วันอังคารที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2555

หงส์แดง ประกาศได้พาร์ทเนอร์ใหม่ 3 K แบตเตอรี่จากประเทศไทยอย่างเป็นทางการ



ลิเวอร์พูลยังคงเดินหน้าเติบโตอย่างต่อเนื่องโดยได้ประกาศอย่างเป็นทางการ กับพาร์ทเนอร์ชิพทางธุรกิจรายใหม่ล่าสุด คือ 3 K แบตเตอรี่จากประเทศไทยอย่างเป็นทางการ

3 K แบตเตอรี่จะเข้ามาสนับสนุนการทำงานของสโมสร ซึ่งมีบริษัทแม่ตั้งอยู่ในประเทศไทย ก่อตั้งเมื่อปี 1986 (พ.ศ.2529) เป็นบริษัทชั้นนำในการผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ที่ส่งออกแบตเตอรี่ใหญ่ที่สุด โดยส่งออกไปถึง 70 ประเทศและมีศักยภาพสูงเพราะอยู่ในตลาดหุ้นไทยด้วย

เอียน อายร์ กรรมการผู้จัดการกล่าวว่า “ เรากำลังเดินหน้าสู่ความสำเร็จก้าวต่อไปอีกครั้ง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าสโมสรแห่งนี้มีค่าทางการตลาดไปทั่วโลกอย่างแท้จริง”

“ 3 K แบตเตอรี่เป็นบริษัทที่ก้าวหน้าเร็วมาก เหมือนกับทุกบริษัทที่เราเซ็นสัญญาด้วย เราใช้เวลาในการสร้างความสัมพันธ์กับบริษัทนี้พอสมควรและเราจะได้ประชา สัมพันธ์สโมสร
ให้กว้างไกลยิ่งขึ้น”

วีระวัฒน์ ขอไพบูลย์ รองประธานอาวุโสบริษัท 3 k กล่าวว่า “ เราตื่นเต้นมากที่ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของสโมสรลิเวอร์พูลได้สำเร็จ สโมสรแห่งนี้เป็นที่ชื่นชอบมาก มีประวัติศาสตร์ยาวนานและมีฐานแฟนบอลที่ยอดเยี่ยมไปทั่วโลก โดยเฉพาะในเอเชีย อาคเนย์”

“เราเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าการได้เป็น พาร์ทเนอร์ชิพกับลิเวอร์พูล จะมีส่วนช่วยเหลือให้ทีมประสบความสำเร็จและแคมเปนจ์นี้เป็นมีค่ามาก สำหรับแฟนฟุตบอลชาวไทยและผู้ใช้แบตเตอรี่ 3 ทั้งในอังกฤษและในประเทศไทย”

วันอาทิตย์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2555

หงษ์แดงสอยผีแดงลงหลุม 2-1 ลิ่วรอบ 5 เอฟเอ คัพ


เอฟเอ คัพ อังกฤษ รอบ 4
ลิเวอร์พูล 2:1 แมนฯ ยูไนเต็ด
"หงส์แดง" ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟิลด์รับการมาเยือนของ "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ครึ่งแรกเปิดฉากมา 3 นาทีเป็นหงส์แดงที่ได้ลุ้นก่อนจากจังหวะที่มักซี่ โรดริเกซ ได้จังหวะซัดด้วยขวาจากหน้ากรอบโทษแต่ดาบิด เด เคอา ยังทิ้งตัวปัดออกไปได้ทัน

นาทีที่ 8 เป็นโอกาสของแมนฯยูไนเต็ดจากจังหวะที่ อันโตนิโอ วาเลนเซีย เปิดบอลจากฝั่งขวาเข้ากลางให้ พาร์ค ชี-ซอง แตะบอลคืนกลับมาให้ ไรอัน กิ๊กส์ ซัดด้วยซ้ายแต่บอลตรงตัว โฆเซ่ เรน่า เซฟไว้ได้

นาที 17 ปีศาจแดงได้ลุ้นอีกเมื่ออันโตนิโอ วาเลนเซีย พาบอลมาจากริมเส้นฝั่งขวาตัดเข้ากลางแล้วแหวกผ่าน มักซี่ โรดริเกซ เข้าไปในกรอบโทษก่อนซัดด้วยขวาบอลพุ่งหนีมือ โฆเซ่ เรน่า ไปชนเสาไกลกระดอนออกมาอย่างน่าเสียดาย

นาที 21 เป็นหงส์แดงที่ออกนำ 1-0 จากจังหวะเตะมุมฝั่งซ้าย สตีเว่น เจอร์ราร์ด เปิดบอลเข้าไปหน้าประตู ดาบิด เด เคอา พยายามออกไปตัดบอลแต่พลาด ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์ ขึ้นโขกโล่งๆตุงตาข่าย

นาที 39 ปีศาจแดงตามตีเสมอ 1-1 จากจังหวะที่ ราฟาเอล ปั๊มบอลแย่งกับโฆเซ่ เอ็นริเก้ ทางริมเส้นฝั่งขวาแล้วตามไปเปิดบอลจากเกือบสุดเส้นหลังเข้าไปหน้าประตู พาร์ค ชี-ซอง โฉบเข้าวอลเลย์ด้วยเท้าขวาแบบไม่ต้องจับบอลพุ่งเสียบเสาแรกตุงตาข่ายอย่าง เฉียบขาด

จากนั้นต่างผลัดกันเปิดเกมใส่กันอย่างสูสีแต่ไม่มีประตูเพิ่มทำให้หมดครึ่งแรกเสมอกัน 1-1

ครึ่ง หลังนาที 55 ดาบิด เด เคอา เปิดบอลพลาดโดนสจ๊วร์ต ดาวนิ่ง ตัดได้ในกรอบฝั่งขวาก่อนที่ดาวนิ่งจะหาจังหวะพาบอลหนีปาทริซ เอวร่า แล้วเปิดยัดเข้าไปหน้าประตูแต่จอนนี่ อีแวนส์ ช่วยเคลียร์ออกมาได้ทัน

นาที 58 เป็นโอกาสของผีแดงเมื่อไมเคิ่ล คาร์ริค เปิดบอลยาวให้แดนนี่ เวลเบ็ค หลุดเข้าไปแตะหนี โฆเซ่ เรน่า ที่ออกมาตัดบอลนอกกรอบโทษไปได้แล้วแต่มาร์ติน สเคอร์เทล มาช่วยซ้อนสกัดออกไปได้ทัน

นาที 64 ดาบิด เด เคอา นายด่านผีแดงเล่นพลาดอีกเมื่ออกไปรับลูกเปิดจากฝั่งซ้ายเลยไปเสาไกลแต่นาย ด่านผีแดงกลับรับหลุดมือง่ายๆดีที่บอลออกหลังไป

