วันจันทร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

สมหวังในรอบ 6 ปี! หงส์แดงดวลโทษดับคาร์ดิฟฟ์ซิวคาร์ลิ่ง



                    ฟุตบอล คาร์ลิ่ง คัพ รอบชิงชนะเลิศ
                      วันอาทิตย์ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2555
                    ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีก) 1     -   1 คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ (แชมเปี้ยนชิพ)
                           (ต่อเวลาพิเศษเสมอ 2-2, ลิเวอร์พูลชนะจุดโทษ 3-2) 

สนาม : เวมบลีย์



     "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล เปิดศึกเดิมพันล่าแชมป์ในรอบ6ปี ในการลงสนามพบทีมจากลีกแชมเปี้ยนชิพ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ โดยเกมนี้ ลิเวอร์พูล ส่งขุนพลชุดใหญ่ นำทัพโดย สตีเว่น เจอร์ราร์ด ส่วนคู่กองหน้าส่ง หลุยส์ ซัวเรซ จับคู่ล่าตาข่ายกับ แอนดี้ แคร์โรลล์

     เริ่มเกมมาเพียง2นาที เป็นฝ่ายหงส์แดง ที่สตาร์ทเกมด้วยความร้อนแรงกว่า และเกือบได้ประตูนำ จากการพาบอลบุกขึ้นมาของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ก่อนผ่านบอลให้ สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง แปะบอลคืนกลับมาให้ เกล็น จอห์นสัน ปั่นด้วยเท้าขวา แต่บอลพุ่งไปชนคานเต็มๆ เจอร์ราร์ด ตามเข้ามาซ้ำ แต่ก็ข้ามคานไปอย่างหวุดหวิด
     นาทีที่10 เป็นฝ่าย คาร์ดิฟฟ์ ได้โต้กลับ และมีจังหวะจบด้วยการยิงด้วยเท้าซ้ายระยะ12หลาของ เคนนี่ มิลเลอร์ แต่บอลลอยโด่งข้ามคานไปเยอะ
     5นาทีต่อมา ลิเวอร์พูล ยังโหมเกมบุก และได้จบสกอร์อีกครั้ง จากการวางบอลเข้าไปในเขตโทษของ ชาร์ลี อดัม ให้ แอนดี้ แคร์โรลล์ กระโดดขึ้นโขก แต่บอลหลุดกรอบออกหลังไป
       แต่ แล้วนาทีที่19 เป็นฝ่ายทีมจากลีกแชมเปี้ยนชิพได้เฮก่อน เมื่อ เควิน แม็คนอคตัน ผ่านบอลเข้ากลางให้ เคนนี่ มิลเลอร์ ไหลบอลทะลุแนวรับลิเวอร์พูล ให้ โจ เมสัน หลุดเข้าล่อเป้า ยิงลอดขา โฆเซ่ เรน่า เป็นประตูให้ คาร์ดิฟฟ์ นำก่อน 1-0
     นาทีที่32 ลิเวอร์พูล มีโอกาสใกล้เคียงได้ประตูอีกครั้ง จากการซัดระยะ 25 หลาของ ชาร์ลี อดัม แต่บอลถากเสาออกข้างไปอย่างมีลุ้น
     7 นาทีต่อมา ลิเวอร์พูล ยังโหมบุกอย่างหนัก และขึ้นบอลมาทางฝั่งซ้ายโดย สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง ก่อนเปิดมาที่หน้าประตู จอร์แดน เฮนเดอร์สัน เข้าฮอตไม่โดน บอลหลุดมาถึง สตีเว่น เจอร์ราร์ด วิ่งมายิงด้วยขวา แต่บอลโด่งออกหลังไปแบบไม่มีลุ้น
