วันพฤหัสบดีที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2556

หงส์แดงสุดต้านพ่ายผีแดง 2-1



ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
วันอาทิตย์ที่ 13 มกราคม 2556

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด  2   -   1 ลิเวอร์พูล


สนาม : โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด    ผู้ชม : 75,501  คน


         ศึก แดงเดือด "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดบ้านต้อนรับ อริตลอดกาล "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล โดยเจ้าถิ่นไร้ เวย์น รูนี่ย์ ที่มีอาการบาดเจ็บโดย โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ จะเป็นตัวหลักเหมือนเดิม ส่วน ลิเวอร์พูล จัดขุนพลชุดใหญ่ นำโดย หลุยส์ ซัวเรซ เช่นเคย

        เริ่มเกมมา10นาที ทั้งสองทีมจะเน้นดูเชิงสู้กันตรงแดนกลางสนาม แต่เป็น แมนฯยูฯ ได้ลุ้นก่อน เมื่อ แอชลี่ย์ ยัง ไหลบอลให้ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ วิ่งมายิงด้วยขวา แต่บอลติดแนวรับ ลิเวอร์พูล แฉลบมาเข้ามือ โฆเซ่ เรน่า รับสบาย



        หลัง เกมยื้อกันอยู่นาน ในที่สุดแฟนปีศาจแดง ก็ได้เฮกันลั่นในนาทีที่19 เมื่อ ทอม เคลฟเวอร์ลี่ย์ ไหลบอลออกทางฝั่งซ้ายของสนามให้ ปาทริซ เอวร่า เปิดเรียดเข้ากลางให้ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ วิ่งมากดยิงด้วยซ้ายแบบพอเหมาะพอเจาะ ส่งบอลตุงตาข่าย ให้ แมนฯยูฯ ขึ้นนำ 1-0

        นาทีที่26 ปีศาจแดง ได้เสียวอีกระลอก เมื่อ แอชลี่ย์ ยัง ดึงบอลหลบ เกล็น จอห์นสัน เข้ากลาง ก่อนแทงบอลให้ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ วิ่งมาแปด้วยเท้าซ้าย แต่คราวนี้บอลปลิ้นออกหลังไปเยอะ

        เข้าสู่นาทีที่33 โจ อัลเลน เกือบถวายพานให้กับเจ้าถิ่น หลังจ่ายบอลคืนหลังไม่ดี ถูก แดนนี่ เวลเบ็ค ฉกบอลไปได้ ก่อนพาบอลลากเข้าไปยิง แต่ยังดีที่ ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์ ตามมาสไลด์บล็อคได้ทัน

        3นาทีต่อมา ลิเวอร์พูล เพิ่งมีโอกาสได้ลุ้นจะๆครั้งแรก เมื่อ หลุยส์ ซัวเรซ เบียดกับ ริโอ เฟอร์ดินานด์ ก่อนหาโอกาสวอลเลย์ด้วยเท้าซ้ายได้ แต่บอลโด่งออกหลังไปเยอะ

        ก่อนหมดเวลาครึ่งแรก5นาที แมนฯยูฯ ได้ลุ้นอีกครั้ง เมื่อ แอชลี่ย์ ยัง เปิดบอลเข้าไปหน้าประตู บอลกระดอนมาถึง โจ อัลเลน พยายามโหม่งเคลียร์ แต่กลายเป็นการโหม่งตั้งให้ ทอม เคลฟเวอร์ลี่ย์ ได้วอลเล่ย์ เต็มข้อด้วยเท้าซ้าย บอลเฉียดเสาสองไปอย่างน่าหวาดเสียว

        ช่วงท้ายครึ่งแรก ทีมปีศาจแดง ยังทำได้ดีกว่า แล้วก็เกือบบวกประตูเพิ่ม ราฟาเอล ปาดบอลไปที่หน้าประตูให้ อาร์วีพี ไขว้ยิง บอลเรียดผ่าน เรน่า ไปแล้ว แต่ยังดีที่ มาร์ติน สเคอร์เทล ยังขวางบนเส้นได้ทัน