นาที 66 หงส์แดงได้ฟรีคิกหน้ากรอบเยื้องทางซ้ายราว 25 หลาสตีเว่น เจอร์ราร์ด ซัดด้วยขวาบอลหลุดกำแพงพุ่งไปเสาแรกแต่ ดาบิด เด เคอา บินรับติดมือหนึบ

นาทีต่อมาเป็นโอกาสของผีแดงเมื่อไมเคิ่ล คาร์ริค ได้บอลหน้ากรอบแล้วแต่งเข้ามาซัดด้วยซ้ายโล่งๆแต่บอลหลุดกรอบออกหลังไป

นาที 79 เป็นโอกาสของผีแดงจากฟรีคิกทางฝั่งขวา ไรอัน กิ๊กส์ เปิดโค้งเข้าไปหน้าประตูแดนนี่ เวลเบ็ค โหม่งเช็ดที่เสาแรกแต่ติดกองหลังเจ้าถิ่นกระดอนออกมา ไมเคิ่ล คาร์ริค ตามซ้ำตรงหัวกระโหลกพร้อมกับชาร์ลี อดัมเข้าสกัดเลยโดนไม่ดีบอลหลุดกรอบโทษออกหลังไป

นาที 85 ผีแดงวางบอลยาวจากดนตัวเองไปจนถึงหน้ากรอบโทษหงส์แดง ฮาเวียร์ เฮร์นานเดซ สปีดเข้าไปจะเล่นบอลแต่โฆเซ่ เรน่า ออกมาไวโหม่งสกัดออกมาได้

นาที 88 หงส์แดงออกนำ 2-1 เมื่อโฆเซ่ เรน่า เปิดบอลยาวขึ้นไปแดนทีมเยือนแอนดี้ แคร์โรลล์ โหม่งเช็ดให้เดิร์ค เค้าท์ สปีดหนีปาทริซ เอวร่า ที่ยืนเหม่อไม่ยอมประกบเข้าไปซัดด้วยขวาในกรอบฝั่งขวาบอลพุ่งผ่านดาบิด เด เคอา ตุงตาข่าย
นาทีต่อมาเจ้าถิ่นน่าได้เพิ่มเมื่อสจ๊วร์ต ดาวนิ่ง เปิดบอลจากฝั่งซ้ายลึกไปเสาไกลแอนดี้ แคร์โรลล์ โหม่งเหน่งๆแต่บอลชนคานกระดอนออกมาเดิร์ค เค้าท์ตามซ้ำด้วยขวาแต่บอลหลุดเสาแรกออกหลังไปทำให้จบเกมลิเวอร์พูล เอาชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด 2-1 ลบแค้นที่เคยแพ้รอบ 3 ถ้วยนี้ปีที่แล้วได้สำเร็จพร้อมตีตั๋วเข้ารอบ 5 ต่อไป

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
ลิเวอร์พูล :
โฆ เซ่ เรน่า,โฆเซ่ เอ็นริเก้,เจมี่ คาร์ราเกอร์,ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์,มาร์ติน สเคอร์เทล,มาร์ติน เคลลี่,มักซี่ โรดริเกซ,จอร์แดน เฮนเดอร์สัน,สตีเว่น เจอร์ราร์ด,สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง,แอนดี้ แคร์โรลล์

แมนฯ ยูไนเต็ด : ดาบิด เด เคอา,ราฟาเอล ดา ซิลวา,จอนนี่ อีแวนส์,คริส สมอลลิ่ง,ปาทริซ เอวร่า,ไมเคิ่ล คาร์ริค,พาร์ค ชี-ซอง,พอล สโคลส์,อันโตนิโอ วาเลนเซีย,ไรอัน กิ๊กส์,แดนนี่ เวลเบ็ค
สรุปผลฟุตบอลเอฟเอ คัพ อังกฤษ รอบ 4
- ควีนปาร์ค 0:1 เชลซี
- ลิเวอร์พูล 2:1 แมนฯ ยูไนเต็ด
- แบล็คพูล 1:1 เชฟฯ เว้นส์เดย์
- โบลตัน 2:1 สวอนซี
- ดาร์บี้ 0:2 สโต๊ค
- ฮัลล์ ซิตี้ 0 :1 ครอว์ลี่ย์
- เลสเตอร์ 2:0 สวินดอน
- มิลล์วอลล์ 1:1 เซาแธมป์ตัน
- สตีฟเนจ 1:0 น็อตต์ เคาน์ตี้
- เวสต์บรอมฯ 1:2 นอริช
- เชฟฯ ยูไนเต็ด 0:4 เบอร์มิงแฮม
- ไบรท์ตัน 1:0 นิวคาสเซิ่ล

วันพฤหัสบดีที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2555

เบลลามี่จัดให้ ยิงเจ๊าแมน ซิตี้ 2-2 พาหงส์แดงเข้าชิงชนะเลิศถ้วยคาร์ลิ่ง คัพ


คาร์ลิ่ง คัพ รอบรองชนะเลิศ นัดสอง
ลิเวอร์พูล 2:2 แมนฯ ซิตี้

"หงส์แดง" ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟิลด์รับการมาเยือนของ "เรือใบสีฟ้า" แมนฯ ซิตี้


เปิดฉากมา 3 นาที ลิเวอร์พูลเกือบได้เฮจากจังหวะที่ สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง เปิดบอลเข้าไปหน้าประตู สเตฟาน ซาวิช สกัดพลาดบอลมาเข้าทาง โฆเซ่ เอ็นริเก้ ยิงจ่อๆ ติดเซฟ โจ ฮาร์ท มาเข้าทาง ดาวนิ่งซ้ำอีกทีไม่เข้ากรอบ


นาที 11 เจ้าถิ่นได้ลุ้นอีกจากจังหวะที่ ชาร์ลี อดัม ได้ส่องไกลจากระยะ 25 หลาแต่โจ ฮาร์ท ยังเซฟไว้ได้
   
นาที 20 หงส์แดงได้ลุ้นอีกเมื่อ เคร็ก เบลลามี่ ได้บอลหน้าเขตโทษล็อกหลบ สเตฟาน ซาวิช ก่อนหลุดไปซัดด้วยขวา แต่ โจ ฮาร์ท ยังไม่พลาดปัดทิ้งไปได้


นาที 24 เหล่าเดอะ ค็อปต้องเฮเก้อเมื่อเคร็ก เบลลามี่ หลุดเข้าไปซัดด้วยขวาเสียบตาข่ายแต่ผู้ตัดสินให้เป็นลูกล้ำหน้าไปก่อน


นาที 31 เป็นเรือใบที่ออกนำ 1-0 จากจังหวะที่ ดาบิด ซิลบา ไหลบอลให้ ไนเจล เด ยองก์ ซัดด้วยขวาบอลโค้งเสียบสามเหลี่ยมสุดสวย


