วันพุธที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2554

"มาแล้ว" เซบาสเตียน โคอาเตส ปราการหลังดาวรุ่งเซ็นสัญญาย้ายไปร่วมทัพ ลิเวอร์พูลเรียบร้อย

โคอาเตสบรรลุข้อตกลงซบหงส์เรียบร้อย


       


เอคตอร์ โอลมอส บอสใหญ่หมายเลขสอง นาซิอองนาล คอนเฟิร์ม เซบาสเตียน โคอาเตส ปราการหลังดาวโรจน์คนเก่ง กลายเป็นสมาชิกใหม่ของ ลิเวอร์พูล เรียบร้อย แถมได้ใบเวิร์ค เพอร์มิตแล้วด้วย

 
        เอคตอร์ โอลมอส
รองประธานสโมสร นาซิอองนาล ทีมดังในลีกอุรุกวัย ยืนยันว่า เซบาสเตียน โคอาเตส เซน เตอร์แบ็กดาวรุ่งคนเก่ง ได้เซ็นสัญญาย้ายไปร่วมทัพ ลิเวอร์พูล ยักษ์ใหญ่ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เรียบร้อยแล้ว หลังจากที่ตน และทีมงานตกลงรายละเอียดต่างๆ กับ "หงส์แดง" เสร็จลุล่วง เมื่อวันอังคารที่ 30 สิงหาคม ที่ผ่านมา


        "ในระหว่างการพูดคุย มันตึงเครียดนะ แต่สุดท้ายเราก็สรุปกันได้ วันนี้ ลิเวอร์พูล เอาใจใส่กันดีเหลือเกิน พวกเขาเดินทางไปยังกรุงลอนดอน เพื่อจัดการเรื่องเอกสารต่างๆ ให้เสร็จลุล่วง ซึ่งนั่นก็เท่ากับว่า ตอนนี้เขาสามารถลงเล่นได้แล้ว" โอลมอส กล่าว 

        สำหรับเรื่องค่าตัวนั้น ลิเวอร์พูล ยอมทำตามคำเรียกร้องของ นาซิอองนาล ที่ขอให้จ่ายค่าตัว โคอาเตส เพิ่มจากเดิมที่ตกลงกันไว้ที่ 7.6 ล้านปอนด์ (ประมาณ 380 ล้านบาท) อีกนิดหน่อย ซึ่งนั่นก็เท่ากับว่า ยอดทีมแชมป์ยุโรป 5 สมัย จะจ่ายเงินไปให้ทีมดังจากอุรุกวัยแบบเน้นๆ 4.9 ล้านปอนด์ (ประมาณ 245 ล้านบาท) โดยที่ไม่ต้องผ่านมือที่สามหรือตัวกลางเลย ซึ่งต่างกับที่ตกลงกันไว้ในตอนแรก

วันอาทิตย์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2554

"หงส์แดง"เก็บสามแต้มเต็มทะยานขึ้นจ่าฝูงของตาราง

หงส์กระพือปีก!เปิดรังต้อนโบลตัน3-1นำฝูง



 "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล โชว์ฟอร์มแจ่มหลังเปิดบ้านไล่ต้อน โบลตัน วันเดอร์เรอร์ส ผู้มาเยือน แบบสุดมันส์ 3-1 เก็บสามแต้มเต็มทะยานขึ้นจ่าฝูงของตารางชั่วคราวโดยมีคะแนนเท่ากับเชลซี และวูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส ที่ 7 แต้ม แต่มีผลต่างประตูได้เสียดีที่สุด เกมนี้ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และ ชาร์ลี อดัม ยิงประตูแรกในลีกหลังจากย้ายเข้ามาร่วมถิ่นแอนฟิลด์อีกด้วย


ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ 
วันเสาร์ที่ 27 สิงหาคม 2554 
ลิเวอร์พูล   3  -  1   โบลตัน

สนาม : แอนฟิลด์

        เกมนี้ เจ้าบ้าน "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล จัดการดร็อป แอนดี้ แคร์โรว์ ไว้ข้างสนามและใช้ ซัวเรซ เล่นร่วมกับ เดิร์ค เค้าท์ ส่วนแดนกลางมี ชาร์ลี อดัม, ลูคัส เลว่า, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และ สต๊วร์จ ดาวนิ่ง ทำเกม ฝั่งทีมเยือน วาง ไนเจล ริโอ โคเกอร์ กับ ฟาบริซ มูอัมบ้า ในแดนกลางเพื่อช่วยแนวรับ และใช้ เควิน เดวิส คู่  อิวาน คลาสนิซ ในแดนหน้า