        ช่วง ทดเจ็บ ลิเวอร์พูล เสียใบเหลืองไปก่อน เมื่อ ลูคัส เลว่า ไปเสียบบอลหนักใส่ แอชลี่ย์ ยัง จึงรับไปคนแรก หมดครึ่งแรก แมนฯยูฯ จึงเปิดบ้านขึ้นนำ ลิเวอร์พูล อยู่ 1-0

        เริ่ม ครึ่งหลังมา เจ้าถิ่น แมนฯยูฯ ทำการเปลี่ยนตัว โดยส่ง อันโตนิโอ วาเลนเซีย ลงมาแทน แอชลี่ย์ ยัง ที่บาดเจ็บขณะที่ ลิเวอร์พูล เปลี่ยนเอา ลูคัส เลว่า ที่โดนใบเหลืองในครึ่งแรกออก แล้วเปลี่ยน ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ ลงมาแทน

        นาทีที่51 ลิเวอร์พูล ทิ้งโอกาสทองทำประตูไปอย่างน่าเสียดาย เมื่อ หลุยส์ ซัวเรซ แทงบอลให้ อันเดร วิสดอม หลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษ แต่ อันเดร วิสดอม ดันไปลื่นล้มเอง ในจังหวะเข้าด้ายเข้าเข็ม

        2นาที ต่อมา ลิเวอร์พูล เสียใบเหลืองอีกใบ เมื่อ มาร์ติน สเคอร์เทล ไปฟาวส์ แดนนี่ เวลเบ็ค ก่อนหลุดเข้ากรอบเขตโทษ จึงไม่รอดรับใบเหลือง



        และ จากจังหวะต่อเนื่อง เมื่อได้ลูกฟรีคิก เปิดโดย โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ เปิดบอลโค้งไปที่เสาสองให้ ปาทริซ เอวร่า กระโดดขึ้นโขก บอลสะกิดโดน เนมานย่า วิดิช นิดนึง แต่บอลก็ยังทิศทางเข้ากรอบ ข้ามเส้นตุงตาข่ายให้ ปีศาจแดง นำห่าง 2-0


        นาที ที่58 สาวกเดอะค็อป ได้เฮกันบ้าง เมื่อ แมนฯยูฯ จ่ายบอลเสียกันเอง ถูก ลิเวอร์พูล ฉกบอลไปได้ และ ราฮีม สเตอร์ลิง แตะบอลให้ สตีเว่น เจอร์ราร์ด กดยิงด้วยขวา ดาบิด เด เคอา พุ่งปัดปลายมือ แต่บอลไม่พ้นขีดอันตราย ถูก ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ ตามซ้ำจ่อๆไม่เหลือ ลิเวอร์พูล ไล่มา 1-2

        3นาทีต่อมา แมนฯยูฯ ได้ลุ้นทำประตูคืนบ้าง เมื่อได้ฟรีคิกระยะน่ารักน่าลุ้นกลางประตู ยิงโดย โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ บอลแฉลบกำแพง แต่ไม่แรงมาก บอลจึงเข้ามือ โฆเซ่ เรน่า รับไม่ยาก

        นาทีที่62 ลิเวอร์พูล เปลี่ยนตัวอีกครั้ง โดยส่ง ฟาบิโอ บอรินี่ ลงมาแทน ราฮีม สเตอร์ลิง ที่วันนี้โชว์ฟอร์มได้ไม่มาก

        นาทีต่อมา แมนฯยูฯ ได้จบสกอร์อีกครั้ง เมื่อ แดนนี่ เวลเบ็ค เลี้ยงบอลไปติด ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์ บอลกระดอนมาเข้าทาง ชินจิ คางาวะ วิ่งมาปั่นไซด์โป้งด้วยเท้าขวา บอลเกือบเสียบเสา แต่ โฆเซ่ เรน่า ยังเยี่ยมบินปัดได้ทัน