     ก่อนหมดเวลา3นาที ลิเวอร์พูล มีโอกาสได้จบอีกครั้งเมื่อ เจอร์ราร์ด ไหลบอลเข้ากลางให้ หลุยส์ ซัวเรซ ล็อคบอลหลบแนวรับ คาร์ดิฟฟ์ ก่อนจิ้มด้วยหัวเกือกไซด์ก้อยด้วยเท้าขวา แต่บอลตรงตัว ทอม ฮีตัน รับเข้าซอง
     ช่วงท้ายครึ่งแรก ลิเวอร์พูล พยายามโหมบุกอย่างหนัก แต่ก็ยังเจาะ คาร์ดิฟฟ์ ไม่เข้าหมดครึ่งแรก คาร์ดิฟฟ์ จึงนำ ลิเวอร์พูล อยู่ 1-0
     เริ่มครึ่งหลังมา 3 นาที เป็นคาร์ดิฟฟ์ ได้ลุ้นก่อน จากจังหวะสับไกยิงนอกกรอบของ เคนนี่ มิลเลอร์ บอลหลุดออกเสาไปอย่างมีลุ้น
     นาทีที่ 50 ลิเวอร์พูล ได้โอกาสบ้าง จากจังหวะที่ หลุยส์ ซัวเรซ แย่งบอลจากกองหลัง คาร์ดิฟฟ์ ได้ ก่อนจะหลุดไปแปทางด้านกรอบเขตโทษด้านซ้ายแต่เบาไป ทอม ฮีตัน ปัดได้ ก่อนที่กองหลังจะเครียร์ทิ้งไป
      นาทีที่ 52 จอร์แดน เฮนเดอร์สัน รับใบเหลืองเป็นคนแรก จากจังหวะเสียบอล และตามไปเอาบอลแต่เข้าช้า ไปเสียบใส่ โจ เมสัน
          นาที ที่ 58 เคนนี่ ดัลกลิช แก้เกมโดยเปลี่ยนเอา จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ที่ไม่ค่อยมีบทบาทกับเกมออก แล้วให้ เคร็ก เบลลามี่ ลงมาลากเลื้อยแทน
          หลัง จากบุกอยู่นาน หงส์แดง ก็มาตามตีเสมอจนได้ ในนาที่ที่ 60 จากจังหวะเตะมุม สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง เปิดมาหน้าประตูให้ แอนดี้ แคร์โรลล์ โขกตั้งมาถึง หลุยส์ ซัวเรซ โหม่งไปชนเสา กระดอนออกมา เข้าทาง มาร์ติน สเคอร์เทล ซัดซ้ำจ่อๆไม่เหลือ 1-1
     นาทีที่ 65 คาร์ดิฟฟ์ ตอบโต้มาบ้าง โจ เมสัน ได้จังหวะสับไกล ประมาณ 20 หลา แต่ติดเซฟ โฆเซ่ เรน่า
     ลิเวอร์พูล ยังครองเกมไว้ได้เกือบหมด นาที่ที่ 73 มาได้เตะมุมอีกครั้ง ชาร์ลี อดัม โยนไกลมาที่เสาสอง เคร็ก เบลลามี่ โหม่งตั้งมาให้ สเคอร์เทล ซัดที่เสาแรก แต่ฮีตัน ยังมาปิดมุมรับไว้ได้
     เร้ด แมชีน ยังมาเป็นชุด อีก 5 นาทีต่อมา เจอร์ราร์ด ได้บอลทางขวา ไหลเข้ากลางมาให้ สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง หาจังหวะซัดด้วยซ้าย ประมาณ 25 หลา บอลพุ่งเรียดไปที่เสาแรก แต่ฮีตัน ยังซุปเปอร์เซฟปัดปลายมือได้อย่างหวุดหวิด
     นาที่ที่ 80 คาร์ดิฟฟ์ มาได้ฟรีคิกระยะอันตรายหน้าหัวกระโหลก จากจังหวะที่ ดาวนิ่ง ไปทำฟาวล์ และเป็น เคนนี่ มิลเลอร์ รับหน้าที่ซัด แต่บอลไปติดกำแพง
     5 นาทีต่อมา หงส์แดง ตอบโต้มาอีกครั้ง คราวนี้เป็น ซัวเรซ ที่ขึ้นมาทางขวาก่อนหักมาให้ ชาร์ลี อดัม ได้โอกาสซัดด้วยซ้ายเต็มๆ 25 หลา แต่ฮีตัน ยังเหนียวพุ่งรับไว้ได้      นาทีที่ 86 ลิเวอร์พูล เปลี่ยนตัวเป็นคนที่สอง เอา ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์ ที่ดูจะไม่ค่อยสมบูรณ์ออก และให้เจมี่ คาร์ราเกอร์ ลงมาแทน