        เกมผ่านถึงนาทีที่ 15 กองเชียร์เจ้าบ้านได้เฮก่อนเมื่อได้ประตูนำเริ่มจากจังหวะการจ่ายบอลอันสุด ยอดของ ซัวเรซ ที่ปั่นไซด์ด้วยขวาทางริมเส้นฝั่งขวาเข้าไปให้ ดาวนิ่ง วอลเล่ย์ ด้วยขวาในขตโทษแต่ยังโดน ยัสเคไลเน่น เซฟไว้ได้ บอลยังไปเข้าทาง เค้าท์ ก่อนจะไหลให้ เฮนเดอร์สัน ล็อกพาบอลเข้าเท้าซ้ายก่อนจะปั่นตุงตาข่ายอย่างสวยงาม หงส์แดง นำ 1-0

        3 นาทีถัดมา โบลตัน ได้โอกาสลุ้นประตูบ้างเมื่อ คิส อีเกิ้ล โยนบอลจากฝั่งขวายางไปที่เสาสองให้ มาร์ติน เปตรอฟ วอลเล่ย์ ด้วยซ้ายไม่จับแต่บอลตรงตัว เรน่า ทุบออกหลังไปได้

        เจ้าบ้านยังเป็นฝ่ายเดินหน้าบุกอย่างต่อเนื่องนาทีที่ 21 จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ปาดบอลจากฝั่งขวาเข้าไปหน้าประตูให้ เดิร์ก เค้าท์ พุ่งเข้าชาร์จแต่ข้าไปนิดเดียวเท่านั้น

        จังหวะถัดมายังเป็นเจ้าบ้านที่ได้ลุ้นคราวนี้ เฮนเดอร์สัน แทงบอลให้ ซัวเรซ หลุดกัปดักล้ำหน้าไปชิพบอลข้ามหัว ยัสเคไลเน่น ที่หน้าเขตโทษแต่บอลกลับหล่นบนคานชวดได้ประตูที่สองอย่างน่าเสียดาย

        รูปเกมโดยรวมยังเป็นลิเวอร์พูล ที่ครองบอลได้เหนือกว่าแต่ก็ยังบวกสกอร์เพิ่มไม่ได้ นาทีที่ 40 เค้าท์ ได้บอลทางซ้ายของเขตโทษก่อนจะซัดเต็มแรง แต่บอลพุ่งข้ามคานออกไป และหลังจากนั้นก็ทำอะไรเพิ่มไม่ได้จบครึ่งแรก ลิเวอร์พูล ยังนำโบลตัน 1-0

     ครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลยังเริ่มเกมได้ดี และนาทีที่ 49 อีวาน คลาสนิชก็โดนจดชื่อโทษฐานทำฟาวล์ลูคัส เลว่าจากด้านหลัง


     ในที่สุดนาทีที่ 52 เร้ด แมชีนก็มาได้ลูกเตะมุมด้านขวา อดัมจึงตักไปหน้าประตูแล้วสเคอร์เทลโถมโขกหกหลาเต็มหน้าผากตุงตาข่ายพาเจ้า บ้านนำ 2-0

     เขี่ยบอลใหม่อีกแค่นาทีเดียว แฟนหงส์ก็ได้ไชโยกันอีกเมื่อเคาท์ผ่านบอลจากฝั่งซ้ายเข้ากลางให้อดัมลากไป กระหน่ำระยะ 20 หลาตุงตาข่ายอย่างเด็ดขาดเปลี่ยนสกอร์ให้ลิเวอร์พูลทะยานหนี 3-0
     ถัดมาในนาทีที่ 56 เคาท์ไหลบอลเข้าเขตโทษด้านซ้ายให้ซัวเรสหลุดเดี่ยวไปแตะหลบยัสเคไลเน่นได้ แล้ว  แต่มุมไม่เหลือหอกอุรุกวัยจึงตวัดยิงเข้าหน้าต่างก่อนที่โบลตันจะส่งตุนกาย ซานลี่ลงไปแทนอีเกิ้ลส์
     แม้จะพยายามบุก แต่ทีมเยือนก็ไม่อาจเอาชนะเกมรับของลิเวอร์พูลได้ และเปลี่ยนเควิน เดวิสออกให้ดาร์เรน แพร็ทลีย์ลงไปแทนในนาทีที่ 71