นาที 40 หงส์แดงมาได้จุดโทษจากจังหวะที่ แดเนียล แอ็กเกอร์ ได้ซัดด้วยซ้ายในเขตโทษบอลโดนแขน ไมกาห์ ริชาร์ดส์ ผู้ตัดสิน ฟิล ดาวด์ เป่าเป็นจุดโทษทันที และ สตีเว่น เจอร์ราร์ด รับหน้าที่สังหารไม่พลาดำาหงส์แดงตีเสมอ 1-1 และหมดครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้


ครึ่ง หลังเริ่มไป 3 นาทีหงส์แดงได้ลุ้นจากจังหวะที่ เดิร์ค เค้าท์ ได้กดด้วยขวาเต็มข้อตรงกรอบเขตโทษ แต่ยังเป็น ฮาร์ท ที่ยังป้องกันไว้ได้


นาที 53 ยังเป็นโอกาสของเจ้าถิ่นจากจังหวะชุลมุนอยู่หน้าประตูก่อนบอลมาเข้าทาง เดิร์ค เค้าท์ ได้จิ่มจ่อๆแต่ โจ ฮาร์ท ยังปัดไว้ได้อยบ่างยอดเยี่ยม


นาที 67 แมนฯ ซิตี้ ได้ประตูขึ้นนำ 2-1 เมื่อ อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ กระชากบอลขึ้นไปทางฝั่งซ้ายแล้วเปิดเข้ามาหน้าประตู เอดิน เชโก้ วิ่งชาร์จจ่อๆตุงตาข่าย


นาที 74 หงส์แดงตามตีเสมอ 2-2 จากจังหวะที่เดิร์ค เค้าท์ ชิ่งบอลจังหวะเดียวให้ เคร็ก เบลลามี่ ล้มตัวซัดด้วยซ้ายในเขตโทษบอลพุ่งผ่านมือโจ ฮาร์ท ตุงตาข่ายอย่างเฉียบขาด


จาก นั้นทั้งสองทีมยังเปิดเกมแลกกันสนุกแต่ไม่มีประตูเพิ่มทำให้จบเกมเกมเสมอกัน 2-2 รวมผลสองนัด ลิเวอร์พูล ชนะ 3-2 ผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศถ้วยคาร์ลิ่ง คัพ กับ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ ที่เวมบลีย์ในวันที่ 26 ก.พ.


รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
ลิเวอร์พูล :
โฆเซ่ เรน่า, เกล็น จอห์นสัน, แดเนียล แอ็กเกอร์, มาร์ติน สเคอร์เทล, โฆเซ่ เอ็นริเก้, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ชาร์ลี อดัม, สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง, สตีเว่น เจอร์ราร์ด,เคร็ก เบลลามี่,เดิร์ค เค้าท์



แมนฯ ซิตี้ : โจ ฮาร์ท , ไมกาห์ ริชาร์ดส์, โจลีออน เลสค็อตต์, สเตฟาน ซาวิช, อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ, ปาโบล ซาบาเลต้า, ไนเจล เด ยองก์, แกเร็ธ แบร์รี่, ซามีร์ นาสรี่, ดาบิด ซิลบา,เอดิน เชโก้




วันจันทร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2555

หงส์แดงหมดท่าบุกพ่ายโบลตัน 3-1


พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
วันเสาร์ที่ 21 มกราคม 2555

 โบลตัน 3 - ลิเวอร์พูล 1

สนาม : รีบ็อค สเตเดี้ยม
ผู้ชม : 26,854 คน


        โบลตันยังวางใจนักเตะชุดเดิมทุกรายจากนัดที่บุกไปแพ้แมนฯ ยูไนเต็ด 3-0 ทำให้ดาวิด เอ็นก๊อกกองหน้าเฟรนช์แมนได้ดวลกับทีมเก่าเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ย้ายออกมา เมื่อเดือนส.ค.

        ส่วนลิเวอร์พูลที่ล่าสุดทำได้แค่เสมอกับ สโต๊คที่แอนฟิลด์ 0-0 หวนกลับมาใช้งานแอนดี้ แคร์โรลล์กับเคร็ก เบลลามี่เป็นตัวจริงแทนสจ๊วร์ต ดาวนิ่งกับเดิร์ก เคาท์

        พร้อมกันนี้ก็มีการปรับให้ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์และมักซี่ โรดริเกซลงบู๊ก่อนหน้าเจมี่ คาร์ราเกอร์และเซบาสเตียน โคอาเตสเช่นกัน

        เขี่ย บอลได้แค่ 4 นาที แฟนบอลเดอะ ทร็อตเตอร์สก็ได้กระโดดกันตัวลอยเมื่อโบลตันต่อเกมกันขึ้นมาดีแล้วมาร์ค เดวิสรับลูกผ่านจากหน้าเขตโทษของเอ็นก๊อกกระชากหนีกลุ่มแผงหลังหงส์แดงเข้า ไปส่องยิงระยะ 16 หลาเสียบมุมผ่านมือของโฆเซ่ เรน่าได้ เจ้าถิ่นจึงนำเร็ว 1-0

        ถัดจากนั้นในนาทีที่ 8 ลิเวอร์พูลก็น่าจะโดนดีอีกเมื่อโฆเซ่ เอ็นริเก้แบ็คซ้ายครองบอลในแดนตัวเองนาน เลยโดนคริส อีเกิ้ลส์แย่งไปกระชากเข้าถึงสุดเส้นหลังแล้วยิงดีดด้วยหัวเกือก แต่บอลกลิ้งถากหน้าปากประตูออกไปอย่างน่าเสียวไส้

        ล่วงมาถึงนาทีที่ 18 หงส์แดงก็มีลุ้นจากลูกยิงไกลของจอร์แดน เฮนเดอร์สัน แต่อดัม บ๊อกดานล้มตัวรับเข้าอกได้

        ถัด มาอีกห้านาที  สตีเว่น เจอร์ราร์ดอาศัยการวางยาวจากแดนกลางลึกเข้าเขตโทษให้แคร์โรลล์โขกจาก 14 หลา แต่บ๊อกดานยังเซฟได้ และเป็นจังหวะที่หอกร่างยักษ์ของอาคันตุกะล้ำหน้าไปก่อนแล้ว

        แม้ เกมจะเริ่มดีขึ้น แต่นาทีที่ 29 หงส์แดงก็ปีกหักอีกเมื่อโบลตันผ่านบอลขึ้นมาเป็นทอดๆจากกราบขวาแล้วจบที่อี เกิ้ลส์ชิพจากเส้น 18 หลาเข้าไปอย่างมีน้ำหนักให้ไนเจล รีโอ โคเกอร์พักอกก่อนซัดระยะหกหลาไม่เหลือเป็นสกอร์นำ 2-0 ของเจ้าบ้าน