        นาทีที่70 ลิเวอร์พูล เกมเริ่มวูบวาบมากขึ้น แล้วก็ได้ลุ้นอีก เมื่อ หลุยส์ ซัวเรซ วางบอลให้ ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ พักบอลไปกดยิงมุมแคบ แต่บอลยังไม่เข้ากรอบ

        3นาที ต่อมา แมนฯยูฯ รับใบเหลืองไปบ้าง จากจังหวะ ปาทริซ เอวร่า ไปเข้าบอลใส่ สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง แม้เจ้าตัวจะอธิบายว่าไม่โดนตัวคู่กรณี แต่ ฮาวเวิร์ด เว็บบ์ ไม่สน ก่อนยืนยันแจกใบเหลืองเหมือนเดิม ก่อน ลิเวอร์พูล จะรับบ้าง เมื่อ เกล็น จอห์นสัน ไปเสียบด้านหลังใส่ ปาทริซ เอวร่า

        นาที ที่77 แมนฯยูฯ เปลี่ยนตัวอีกคน โดยส่ง ฟิล โจนส์ ลงมาแทน ชินจิ คางาวะ พร้อมกับเปลี่ยน คริส สมอลลิ่ง ลงแทน เนมานย่า วิดิช ส่วนหงส์แดงเปลี่ยนบ้าง ด้วยการส่ง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ลงมาแทน โจ อัลเลน



        นาทีที่85 ลิเวอร์พูล พลาดโอกาสทองตีเสมอ เมื่อ หลุยส์ ซัวเรซ พยายามพาบอลแหวกแนวรับ แมนฯยูฯ ก่อนบอลหลุดมาถึง ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ แต่ ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ ยิงข้ามคานออกหลังไปเอง อย่างน่าผิดหวัง

        ช่วงเวลาที่เหลือ ทั้งสองทีมทำประตูกันเพิ่มไม่ได้ หมดเวลาการแข่งขัน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จึงเปิดบ้านเฉือนหวิว   ลิเวอร์พูล ไปอย่างสนุก 2-1 ได้เฮเกมแดงเดือด เก็บสามคะแนนล้ำค่า พร้อมนำจ่าฝูง ต่อไป


รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม 

        แมนฯ ยูไนเต็ด : ดาบิด เด เคอา, ราฟาเอล ดา ซิลวา, ริโอ เฟอร์ดินานด์, เนมานย่า วิดิช (คริส สมอลลิ่ง น.79), ปาทริซ เอวร่า, ไมเคิ่ล แคร์ริค, ทอม เคลฟเวอร์ลี่ย์, ชินจิ คางาวะ (ฟิล โจนส์ น.77), แดนนี่ เวลเบ็ค, แอชลี่ย์ ยัง (อันโตนิโอ วาเลนเซีย น.46), โรบิน ฟาน เพอร์ซี่

        สำรองไม่ได้ใช้ : เบน อามอส, อันแดร์สัน, ไรอัน กิ๊กส์, ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ

        ใบเหลือง : ปาทริซ เอวร่า

        ลิเวอร์พูล : โฆเซ่ เรน่า, อันเดร วิสดอม, มาร์ติน สเคอร์เทล, ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์, เกล็น จอห์นสัน, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, โจ อัลเลน (จอร์แดน เฮนเดอร์สัน น.80), ลูคัส เลว่า (แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ น.46), สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง, ราฮีม สเตอร์ลิง (ฟาบิโอ บอรินี่ น.62), หลุยส์ ซัวเรซ

        สำรองไม่ได้ใช้ : แบร๊ด โจนส์, เจมี่ คาร์ราเกอร์, แจ็ค โรบินสัน, จอนโจ เชลวี่ย์

        ใบเหลือง : ลูคัส เลว่า, มาร์ติน สเคอร์เทล, เกล็น จอห์นสัน, ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์

        ผู้ตัดสิน : ฮาวเวิร์ด เว็บบ์
ข้อมูล:siamsport

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น