     ทีมเยือนมาได้ประตูไล่มาเป็น 1-3 จากการตัดบอลพลาดของ เจมี่ กัลลาเกอร์ ไปเข้าทาง อิวาน คลาสนิซ ซัดจ่อๆ ไม่เหลือ ทำให้เจ้าตัวขึ้นนำดาวซัลโวอีกด้วย


     ช่วงเวลาที่เหลือเจ้าบ้านยังลุยต่อเอาใจกองเชียร์เต็มที่ แต่ไม่มีประตูเพิ่ม จบเกมหงส์แดงจึงขยี้โบลตันไปอีกตามเคยด้วยสกอร์ 3-1 ขยับนำเป็นจ่าฝูงชั่วคราวโดยมีประตูได้เสียดีกว่าเชลซี
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม


     ลิเวอร์พูล :
โฆเซ่ เรน่า, มาร์ติน เคลลี่, เจมี่ กัลลาเกอร์, ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์, โฆเซ่ เอ็นริเก้, ชาร์ลี อดัม, ลูคัส เลว่า, เดิร์ค เค้าท์, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, สต๊วร์จ ดาวนิ่ง, หลุยส์ ซัวเรซ

     สำรอง
: อเล็กซานเดอร์ โดนี่, แอนดี้ แคร์โรว์, มักซี่ โรดริเกซ, เจย์ สเฟียร์ลิ่ง, จอนโจ เชลวี่ย์, มาร์ติน สเคอร์เทล, แจ็ค โรบินสัน

     โบลตัน
: ยุสซี่ ยัสเคไคเน่น, เกรตาร์ สไตน์สสัน, แกรี่ เคฮิลล์, แซ็ต ไนท์, พอล โรบินสัน, คริส อีเกิ้ล, ไนเจล ริโอ โคเกอร์, ฟาบริซ มูอัมบ้า, มาร์ติน เปตรอฟ, เควิน เดวิส, อิวาน คลาสนิซ

     สำรอง :
อดัม บ็อกดาน, ตุนกาน ซานลี่, มาร์ค เดวิส, ร็อบบี้ เบล็ค, ดาร์เรน เพล็ทลี่ย์, เดวิด วีเธอร์, โจ ไรลี่ย์

     ผู้ตัดสิน :
ลี โพรเบิร์ต
สรุปผลฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
- แอสตัน วิลล่า เสมอ วูล์ฟแฮมป์ตัน  0 - 0
- วีแกน ชนะ ควีนส์ปาร์ค  2 - 0
- สวอนซี เสมอ ซันเดอร์แลนด์  0 - 0  
- เชลซี ชนะ นอริช ซิตี้  3 - 1   
- แบล็คเบิร์น แพ้ เอฟเวอร์ตัน  0 - 1   
- ลิเวอร์พูล ชนะ โบลตัน  3 - 1

วันเสาร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2554

หงส์จัดซัวเรซ-แคร์โรลล์รับโบลตันสถิติ 9 นัดไร้พ่าย











        "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ที่กำลังโชว์ฟอร์มเข้าฝักเตรียมจัดสองประสานแดนหน้า หลุยส์ 
ซัวเรซ กับ แอนดี้ แคร์โรลล์ ลงหวังผนึกคมแข้งล่าตาข่ายทีมเยือน "เดอะ ทรอตเตอร์ส" โบลตัน วันเดอเรอร์ส หากย้อนดูสถิติเป็นเจ้าบ้านที่ทำผลงานได้ดีกว่าหลายขุมโดยการเป็นฝ่ายกำชัย เหนือทีมเยือน 9 นัดติด


ปรีวิว ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษวันเสาร์ที่ 27 สิงหาคม 2554 
ลิเวอร์พูล - โบลตัน วันเดอเรอร์ส

สนาม : แอนฟิลด์

        เคนนี่ ดัลกลิช กุนซือ หงส์แดง ผ่านเกมคาร์ลิ่ง คัพ รอบ 2 ที่บุกชนะ เอ็กเซเตอร์ ทีมลีกวัน 3-1 พร้อมกับข่าวร้าย ราอูล เมยเรเลส มิดฟิลด์โปรตุกีส บาดเจ็บกระดูกไหปลาร้า ต้องพักประมาณ 3-4 สัปดาห์

        ดัลกลิช ยังต้องเช็กสภาพความฟิตของ เกล็น จอห์นสัน แบ็กขวาที่เจ็บเอ็นหลังหัวเข่า ว่าพร้อมกลับคืนสนามหรือไม่ ขณะที่ สตีเว่น เจอร์ราร์ด กัปตันทีม ที่พักฟื้นจากปัญหาโคนขาหนีบ ยังอยู่ในช่วงฟื้นฟูสภาพร่างกาย