        ลิ เวอร์พูลยังไม่ย่อท้อ พยายามโหมบุกต่อ และนาทีที่ 35 แคร์โรลล์ก็ลงต่ำไปสาดบอลยาวจากแดนกลางให้เบลลามี่กระทุ้งจากหน้าเขตโทษด้าน ขวา แต่ไม่เหนือบ่ากว่าแรงสำหรับบ๊อกดาน

        กระนั้นก็ดี อีกสองนาทีต่อมา แผงหลังเดอะ ทร็อตเตอร์ยังดันกันขึ้นสูงโดยไม่เข็ดหลาบ และพลาดจนได้เมื่อคราวนี้แคร์โรลล์โขกชงลูกโด่งแถวกลางสนามให้เบลลามี่อาศัย สปีดที่เหนือกว่าแซ็ต ไนท์เห็นๆควบแซงเข้าเขตโทษไปซัดระยะ 16 หลาถูกบ็อกดานออกมาบล็อคได้ แต่บอลยังทะลักเข้าประตูให้เร้ด แมชีนไล่มา 1-2

        ช่วง ท้ายเกมตกเป็นของลิเวอร์พูล และในช่วงทดเวลาเจ็บ เจอร์ราร์ดก็ตามไปเก็บลูกชิพในกรอบเขตโทษด้านซ้ายได้แล้วซัดยัดใส่เสาแรกถูก บ็อกดานปัดทิ้งได้สำเร็จ

        จากนั้นก็เป็นโอกาสของเจ้าบ้านได้ ลุ้นบ้างเมื่อเอ็นก๊อกพาบอลบุกขึ้นมาถึงหน้าเขตโทษแล้วโดนแอ็กเกอร์แหย่ขา ดักล้มโดยมีชาร์ลี อดัมเข้าอัดจากด้านหลังอีกแรง จึงเป็นลูกฟรีคิกระยะ 23 หลาของเดอะ ทร็อตเตอร์ส และมาร์ติน เปตรอฟวิ่งเข้าปั่นได้สวย แต่เรน่ากระโจนไปปัดได้เยี่ยม ครบ 45 นาทีแรกโบลตันยังนำ 2-1

        ครึ่ง หลังหงส์แดงเริ่มต้นได้ดูดี แต่นาทีที่ 50 ก็เสียลูกเตะมุมด้านซ้าย เปตรอฟจึงโยนไปเสาไกลแล้วเดวิด วีเทอร์โขกตั้งกลับมาให้เกรตาร์ สไตน์สสันวอลเลย์ระยะ  12 หลาเสียบมุมสุดสวยพาโบลตันนำอีกเป็น 3-1

        เกม ดำเนินมาถึงนาทีที่ 63 เอ็นริเก้ก็โดนจดชื่อจากการทำฟาวล์อีเกิ้ลส์ก่อนที่ลิเวอร์พูลจะถอดอดัมกับ มักซี่ออกในอีกสองนาทีให้หลังโดยมีเคาท์กับดาวนิ่งได้ลงไปแทน

        นาทีที่ 71 แอ็กเกอร์กองหลังทีมเยือนลากบอลขึ้นมาตะบันเองจากหน้าเขตโทษ แต่บอลพุ่งเช็ดคานกระดอนออกหลังอย่างน่าเสียดาย

        ถึงนาทีที่ 78 เบลลามี่ลองพาบอลลุยจากแดนกลางขึ้นมาส่องจาก 25 หลาบ้าง แต่บ็อกดานล้มตัวตะปบได้สำเร็จ

        ช่วงที่เหลือ เกมของหงส์แดงตื้อลงไป กลับเป็นโบลตันที่บุกขึ้นมาสร้างความหวาดเสียวได้มากกว่า

        กระทั่ง นาทีที่ 88 เจ้าถิ่นก็ปล่อยเควิน  เดวิสลงไปแทนเอ็นก๊อก ก่อนจะมีตุนกาย ซานลี่ถูกส่งลงไปแทนอีเกิ้ลส์อีกรายในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ จบเกมโบลตันจึงทำเซอร์ไพรซ์ล้มลิเวอร์พูลได้อย่างขาดลอย 3-1


รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม
โบลตัน : อดัม บ็อกดาน, เกรตาร์ สไตน์สสัน, เดวิด วีเทอร์, แซต ไนท์, ซามูเอล ริคเก็ตต์ส, คริส อีเกิลส์ (ตุนกาย ซานลี่ น.90), ไนเจล รีโอ-โคเกอร์, ฟาบริซ มูอัมบา, มาร์ค เดวิส, มาร์ติน เปตรอฟ, ดาวิด เอ็นก็อก (เควิน เดวิส น.88)
สำรองไม่ได้ใช้ : เจย์ ลินช์, ดาร์เรน แพรตลี่ย์, เดดริค โบยาต้า, ไมเคิ่ล โอฮัลโลแรน, โจ ไรลี่ย์

ลิเวอร์พูล : โฆเซ่ เรน่า, เกล็น จอห์นสัน, มาร์ติน สเคอร์เทล, ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์, โฆเซ่ เอ็นริเก้, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, ชาร์ลี อดัม (เดิร์ค เค้าท์ น.64), มักซี่ โรดริเกซ (สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง น.64), เคร็ก เบลลามี่, แอนดี้ แคร์โรลล์
สำรองไม่ได้ใช้ : อเล็กซานเดอร์ โดนี่, เซบาสเตียน โกอาเตส, เจมี่ คาร์ราเกอร์, จอนโจ เชลวี่ย์, มาร์ติน เคลลี่
ใบเหลือง : โฆเซ่ เอ็นริเก้

ผู้ตัดสิน : เควิน เฟรนด์

ชมคลิป

วันพฤหัสบดีที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2555

ดัลกลิช และเหล่าอดีตแข้งหงส์แดงร่วมไว้อาลัยการจากไปของ"แกรี่ แอ็บเล็ตต์"


เคนนี่ ดัลกลิช ผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล และ เดวิด มอยส์ กุนซือ เอฟเวอร์ตัน ต่างเดินทางมาร่วมอำลาอาลัย แกรี่ แอ็บเล็ตต์ ตำนานกองหลังผู้ล่วงลับของสองทีมดังร่วมถิ่น เมอร์ซี่ย์ไซด์ เป็นครั้งสุดท้าย ร่วมกับเหล่าบรรดาแฟนบอล ตลอดจนญาติสนิทมิตรสหายของผู้ล่วงลับอีกมากกว่า 1,000 คนเลยทีเดียว ในพิธีศพ เมื่อวันอังคารที่ 17 ม.ค.ที่ผ่านมา

