติดบล็อคแนวรับ ทีมเยือน

อีก นาทีต่อมา ลิเวอร์พูลได้โอกาสจาก หลุยส์ ซัวเรซ จ่ายทะลุช่องให้ แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ ในเขตโทษด้านขวา ก่อนดึงบอลหลอก เนมานย่า วิดิช แต่ยิงได้ไม่เต็มเท้าบอลเข้ามือ ดาบิด เด เคอา รับสบาย


น.28 ทีมเยือน มีจังหวะทำประตู เมื่อ แดเนียล สเตอร์ริดจ์ จ่ายบอลเข้าเขตโทษ เนมานย่า วิดิช สกัดบอลมาเข้าทาง  โจ อัลเลน ได้ยิงหน้าประตู แต่บอลไปเข้าซอง ดาบิด เดเกีย รับไว้ได้ไม่พลาด


และ น.34 ทีมเยือน ลิเวอร์พูล ออกนำก่อน จากจังหวะที่ ราฟาเอล ไปใช้มือเล่นบอลในเขตโทษผู้ตัดสินเป่าเป็นจุดโทษทันที และเป็น สตีเว่น เจอร์ราร์ด รับหน้าที่สังหารเข้าไปไม่พลาด ทำให้ ลิเวอร์พูล 1-0 แมนฯ ยูไนเต็ด


น.41 แมนฯ ยูไนเต็ด มีโอกาสลุ้น เมื่อ ราฟาเอล ลากบอลเข้าหาเขตโทษ ก่อนจ่ายให้ ฟาน เพอร์ซี่ พลิกตัวยิงด้วยซ้ายในเขตโทษบอลแฉลบผู้เล่น ลิเวอร์พูล ออกหลังไป

ช่วงท้ายเกม เจ้าบ้าน แมนฯ ยู บุกหนักหวังทวงประตูคืน จากจังหวะที่ ราฟาเอล ขึ้นเกมมาทางด้านขวาก่อนตบเข้ากลางให้ เวย์น รูนี่ย์ ยิงเต็มข้อบอลพุ่งไปตรงตัว ซิมง มินโญเลต์ ปัดออกไปได้อย่างหวุดหวิด ทำให้จบครึ่งแรก ลิเวอร์พูล บุกมานำ แมนฯ ยูไนเต็ด อยู่ 1-0


เริ่มเกมครึ่งหลัง






ได้ ไม่ถึง 2 นาที เจ้าบ้าน แมนฯ ยูไนเต็ด มาเสียจุดโทษที่2 อย่างรวดเร็ว จากจังหวะที่ ฟิล โจนส์ เข้าไปชน โจ อัลเลน ล้มในเขตโทษ ผู้ตัดสินเป่าเป็นลูกฟาล์วทันที และเป็น เจอร์ราร์ด เจ้าเดิมสังหารไม่พลาด  ลิเวอร์พูล นำห่างเป็น 2-0


น.63  แมนฯ ยู มีลุ้นจาก ไมเคิ่ล คาร์ริค จ่ายบอลให้ เวย์น รูนี่ย์ ได้ซัดในเขตโทษ แต่บอลไปติดบล็อก มาร์ติน สเคอร์เทล

น.65 เจ้าบ้าน เกือบได้ประตู ปาทริซ เอวร่า โยนบอลเข้าเขตโทษแผงหลัง ลิเวอร์พูล โหม่งสกัดมาเข้าทาง ฆวน มาต้า ยิงไปติดผู้เล่นของลิเวอร์พูล กระดอนมาถึง มารูยาน เฟลไลนี่ ยิงซ้ำเหินข้ามคานออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย


น.73 สตีเว่น เจอร์ราร์ด เกือบทำแฮตทริก ที่ได้ลองสับไกบอลแฉลบกองหลังแมนฯยูฯ ออกหลังไปนิดเดียว

น.78 เจ้าบ้าน แมนฯ ยูไนเต็ด เหลือ 10 คน เมื่อ เนมานย่า วิดิช โดนใบแดงจากการไปสกัด แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ ล้มลงในเขตโทษเป็นใบเหลืองที่2 และเป็นจุดโทษ แต่คราวนี้ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ยิงไปชนเสา อดทำแฮตทริกอย่างน่าเสียดาย


และน.84 ลิเวอร์พูลได้ประตูหนีห่างเป็น 3-0 จาก แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ จ่ายทะลุช่องให้ หลุยส์ ซัวเรซ ก่อนปั่นด้วยซ้ายบอลโค้งเข้าประตูไป


ช่วงทดเวลา เจ้าบ้าน แมนฯ ยู มีลุ้นตีไข่แตก เมื่อมาได้ลูกฟรีคิกนอกกรอบโทษ และเป็น เวย์น รูนี่ย์ ที่ยิงข้ามคานออกไปแบบไม่มีลุ้นและไม่นานผู้ตัดสินก็เป่าหมดเวลา ทำให้  ลิเวอร์พูล บุกมาเอาชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด ไปได้ถึงถิ่น 3-0 เก็บสามแต้มอันล้ำค่า


รายชื่อ11ผู้เล่นที่ลงสนามของทั้งสองทีม

แมนฯ ยูไนเต็ด (ระบบ 4-2-3-1) : ดาบิด เด เคอา, ราฟาเอล ดา ซิล วา, ฟิล โจนส์, เนมานย่า วิดิช, ปาทริซ เอวร่า, ไมเคิ่ล คาร์ริค, มารูอาน เฟลไลนี่, ฆวน มานูเอล มาต้า, เวย์น รูนี่ย์, อัดนาน ยานูซาย, โรบิน ฟาน เพอร์ซี่

ลิ เวอร์พูล (ระบบ 4-3-3) : ซิมง มินโญเลต์, จอน ฟลานาแกน, มาร์ติน สเคอร์เทล, แดเนี่ยล แอ็กเกอร์, เกล็น จอห์นสัน, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, โจ อัลเลน, ราฮีม สเตอร์ลิง, แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์, หลุยส์ ซัวเรซ


ข้อมูล:sanook

งานรัฐวิสาหกิจ