        ในส่วนอื่นๆ ดัลกลิช ไม่มีปัญหาให้ต้องวิตก ตัวหลักที่ได้พักเกมคาร์ลิ่ง อย่าง เจมี่ คาร์ราเกอร์,
โฆเซ่ เอ็นริเก้, ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์, ลูคัส เลว่า และ สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง จะกลับมาเป็นตัวจริงทั้งหมด

        ระบบการเล่น 4-4-2 โฆเซ่ เรน่า ลงเฝ้าเสา แนวรับใช้ มาร์ติน เคลลี่, เจมี่ คาร์ราเกอร์, แดเนียล แอ็กเกอร์, โฆเซ่ เอ็นริเก้ กองกลางมี จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ลูคัส เลว่า, ชาร์ลี อดัม, สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง
คู่หน้า หลุยส์ ซัวเรซ  หรือ เดิร์ค เค้าท์ ยืนคู่ แอนดี้ แคร์โรลล์

        ด้าน โอเว่น คอยล์ กุนซือ เดอะ ทร็อตเตอร์ส เอาตัวรอดมาได้ในเกมคาร์ลิ่ง คัพ รอบ 2 ที่เปิดบ้านเฉือนชนะ แม็คเคิ่ลสฟิลด์ 2-1 จากประตูแรกในนัดประเดิมสนามของ ตุนกาย ซานลี่ และประตูชัยจาก มาร์ติน เปตรอฟ

        ข่าวร้ายจากเกมดังกล่าว มาร์กอส อลอนโซ่ แบ็กซ้ายชาวสเปน กระดูกเท้าแตก คาดว่าต้องพักยาวประมาณ 8-12 สัปดาห์ แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เพราะตัวหลักคือ พอล โรบินสัน อยู่แล้ว

        ปัญหาจริงๆ อยู่ที่แบ็กขวา เกรตาร์ สไตน์สสัน เจ็บเท้ามาจากเกมที่แพ้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-3 ต้องรอเช็กความฟิต ขณะที่ ไทโรน เมียร์ส แบ็กขวาตัวใหม่ขาหักตั้งแต่ปรีซีซั่น และ แซม ริคเก็ตต์ส เจ็บเอ็นร้อยหวายอยู่ ทำให้อาจต้องใช้ โจ ไรลี่ย์ ดาวรุ่งลงเล่นเหมือนเกมคาร์ลิ่งต่อ

        แดนกลาง ริคาร์โด้ การ์ดเนอร์ อาจพลาดลงเล่นอีก หลังอาการบาดเจ็บโคนขาหนีบกำเริบขึ้นมา ส่วนในราย อี ชอง-ยอง ปีกขวาเกาหลีใต้ ขาหักจากเกมอุ่นเครื่องปรีซีซั่น ต้องพักยาวถึง 9 เดือน

        ระบบการเล่น 4-4-2 ยุสซี่ ยัสเคไลเน่น เฝ้าเสา แนวรับใช้ โจ ไรลี่ย์, แกรี่ เคฮิลล์, แซต ไนท์,
พอล โรบินสัน กองกลางมี คริส อีเกิลส์, ไนเจล รีโอ-โคเกอร์, ฟาบริซ มูอัมบา, มาร์ติน เปตรอฟ คู่หน้า เควิน เดวิส จับคู่ อิวาน คลาสนิช

รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม

        ลิเวอร์พูล :
โฆเซ่ เรน่า - มาร์ติน เคลลี่, เจมี่ คาร์ราเกอร์, แดเนียล แอ็กเกอร์, โฆเซ่ เอ็นริเก้ - จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ลูคัส เลว่า, ชาร์ลี อดัม, สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง - หลุยส์ ซัวเรซ (เดิร์ค เค้าท์),
แอนดี้ แคร์โรลล์

        โบลตัน :
ยุสซี่ ยัสเคไลเน่น - โจ ไรลี่ย์, แกรี่ เคฮิลล์, แซต ไนท์, พอล โรบินสัน - คริส อีเกิลส์, ไนเจล รีโอ-โคเกอร์, ฟาบริซ มูอัมบา, มาร์ติน เปตรอฟ - เควิน เดวิส, อิวาน คลาสนิช