        แอ็บเล็ตต์ เสียชีวิตลงในวัยเพียง 46 ปี ด้วยโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง หลังจากที่ป่วยมานานกว่า 16 เดือน เมื่อวันอาทิตย์ที่ 1 ม.ค.ที่ผ่านมา โดย แจ็กเกอลีน ภรรยา พร้อมด้วยลูกชาย 4 คน ได้แก่ รีซ, ไรลี่ย์, จอช และ เฟรเซอร์ กับลูกสาว 1 คน ได้แก่ สการ์เล็ต ต่างมาร่วมพิธีส่งสามี และบิดาของตนเองสู่สรวงสวรรค์กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ณ โบสถ์แองกลิกัน ในเมืองลิเวอร์พูล ขณะที่ เฟรเซอร์ ยังรับหน้าที่เป็นหนึ่งในผู้หามหีบศพอีกด้วย

        สำหรับอดีตเพื่อนร่วมทีม "หงส์แดง" ของ แอ็บเล็ตต์ ที่มาร่วมงานในครั้งนี้ ยังประกอบไปด้วย อลัน แฮนเซ่น กับ มาร์ค ลอว์เรนสัน ที่ต่างก็เป็นพิธีกรรายการฟุตบอลชื่อดัง "แมตช์ ออฟ เดอะ เดย์" (Match of the Day) อยู่ในปัจจุบัน เช่นเดียวกับกองทัพนักเตะชุดใหญ่ของ ลิเวอร์พูล กับ เอฟเวอร์ตัน ที่ยกทีมกันมาเข้าโบสถ์โดยผ่านทางประตูทางเข้าที่แยกเอาไว้ต่างหาก ส่วนแฟนบอลของทั้งสองทีมที่มาร่วมไว้อาลัยต่างก็สวมผ้าพันคอของสโมสรกันโดย ถ้วนหน้า

        พิธีศพเริ่มต้นด้วยเพลงประจำถิ่น แอนฟิลด์ "ยู วิลล์ เนเวอร์ วอล์ค อะโลน" (You"ll Never Walk Alone) และปิดท้ายด้วย "เซด-คาร์ส" (Z-Cars) เพลงที่เปิดก่อนเกมโม่แข้งในสนาม กูดิสัน พาร์ค อยู่ทุกเกม โดยมีนักเตะหลายคนที่ส่งข้อความอำลาอาลัย แอ็บเล็ตต์ ผ่านทางหน้าเว็บไซต์ ทวิตเตอร์ เครือข่ายสังคมออนไลน์ ของตนเอง อาทิ ทิม เคฮิลล์ กองกลางตัวรุก และ ฟิล เนวิลล์ กัปตันทีม "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" ที่ต่างก็มาร่วมงานด้วยเช่นกัน

        นอกจากนี้ รอย คีน อดีตมิดฟิลด์กัปตันทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ ตำนานดาวยิง ลิเวอร์พูล ที่ปัจจุบันเป็นผู้เล่น-ผู้จัดการทีม เมืองทอง ยูไนเต็ด ยักษ์ใหญ่ในศึกไทย พรีเมียร์ลีก ก็มาร่วมอาลัย แอ็บเล็ตต์ ในพิธีศพครั้งนี้ด้วย

        อดีตเซนเตอร์ฮาล์ฟ และแบ็กซ้ายตัวเก่ง ลงเตะให้กับ "เร้ด แมชีน" 147 นัด (1985–1992) พร้อมกับคว้าแชมป์ลีกสูงสุดเมืองผู้ดี 2 สมัย (1987–88, 1989–90) และ เอฟเอ คัพ 1 สมัย (1988–89) ก่อนที่จะย้ายไปร่วมทีม เอฟเวอร์ตัน คู่ปรับร่วมถิ่น เมอร์ซี่ย์ไซด์ ในปี 1992 และคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ กับ "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" ได้อีก 1 สมัย (1994–95)

        ทั้งนี้ พิธีศพจะปิดท้ายด้วยการประกอบพิธีฌาปนกิจเป็นการส่วนตัว ซึ่งจะมีเพียงครอบครัว และเพื่อนสนิทเท่านั้นที่ร่วมกันส่งวิญญาณของ แอ็บเล็ตต์



วันอาทิตย์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2555

"หงส์แดง" จืดเปิดบ้านทำได้แค่เสมอ สโต๊ค 0-0(ชมคลิป)



 
ฟุตบอลพรีเมียร์ อังกฤษวันเสาร์ที่ 14 มกราคม 2554
ลิเวอร์พูล 0-0 สโต๊ค ซิตี้


สนาม : แอนฟิลด์


       ลิเวอร์พูลเปิดบ้านรับแข้งสโต๊ค ซิตี้ เกมนี้หงส์แดงวางเดิร์ค เค้าท์ เป็นหอกเป้า โดยมีสตีเว่น เจอร์ราร์ด กัปตันคนเก่งคอยสนับสนุน ส่วนเดอะ พ็อตเตอร์ส นำมาโดยคู่หอกปีเตอร์ เคร้าช์ อดีตเด็กหงส์ และ โจนาธาน วอลเตอร์ส


         ออกสตาร์ทเกมขึ้นมา หงส์แดงก็เดินหน้าบุกกดดันทันทีนาทีที่ 10 สตีเว่น เจอร์ราร์ดเปิดเตะมุมไปเสาไกล ชาร์ลี อดัมสอดเข้ามาชาร์จเผาขน แต่ส่งบอลหลุดกรอบออกไปอย่างน่าเสียดาย


         นาที 24 เป็นทีของทีมเยือนบ้าง ในจังหวะโต้กลับที่ แม็ทธิว เอเธอริงตัน กระชากขึ้นมาเอง ก่อนตัดสินใจส่องบริเวณหน้าเขตโทษด้านซ้าย แต่โฆเซ่ เรน่าเซฟได้ไม่ยาก


        จากนั้นนาที 33 สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง ปีกหงส์แดงลองส่องไกลระยะ 30 หลา ส่งบอลโด่งข้ามคานออกไปอีก ถัดมา 4 นาที จอร์แดน เฮนเดอร์สันก็เสี่ยงยิงไกลจากหน้ากรอบอีกราย แต่ก็ยังไม่หนีมือของโธมัส โซเรนเซ่น หมดครึ่งแรกเสมอสุดจืด 0-0


         ครึ่งหลังหงส์แดงแก้เกม โดยส่งแอนดี้ แคร์โรลล์ลงมาเสริมเกมรุกแทนดาวนิ่งในนาที 58 ก่อนที่จะได้ลุ้นทันทีในนาที 62 เจอร์ราร์ดไหลขึ้นหน้าทางซ้ายให้โฆเซ่ เอ็นริเก้เปิดย้อนเข้ามาในกรอบ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน วอลเล่ย์ทันที แต่บอลดันไปติดบล็อกแคร์โรลล์พวกเดียวกันเอง