        ผู้ตัดสิน
: ลี โพรเบิร์ต

วันพฤหัสบดีที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2554

หงส์ฉลุยบุกอัดเอ็กเซเตอร์3-1คาร์ลิ่งฯ

















การแข่งขันฟุตบอลคาร์ลิ่ง คัพ อังกฤษ (รอบสอง ฤดูกาล 2011-12)
วันพุธที่ 24 สิงหาคม 2554
 เอ็กเซเตอร์ (ลีก วัน) 1 - ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีก) 3  
สนาม : เซนต์ เจมส์ พาร์ค


         เอ็กเซเตอร์ ทีมจากลีก วัน อังกฤษ วาง กีเยม เบาซ่า ลงมายืนเป็นหัวหอกตัวเป้า พร้อมได้ คริส เช็ปพาร์ด กับ ดาเนี่ยล นาร์ดิเอลโล่ คอยช่วยสนับสนุนอีกแรง

         ทางด้าน "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ทีมจากพรีเมียร์ลีก ส่ง ราอูล เมยเรเลส และ มักซี่ โรดริเกซ ลงสนามเป็นตัวจริง พร้อมให้ หลุยส์ ซัวเรซ ดาวยิงตัวเก่งทีมชาติอุรุกวัยลงเล่นเป็นตัวเป้า

         ออกสตาร์ตได้แค่ 3 นาที ชาร์ลี อดัม เปิดลูกเตะมุมทางซ้ายให้กับ มาร์ติน สเคอร์เทล สอดมายิงด้วยซ้ายจากระยะแค่ 6 หลา บอลหลุดเสาออกไป

         นาทีที่ 13 ลิเวอร์พูล ทำเกมขึ้นมาได้สวย จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ไหลบอลให้ ชาร์ลี อดัม ยิงเต็มข้อ แต่ อาร์ตูร์ ครายเซียค นายทวารเจ้าถิ่นปัดข้ามคานออกไปได้

         นาทีที่ 16 เอ็กเซเตอร์ได้ลุ้นจากลูกฟรีคิก คริส เช็ปพาร์ด โยนจากทางด้านซ้ายให้กับ ดาเนี่ยล นาร์ดิเอลโล่ โหม่งระยะ 12 หลา แต่ว่า โฆเซ่ เรน่า นายทวารของลิเวอร์พูลรับเข้าซองสบาย

         นาทีที่ 20 ลิเวอร์พูล ต้องตัดสินใจเปลี่ยนเอา ราอูล เมยเรเลส กองกลางชาวโปรตุกีส ที่ได้รับบาดเจ็บไหล่หลุด โดยส่ง แอนดี้ แคร์โรลล์ ลงมาแทน

         ทีมเยือนมาได้ประตูขึ้นนำจนได้ในนาทีที่ 23 จากจังหวะที่ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน โยนจากทางด้านขวาเข้าไปในกรอบเขตโทษ อาร์ตูร์ ครายเซียค นายทวารเจ้าถิ่นรับหลุด หลุยส์ ซัวเรซ วอลเลย์ด้วยขวาทางกรอบเขตโทษด้านซ้ายบอลพุ่งกระทบตาข่าย ลิเวอร์พูล ขึ้นนำ 1-0

         "หงส์แดง" ยังเดินเครื่องบดหนัก นาทีที่ 31 มักซี่ โรดริเกซ ดาวเตะอาร์เจนไตน์ได้ส่องด้วยขวาจากระยะ 20 หลา แต่กองหลัง เอ็กเซเตอร์ โดดขวางไว้ได้ทัน

         นาทีที่ 37 ชาร์ลี อดัม กองกลางลิเวอร์พูลได้ส่องไกลด้วยซ้ายระยะ 25 หลา บอลหลุดเสาออกไป จบครึ่งแรก ลิเวอร์พูล นำก่อน 1-0

         เริ่มครึ่งหลัง "หงส์แดง" ยังเดินเกมบุกเข้าใส่ต่อเนื่อง และมาได้ประตูที่2 ในนาทีที่ 55 เมื่อ หลุยส์ ซัวเรซ ผ่านบอลจากทางด้านขวาให้กับ มักซี่ โรดริเกซ ซัดด้วยขวาจากระยะ 12 หลา ส่งบอลเรียดเสียบมุมซ้ายเข้าไปให้ ลิเวอร์พูล ทิ้งห่างเป็น 2-0

         3 นาที ให้หลังทีมเยือนมาได้ประตูที่สามจากจังหวะที่ หลุยส์ ซัวเรซ พาบอลมาจากกลางสนามแตะลอดขาผู้เล่นของ เอ็กเซเตอร์ ก่อนไหลบอลให้กับ แอนดี้ แคร์โรลล์ แต่งหนึ่งจังหวะ ก่อนหวดด้วยซ้ายจากริมกรอบเขตโทษบอลเสียบตาข่ายสุดสวยให้ ลิเวอร์พูล นำขาด 3-0

         พอนำห่างแล้ว ลิเวอร์พูล เลยจัดการถอด หลุยส์ ซัวเรซ ออกมาพักแล้วส่ง สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง ลงสนามมาเล่นแทนในนาทีที่ 59

         ข้ามมาถึงนาทีที่ 66 เอ็กเซเตอร์ ยังพยายามสู้ คัลลั่ม แม็คนิช ผู้เล่นสำรองยิงด้วยซ้ายจากระยะ 25 หลา แต่ไม่ผ่านมือของ โฆเซ่ เรน่า นายทวารของลิเวอร์พูล

         นาทีที่ 80 เจ้าถิ่นมาได้จุดโทษ ดาเนี่ยล นาร์ดิเอลโล่ ดาวยิงของทีมรับหน้าที่สังหารไม่พลาด เอ็กเซเตอร์ ไล่ตามมาเป็น 1-3

         ช่วงที่เหลือทั้งสองทีมทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้ จบเกม ลิเวอร์พูล บุกมาชนะ เอ็กเซเตอร์ 3-1 ตบเท้าเข้าสู่รอบสามของศึกคาร์ลิ่ง คัพ ได้อย่างไม่ยากเย็น

         รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม 
         เอ็กเซเตอร์ : อาร์ตูร์ ครายเซียค ; สกอตต์ โกลบอร์น, ริชาร์ด ดัฟฟี่, แดนนี่ โคลส์, บิลลี่ โจนส์ ; ทรอย อาร์ชิบัลด์-เฮนวิลล์ ; เจมส์ ดันน์, เดวิด โนเบิล, คริส เช็ปพาร์ด, ดาเนี่ยล นาร์ดิเอลโล่ ; กีเยม เบาซ่า
         สำรอง : เลนนี่ พิดเจลี่ย์ (ผู้รักษาประตู) - ริชาร์ด โลแกน, จิมมี่ คีโอห์น, เอลเลียตต์ เฟรียร์, สกอต เบนเน็ตต์, ทอม นิโคลส์, คัลลั่ม แม็คนิช

         ลิเวอร์พูล : โฆ เซ่ เรน่า ; จอห์น ฟลานาแกน, มาร์ติน สเคอร์เทล, แดนนี่ วิลสัน, แจ็ค โรบินสัน ; จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, เจย์ สเพียริง, ชาร์ลี อดัม, ราอูล เมยเรเลส, มักซี่ โรดริเกซ ; หลุยส์ ซัวเรซ
         สำรอง : อเล็กซานเดอร์ โดนี่ (ผู้รักษาประตู) - โฆเซ่ เอ็นริเก้, แอนดี้ แคร์โรลล์, เดิร์ค เค้าท์, สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง, เจมี่ คาร์ราเกอร์, จอนโจ เชลวี่ย์

         ผู้ตัดสิน : โทนี่ เบตส์

ผลฟุตบอล คาร์ลิ่ง คัพ รอบสอง คู่อื่นๆปีเตอร์โบโร่ แพ้ มิดเดิ้ลสโบรช์ 0-2  
เอฟเวอร์ตัน ชนะ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 3-1  
โบลตัน ชนะ แมคเคิ่ลฟิลด์ 2-1
แบล็คเบิร์น ชนะ เชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์ 3-1

วันพุธที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2554

"ดัลกลิช" ปรับทัพรับทีมลีกวัน

        "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล เตรียมจัดทัพใหม่ทั้งหมดโดยจะใช้ผู้เล่นดาวรุ่งผสมกับผู้เล่นตัวหลัก นำโดย เดิร์ค เค้าท์ ที่จะขับเคลื่อนแนวรุกเกมพบกัน "สมันน้อย" เอ็กเซเตอร์ ทีมรั้งท้ายตารางของลีกวัน เมื่อดูฟอร์มแล้วทีมจากลีกสูงสุดเมืองผู้ดียังคงเป็นต่ออยู่หลายขุม ในศึก คาร์ลิ่ง คัพ อังกฤษ รอบสอง คืนวันพุธที่ 24 สิงหาคม เวลา 01.45 น


.