         ต่อด้วย นาที 75 หงส์แดงร้องจะเอาจุดโทษ เกล็น จอห์นสันเปิดบอลยาวเข้าในไปกรอบหวังให้เดิร์ค เค้าท์เข้าชาร์จ แต่หอกดัตช์โดนโจนาธาน วู้ดเกต กระแทกทางด้านหลังล้มลง แต่ผู้ตัดสินไม่ว่าอะไร


         ถัดมา 2 นาที หงส์น่าได้ประตูอย่างยิ่ง โฆเซ่ เอ็นริเก้เปิดแฉลบวู้ดเกตมาเข้าทางเค้าท์ที่พุ่งโหม่ง ส่งบอลเฉี่ยวโคนเสาออกหลังไปอย่างน่าเสียดายสุดๆ  จากนั้นทำอะไรกันไม่ได้ หมดเวลา 90 นาที ลิเวอร์พูลเสมอสโต๊ค ซิตี้ แบบจืดชืด 0-0

รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม

 ลิเวอร์พูล : โฆเซ่ มานูเอล เรน่า, เกล็น จอห์นสัน, เซบาสเตียน กัวเตส, มาร์ติน สเคอร์เทล, โฆเซ่ เอ็นริเก้, เจมี่ คาร์ราเกอร์, ชาร์ลี อดัม, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง, เดิร์ค เค้าท์

 สำรอง : อเล็กซานเดอร์ โดนี่, ฟาบิโอ ออเรลิโอ, แอนดี้ แคร์โรลล์, จอนโจ เชลวี่ย์, มาร์ติน เคลลี่, จอน ฟลานาแกน, เคร็ก เบลลามี่

 สโต๊ค ซิตี้ : โธมัส โซเรนเซ่น, โจนาธาน วู้ดเกต, โรเบิร์ต ฮูธ, ไรอัน ชอว์ครอสส์, มาร์ค วิลสัน, รอรี่ ดีแล็ป, เกล็นน์ วีแลน, วิลสัน ปาลาซิออส, แม็ทธิว เอเธอริงตัน, ปีเตอร์ เคร้าช์, โจนาธาน วอลเตอร์ส

 สำรอง :  อัสเมียร์ เบโกวิช, เคนวิย์น โจนส์, ริคาร์โด้ ฟูลเลอร์, เจอร์เมน เพนแนนท์, ดีน ไวท์เฮด, แอนดี้ วิลกินสัน, คาเมร่อน เจอโรม

 ผู้ตัดสิน : ฮาวเวิร์ด เว็บบ์  

สรุปผลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ

แอสตัน วิลล่า เสมอ เอฟเวอร์ตัน 1-1
แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ชนะ ฟูแล่ม 3-1
เชลซี ชนะ ซันเดอร์แลนด์ 1-0
ลิเวอร์พูล เสมอ สโต๊ค ซิตี้ 0-0
แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ โบลตัน 3-0
สเปอร์ส เสมอ วูล์ฟแฮมป์ตัน 1-1
เวสต์บรอมวิช แพ้ นอริช ซิตี้ 1-2

ชมคลิป

วันพฤหัสบดีที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2555

พี่เจิด จัดให้อีกแล้วครับท่าน ซัดนำชัยหงส์แดงบุกชนะ แมนซิตี้ 1-0


คาร์ลิ่ง คัพ อังกฤษ
รอบรองชนะเลิศ นัดแรก

แมนฯ ซิตี้ 0:1 ลิเวอร์พูล
"เรือใบสีฟ้า" แมนฯ ซิตี้ เปิดเอติฮัด สเตเดี้ยม รับการมาเยือนของ "หงส์แดง"  ลิเวอร์พูล

เปิดฉากครึ่งแรกมา 4 นาทีลิเวอร์พูลได้ทักทายก่อนจากจังหวะที่ แอนดี้ แคร์โรลล์ หลุดไปยิงในเขตโทษ แต่ โจ ฮาร์ท ยังไม่พลาดเซฟไว้ได้

นาที 10 ยังเป็นโอกาสของทีมเยือนเมื่อ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ตะบันด้วยขวาจากระยะ 20 หลา แต่ โจ ฮาร์ท พุ่งปัดออกหลัง

นาที 11 หงส์แดงได้ลุ้นต่อเนื่องคราวนี้เป็นสตีเว่น เจอร์ราร์ด เปิดลูกเตะมุมบอลมาหน้าเขตโทษ สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง ยิงแฉลบกองหลังบอลเกือบเข้าประตู แต่ โจ ฮาร์ท พุ่งปัดออกหลัง

นาที 13 ลิเวอร์พูลขึ้นนำ 1-0 เมื่อ แดเนียล แอ็กเกอร์ พาบอลลุยเข้าไปในเขตโทษก่อนโดน สเตฟาน ซาวิช ยันที่หัวเข่าล้มไปผู้ตัดสินให้เป็นจุดโทษทันทีและ และเป็น สตีเว่น เจอร์ราร์ด สังหารไม่พลาด

นาที 35 ยังเป็นโอกาสของหงส์แดงเมื่อ มาร์ติน เคลลี่ เปิดบอลโค้งเข้าไปหน้าประตู  แอนดี้ แคร์โรลล์ โหม่งเน้นๆแต่บอลออกหลัง

นาที สุดท้ายเป็นโอกาสของแมนฯ ซิตี้จากจังหวะที่ ไมกาห์ ริชาร์ดส์ กระชากบอลไต่เส้นหลังก่อนหักกลับมาให้ เจมส์ มิลเนอร์ แปออกไปอย่างน่าเสียดายทำให้หมดครึ่งแรก ลิเวอร์พูล นำ 1-0

ครึ่ง หลังนาที 55 เรือใบได้ลุ้นจากจังหวะที่ มาร์ติน เคลลี่ จ่ายบอลคืนหลังพลาดไปเข้าทาง เซร์คิโอ อเกวโร่ แตะหลบ โฆเซ่ เรน่า ไปแล้วแต่ซัดข้ามคานออกไปอย่างน่าเสียดาย

นาที 64 ยังเป็นโอกาสของเจ้าถิ่นเมื่อ ซามีร์ นาสรี่ ที่ลงมาเป็นตัวสำรองเปิดบอลให้  เซร์คิโอ อเกวโร่ ซัดด้วยขวานอกเขต แต่บอลพุ่งตรงตัว โฆเซ่ เรน่า

นาที 70 ซิตี้ได้ลุ้นอีกคราวนี้เป็นซามีร์ นาสรี่ ได้ยิงจากนอกเขตโทษแต่บอลพุ่งข้ามคานออกหลังไป

ช่วง เวลาที่เหลือเจ้าถิ่นโหมเปิดเกมบุกหนักแต่ทวงประตูคืนไม่ได้ทำให้จบเกม แมนฯ ซิตี้ พ่าย ลิเวอร์พูล คาถิ่น 0-1 แต่ยังต้องลุ้นกันนัด 2 ที่แอนฟิลด์ 25 ม.ค.

รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
แมนฯ ซิตี้ :
โจ ฮาร์ท, ไมกาห์ ริชาร์ดส์, สเตฟาน ซาวิช, โจลีออน เลสค็อตต์, กาแอล กลิชี่,เจมส์ มิลเนอร์, ไนเจล เด ยองก์, แกเร็ธ แบร์รี่, เซร์คิโอ อเกวโร่, อดัม จอห์นสัน, มาริโอ บาโลเตลลี่

ลิเวอร์พูล : โฆเซ่ เรน่า , เกล็น จอห์นสัน, แดเนียล แอ็กเกอร์, มาร์ติน สเคอร์เทล, มาร์ติน เคลลี่,  สตีเว่น เจอร์ราร์ด, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง, เจย์ สเพียริง, เคร็ก เบลลามี่, แอนดี้ แคร์โรลล์

วันเสาร์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2555

"เจอร์ราร์ด" นำทัพหงส์แดงตบเด็ก 5-1 ลิ่วศึกเอฟเอคัพ


เอฟเอ คัพ รอบสาม
ลิเวอร์พูล 5:1 โอลด์แฮม

"หงส์แดง" ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟิลด์รับการมาเยือนของ โอลด์แฮม ทีมจากลีก วัน

ครึ่งแรกเปิดฉากมา 12 นาทีเป็นทีมเยือนที่ได้ทักทายก่อนเมื่อเชฟกี้ คูชี่ หลุดเข้าไปกดด้วยขวาแต่บอลเข้าข้างตาข่าย

นาที 26 เป็นโอกาสของหงส์แดงจากจังหวะฟรีคิกทางซ้าย เคร็ก เบลลามี่ เปิดเข้ากลางไปหน้าประตู เดิร์ค เค้าท์ ขึ้นโขกข้ามคานออกไป

นาที 28 เป็นทีมเยือนที่ขึ้นนำ 1-0 เมื่อเจมส์ เวโซลอฟสกี้ ดีดบอลมาให้ ร็อบบี้ ซิมพ์สัน พลิกตัวซัดดด้วยซ้ายบอลพุ่งผ่านมือโฆเซ่ เรน่าเสียบเสาแรกเข้าไปอย่างเฉียบขาด

นาที 30 หงส์แดงตามตีเสมอ 1-1 จากจังหวะที่ จอนโจ เชลวี่ย์ พลิกมายิงด้วยซ้ายบอลพุ่งไปแฉลบ เคร็ก เบลลามี่ เปลี่ยนทางเข้าเสาแรกไป

นาที 33 เป็นโอกาสของเจ้าถิ่นจากจังหวะชุลมุนบอลมาเข้าทาง มักซี่ โรดริเกซ ตะบันเต็มๆแต่ อเล็กซ์ ซิซัค นายด่านทีมเยือนยังเซฟเอาไว้ได้

นาที 39 ยังเป็นหงส์แดงที่ได้ลุ้นเมื่ออเล็กซ์ ซิซัค เตะเปิดเกมพลาดไปโดนมักซี่ โรดริเกซ บอลลอยมาหน้าประตู เคร็ก เบลลามี่ ตามโหม่งเหน่งๆแต่ซิซัค ยังแก้ตัวกลับมารับบอลได้ทัน

นาทีสุดท้ายครึ่งแรกลิเวอร์พูลแซงนำ 2-1 เมื่อ ทอม อเดเยมี่ ไปเอัด มักซี่ โรดริเกซ จากด้านหลังร่วงในเขตโทษกรรมการเป่าเป็นจุดโทษทันทีและเป็น สตีเว่น เจอร์ราร์ด รับหน้าที่สังหารไม่พลาดและหมดครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้

ครึ่ง หลังเป็นหงส์แดงที่ครองเกมบุกอย่างต่อเนื่องแต่มาได้ลุ้นแบบจะๆต้องรอถึง นาที 57 เมื่อ สตีเว่น เจอร์ราร์ด เปิดมุมเข้าเขตโทษ มาร์ติน เคลลี่ ขึ้นโขกเหน่งๆแต่ อเล็กซ์ ชีแซค ยังเซฟไว้ได้

นาที 62 เป็นโอกาสของโอลด์แฮมเมื่อ ทอม อเดเยมี่ ได้ซัดเต้มๆตรงกรอบเขตโทษแต่บอลเหินข้ามคานออกไป

นาที 68 หงส์แดงขยับหนีเป็น 3-1 จากจังหวะที่เดิร์ก เค้าท์ ไหลบอลให้ เคร็ก เบลลามี่ หลุดเข้าไปในเขตโทษด้านขวาก่อนเปิดเข้ากลาง จอนโจ เชลวี่ย์ วอลเลย์ด้วยขวาตุงตาข่าย

นาที 86 ยังเป็นโอกาสของหงส์แดงเมื่อ เดิร์ค เค้าท์ ได้ซัดด้วยขวาเต็มๆจากหน้ากรอบแต่บอลพุ่งเข้าข้างตาข่ายอย่างน่าเสียดาย

นาที 89 เจ้าถิ่นขำขาด 4-1 เมื่อ แอนดี้ แคร์โรลล์ ที่เพิ่งเปลี่ยนตัวลงมาได้จังหวะซัดตามน้ำด้วยซ้ายเต็มข้อกลางกรอบเขตโทษบอล พุ่งเสียบมุมเสาเข้าไปกองก้นตา

ช่วงทดเจ็บเจ้าถิ่นมาซัดปิดกล่อง เมื่อสตีเว่น เจอร์ราร์ด ซัดด้วยขวาในกรอบเขตโทษโดนอเล็กซ์ ซิซัค ปัดออกมาได้แต่ไม่พ้นอันตรายบอลมาเข้าทาง สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง ซ้ำด้วยซ้ายไม่เหลือซากทำให้จบเกม ลิเวอร์พูล เปิดบ้านเอาชนะ โอลด์แฮม ไปได้ 5-1 ตีตั๋วเข้าสู่รอบ 4 เอฟเอคัพ ได้เป็นทีมแรก

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
ลิเวอร์พูล :
โฆ เซ่ เรน่า, มาร์ติน เคลลี่, เจมี่ คาร์ราเกอร์, เซบาสเตียน โกอาเตส, ฟาบิโอ ออเรลิโอ, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, เจย์ สเพียริง, มักซี่ โรดริเกซ, จอนโจ เชลวี่ย์, เคร็ก เบลลามี่, เคิร์ค เค้าท์