ปรีวิวฟุตบอล คาร์ลิ่ง คัพ อังกฤษ รอบสอง
วันพุธที่ 24 สิงหาคม 2554
เอ็กเซเตอร์ (ลีกวัน) - ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ ลีก)

สนาม : เซนต์ เจมส์ พาร์ค


        พอล ทิสเดล กุนซือ เอ็กเซเตอร์ ผลงาน 4 นัดแรกในศึกลีกวันออกมาไม่ดี เสมอเพียงแค่นัดเดียว ที่เหลือ 3 นัดแพ้รวด แถมเกมล่าสุด สตีฟ ทัลลี่ แบ็กขวาโดนใบแดง ต้องติดโทษแบนเกมนี้ด้วย


        ตำแหน่งอื่นๆ ไม่มีปัญหา จะจัดชุดใหญ่ลงเล่น มี อาร์เทอร์ คริเซียค เฝ้าเสา แผงหลังใช้ สกอต เบนเน็ตต์, ทรอย อาร์ชิบัลด์-เฮนวิลล์, ริชาร์ด ดัฟฟี่, บิลลี่ โจนส์


        กองกลางมี คริส เชพพาร์ด, เจมส์ ดันน์, เดวิด โนเบิ้ล, สกอตต์ โกลบอร์น แดนหน้าวาง ดาเนี่ยล นาร์ดิเอลโล่ ยืนคู่กับ กิลเลม เบาซ่า


        ด้าน เคนนี่ ดัลกลิช กุนซือ หงส์แดง ผลงานในลีกกำลังไปได้สวย หลังบุกชนะ อาร์เซน่อล 2-0 เมื่อวันอาทิตย์ จึงคาดว่าน่าจะพักใช้งานตัวหลักพอสมควร เพื่อไม่ให้กระทบกระเทือนเกมลีก


        ปัญหาตอนนี้คืออาการบาดเจ็บเอ็นหลังหัวเข่าของ เกล็น จอห์นสัน ที่ต้องรอทดสอบความฟิต แต่ ดัลกลิช คงไม่เสี่ยงใช้งานอยู่แล้ว ขณะที่ สตีเว่น เจอร์ราร์ด กัปตันทีม ยังพักฟื้นอยู่


        ล่าสุด หงส์แดง เพิ่งปล่อยตัว โซติริออส คีร์เกียกอส กองหลังกรีซ ไปร่วมทีม โวล์ฟสบวร์ก ในเยอรมันด้วย


        เกมนี้มีโอกาสสูงที่จะได้ประเดิมใช้ อเล็กซานเดอร์ โดนี่ ประตูคนใหม่ลงเฝ้าเสานัดแรกอย่างเป็นทางการ แผงหลัง มาร์ติน สเคอร์เทล ฟิตสมบูรณ์กลับมาแล้ว พร้อมลงสนาม ร่วมกับ จอห์น ฟลานาแกน, มาร์ติน เคลลี่ และ แจ็ค โรบินสัน


        แดนกลางประกอบไปด้วย มักซี่ โรดริเกซ, เจย์ สเปียริ่ง, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ฟาบิโอ ออเรลิโอ คู่กองหน้า เดิร์ค เค้าท์ เป็นตัวหลักคู่กับ ดาวิด เอ็นก็อก


รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม


        เอ็กเซเตอร์ :
อาร์เทอร์ คริเซียค - สกอต เบนเน็ตต์, ทรอย อาร์ชิบัลด์-เฮนวิลล์, ริชาร์ด ดัฟฟี่, บิลลี่ โจนส์ - คริส เชพพาร์ด, เจมส์ ดันน์, เดวิด โนเบิ้ล, สกอตต์ โกลบอร์น - ดาเนี่ยล นาร์ดิเอลโล่, กิลเลม เบาซ่า


        ลิเวอร์พูล :
อเล็กซานเดอร์ โดนี่ - จอห์น ฟลานาแกน, มาร์ติน เคลลี่, มาร์ติน สเคอร์เทล, แจ็ค โรบินสัน - มักซี่ โรดริเกซ, เจย์ สเปียริ่ง, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ฟาบิโอ ออเรลิโอ - เดิร์ค เค้าท์, ดาวิด เอ็นก็อก

วันอังคารที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2554

บ๊ายบาย "คีร์เกียกอส" ไป "โวล์ฟบวร์ก" แล้ว 2 ปี

"หงส์เเดง"ลิเวอร์พูล ส่งตัว โซติริส คีร์เกียกอส เซ็นเตอร์แบ็กร่างยักษ์ ย้ายไปร่วมทัพ"หมาป่าเมืองเบียร์"โวล์ฟสบวร์ก สโมสเเห่งเยอรมัน เป็นที่เรียบร้อยเเล้ว เป็นระยะเวลา 2 ปี
 