โอลด์แฮม : อเล็ก ซ์ ซิซัค, คีแรน ลี, ฌอง อีฟส์ แอ็มโวโต้, ซานเดอร์ ไดมอนด์, คริส เทย์เลอร์, ทอม อเดเยมี่, เจมส์ เวโซลอฟสกี้, ดีน เฟอร์แมน, ลูก้า สคาปุซซี่, ร็อบบี้ ซิมพ์สัน, เชฟกี้ คูชี่

credit:sanook

วันพุธที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2555

หงส์หมดท่าเยือนแมนซิตี้พ่าย 3-0


พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
แมนฯ ซิตี้ 3:0 ลิเวอร์พูล 

"เรือใบสีฟ้า" แมนฯ ซิตี้ เปิดสนามเอติฮัด สเตเดี้ยม รับการมาเยือนของ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล
ครึ่งแรกเปิดฉากไป  7 นาทีเป็นหงส์แดงที่ได้ทักทายก่อนเมื่อ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน แทงบอลทะลุช่องให้ สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง หลุดเข้าไปกดด้วยซ้าย แต่ โจ ฮาร์ท ยังออกมาเซฟได้เยี่ยม

จากนั้นเแนโอกาสของเรือใบเมื่อ ดาบิด ซิลบา พาบอลทะลุมาทางซ้ายก่อนไหลให้ เอดิน เชโก้ แตะบอลหนี มาร์ติน สเคอร์เทล แล้วอัดด้วยซ้ายแต่ โฆเซ่ เรน่า ยังไม่พลาดเซฟไว้ได้

นาที 10 เป็นแมนฯ ซิตี้ที่ออกนำ 1-0 เมื่อเจมส์ มิลเนอร์ ตัดบอลได้จากเดิร์ค เค้าท์แล้วไหลต่อให้ให้ ดาบิด ซิลบา แทงต่อไปถึง เซร์คิโอ อเกวโร่ พลิกหาจังหวะซัดด้วยขวาบอลพุ่งผ่านมือ โฆเซ่ เรน่า ตุงตาข่าย

นาที 22 ยังเป็นโอกาสของเจ้าถิ่นเมื่อดาบิด ซิลบา จ่ายบอลจากฝั่งขวาให้ เอดิน เชโก้ ซัดด้วยซ้าย บอลไปแฉลบ เกล็น จอห์นสัน บอลค่อยๆ ไหลหลุดเสาออกไปนิดเดียว

2 นาทีต่อมาเป็นโอกาสของหงส์แดงเมื่อได้ฟรีคิกหน้ากรอบโทษ ชาร์ลี อดัม รับหน้าที่สังหารแต่โดน โจ ฮาร์ท พุ่งทุบบอลไว้ได้ก่อนที่กองหลังจะเคลียร์ทิ้งไปได้

นาที 32 เจ้าถิ่นมาขยับหนีเป็น 2-0 เมื่อ เจมส์ มิลเนอร์ เปิดลูกเตะมุมเข้าไปหน้าประตู แว็งซ็องต์ ก็องปานี โขกเหน่ง แต่ โฆเซ่ เรน่า ยังปัดทิ้งไปได้ทันและจากลูกเตะมุมอีกหนคราวนี้เป็น ดาบิด ซิลบา เปิดเข้ามาหน้าประตู ยาย่า ตูเร่ ขึ้นโขกตุงตาข่าย

จากนั้นเกมยังเป็นเจ้าถิ่นที่ทำได้ดีกว่าส่วนหงส์แดงมีโต้บ้างแต่ไม่เด็ดขาดทำให้หมดครึ่งแรกแมนฯ ซิตี้นำ 2--0

ครึ่งหลังลงมาเล่นกันต่อแมนฯ ซิตี้เน้นรับลึกทำให้แม้หงส์แดงจะครองเกมบุกได้มากขึ้นแต่ก็หาทางเจ้าะเข้าไปยิงไม่ได้

นาที 65 เป็นโอกาสของหงส์แดง เคร็ก เบลลามี่ ที่ลงมาเป็นตัวสำรองกระชากขึ้นมาทางซ้ายแล้วล็อกตัดเข้าในก่อนซัดไกลด้วยขวา แต่บอลหลุดออกหลังไป

นาที 72 แมนฯ ซิตี้มาเหลือ 10 คนจากจังหวะที่ แกเร็ธ แบร์รี่ ไปชนตัดเกมใส่ แดเนียล แอ็กเกอร์ ผู้ตัดสินแจกใบเหลืองที่สองเป็นใบแดงไล่ออกไป

แต่ 10 คนของเจ้าถิ่นกลับมาได้เม็ด 3 ในนาที 75 เมื่อ ยาย่า ตูเร่ หลุดเดี่ยวเข้าไปในกรอบแล้วโดนมาร์ติน สเคอร์เทล ที่วิ่งตามมาจากด้านหลังไปสกิดขาล้มล้ง อันเดร มาร์ริเนอร์ เป่าเป็นจุดโทษทันทีและเป็น เจมส์ มิลเนอร์ รับหน้าที่สังหารเข้าไปไม่พลาดให้แมนฯ ซิตี้นำขาด 3-0

ช่วงเวลาที่ เหลือเกมเริ่มเนือยลงอย่างเห็นได้ชัดทำให้แทบไม่มีจังหวะลุ้นแบบจะๆให้เห็น ทำให้จบเกม แมนฯ ซิตี้ ถล่ม ลิเวอร์พูล 3-0 เก็บสามแต้มนำจ่าฝูงต่อไปนำแมนฯ ยูไนเต็ดที่มีคิวเยือนนิวคาสเซิ่ลในคืนวันพุธอยู่ 3 แต้ม

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
แมนฯ ซิตี้ : โจ ฮาร์ท, ไมกาห์ ริชาร์ดส์, แว็งซ็องต์ ก็องปานี, โคโล ตูเร่, กาแอล กลิชี่, ยาย่า ตูเร่, แกเร็ธ แบร์รี่, เซร์คิโอ อเกวโร่, ดาบิด ซิลบา, เจมส์ มิลเนอร์, เอดิน เชโก้

ลิเวอร์พูล : โฆเซ่ เรน่า, เกล็น จอห์นสัน, แดเนียล แอ็กเกอร์, มาร์ติน สเคอร์เทล, โฆเซ่ เอ็นริเก้, ชาร์ลี อดัม, เดิร์ค เค้าท์, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, เจย์ สเพียริง, สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง, แอนดี้ แคร์โรลล์

สรุปผลฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
- สเปอร์ส 1:0 เวสต์บรอมวิช
- วีแกน 1:4 ซันเดอร์แลนด์
- แมนฯ ซิตี้ 3:0 ลิเวอร์พูล