 

โซติริส คีร์เกียกอส / Sotirios Kyrgiakos

     "เดลลี่ เมล"สื่อชื่อดังจากเกาะอังกฤษ เผย!"หงส์เเดง"ลิเวอร์พูล ได้ส่งตัว โซติริส คีร์เกียกอส เซ็นเตอร์แบ็กร่างยักษ์ของทีม ย้ายไปร่วมทัพ"หมาป่าเมืองเบียร์"โวล์ฟสบวร์ก สโมสเเห่งวงการลูกหนังบุนเดสลีก้า เยอรมัน เป็นที่เรียบร้อยเเล้ว โดยจะมีสัญญาร่วมต้นสังกัดใหม่ระยะเวลา 2 ปี

     กองหลังชาวกรีซวัย 32 ปี กล่าว"โวล์ฟสบวร์กเป็นสโมสรที่ดี พวกเขารับรางวัลชนะเลิศในปี 2009 ฉันจะอยู่ที่เยอรมัน เเละฉันพร้อมที่จะพิสูจน์ว่าฉันดีพอที่จะเล่นทุกเกมให้พวกเขา"

     คีร์เกียกอส ย้ายจากจากเออีเค เอเธนส์ในฤดูร้อนของปี 2009 เเต่กลับลงเล่นให้กับทัพ"หงส์เเดง"ทั้งสิ้น 49 นัดเท่านั้น

วันจันทร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2554

"คาเปลโล" ชื่นชม "เคลลี่" อาจเรียกติดทีมชาติ

ฟาบิโอ คาเปลโล ผู้จัดการทีมชาติอังกฤษ ยอมรับชื่นชมฟอร์มการเล่นของ มาร์ติน เคลลี และพร้อมที่จะพิจารณาเรียกมาติดธงทีมชาติอังกฤษ ครั้งแรก
ฟาบิโอ คาเปลโล กุนซือทีมชาติอังกฤษ ออกมาเผยว่าตนเองรู้สึกประทับใจฟอร์มการเล่นของ มาร์ติน เคลลีกองหลังดาวรุ่งของลิเวอร์พูล และในตอนนี้ได้พิจารณาที่จะเรียกมาติดทีมชาติอังกฤษ แล้ว

"มีนักเตะ ดาวรุ่งบางคนที่น่าสนใจอย่าง มาร์ติน เคลลี ผมรู้สึกพอใจกับผลงานของเขาในการลงสนามในตำแหน่งแบ็คขวา เขาเป็นนักเตะที่น่าใจถึงแม้ว่า จะมีอายุไม่มากนัก เขาทำผลงานได้ดีมาก ซึ่ผมพอใจผลงานของเขา"

มาร์ติน เคลลี ลงสนามให้กับ ลิเวอร์พูล ในช่วงปลายเมื่อ 2 ฤดูกาลที่ผ่านมา เมื่ออายุได้ 19 ปี และมีโอกาสติดทีมชาติอังฤษ ชุดอายุไม่เกิน 21 ปี 2 ครั้ง

วันอาทิตย์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2554

เจมี่ คาร์ราเกอร์ กองหลังตัวเก๋าของ ลิเวอร์พูล ได้ทีคุยโตหลังบุกชนะ อาร์เซน่อล 2-0 เป็นชัยชนะที่หอมหวานมาก


เจมี่ คาร์ราเกอร์ ปราการหลังตัวเก๋าของ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ออกคุยทันควันหลังทีมโชว์ผลงานสุดหรูบุกคว่ำ "ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล ถึง เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม 2-0 ชี้ทีมสมควรเป็นฝ่ายชนะแล้ว
"อย่างที่ทราบกันดีพวกเขาเป็นทีมที่แข็งแกร่งมาก และสนามที่นี่ก็เป็นเรื่องยากที่จะเก็บชัยชนะเสมอ แต่กับเกมนี้เราสมควรเป็นผู้ชนะแล้วจริงๆ เมื่อสัปดาห์ก่อนเราเริ่มเกมได้ดีแต่ลงท้ายพวกเราทำได้แค่เสมอ พวกเราต่างผิดหวังกับผลมาก แต่เกมกับ อาร์เซน่อล ผมคิดว่าพวกเราได้พิสูจน์ให้เห็นแล้ว และมันเป็นชัยชนะที่่หอมหวานมาก"