     ช่วงท้ายเกมก่อนหมดเวลา 2 นาที คาร์ดิฟฟ์ เริ่มบุกแบบไม่กลัว และน่าได้ประตูขึ้นนำแบบสุดๆ เมื่ออารอน กุนนาร์สสัน แทงทะลุช่องให้ เคนนี่ มิลเลอร์ ได้ซัดเดี่ยวๆในกรอบเขตโทษด้านขวา แต่บอลเหินข้ามคานไปอย่างน่าเสียดาย
     ช่วงทดเวลาออกไป 4 นาที หงส์แดง ก็เกือบได้ประตูบ้าง เมื่อหลุยส์ ซัวเรซ อาศัยความขยัน ชิงแย่งบอลกับกองหลังคาร์ดิฟฟ์ เกือบที่จะหลุดเดี่ยว แต่ถูกบีบให้ไปเล่นทางขวา และยิงแบบไม่ถนัดบอลเลยข้ามคานแบบไม่ได้ลุ้น
     ก่อนที่ มาร์ค คลัตเทนเบิร์ก จะเป่านกหวีด จบ 90 นาที ยังเสมอกันอยู่ 1-1 ต้องต่อเวลาพิเศษออกไปอีก 30 นาที
      คาร์ดิฟฟ์ ขยับเปลี่ยนตัวบ้างในช่วงต่อเวลา เอาโจ เมสัน ออก และเป็นฟิลิป คิสส์ ลงมาแทน
     เริ่มช่วงต่อเวลาพิเศษมานาทีเดียว ลิเวอร์พูล บุกทันที่ เบลลามี่ แทงให้ หลุยส์ ซัวเรซ ลากเข้าไปซัดด้วยขวา ลูกพุ่งเลียด แต่ก็ยังไม่ผ่านมือ ทอม ฮีตัน ปัดออกหลังไปได้
     และจากจังหวะเตะมุม เคร็ก เบลลามี่ เปิดมาเข้าหัว ซัวเรซ ที่เสาสอง ได้โขกเต็มๆ แต่ยังมีเบน เทอร์เนอร์ ที่ยืนคุมเส้นเครียร์ออกไปได้แบบหวุดหวิด
      นาที 98 คาร์ดิฟฟ์ มาได้ใบเหลืองคนแรกบ้าง เมื่อง ฟิลิป คิสส์ ที่เพิ่งลงมาไปทำฟาวล์ เคร็ก เบลลามี่
      นาทีที่ 99 คาร์ดิฟฟ์ เปลี่ยนตัวคนที่สอง ส่ง อันโธนี่ เจอร์ราร์ด ที่เป็นลูกพี่ลูกน้องของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ลงไปแทน มาร์ค ฮัดสัน
     นาที 103 ดัลกลิช ขยับเปลี่ยนตัวคนสุดท้าย ส่งเดิร์ค เค้าท์ ลงมาแทน แอนดี้ แคร์โรลล์
     จากนั้นนาทีเดียว ลิเวอร์พูล ได้ลุ้น เมื่อเคร็ก เบลลามี่ รับบอลทางด้านซ้ายในกรอบเขตโทษ ก่อนจะล็อคหาจังหวะซัดด้วยขวาเต็มแรง แต่บอลลอยข้ามคานออกไป
     จบช่วงต่อเวลาครึ่งแรก ยังเสมอกัน 1-1 ต้องสลับเปลี่ยนแดนกัน

     คาร์ดิฟฟ์ มาเปลี่ยนตัวคนสุดท้าย ส่ง ดาร์ซี่ เบล็ค ลงมาแทน เควิน แม็คนอคตัน ที่ตะคริวเริ่มถามหาออก

      เริ่ม ครึ่งหลังช่วงต่อเวลพิเศษมาไม่นาน ลูกทีมของเคนนี่ ดัลกลิช บุกเข้าใส่เหมือนเดิม และมาได้ประตูออกนำจนได้ ในนาที่ 108 จากจังหวะที่ เดิร์ค เค้าท์ ลากมาซัดนอกกรอบเขตโทษเยื้องมาทางขวา กองหลังคาร์ดิฟฟ์ สกัดออกมาเข้าทาง เดิร์ค เค้าท์ อีกครั้งที่วิ่งมายิงแบบลื่นๆ บอลพุ่งเสียบเสาแรก หมดสิทธิ์ที่ทอม ฮีตัน จะเซฟได้  ลิเวอร์พูล ขึ้นนำ 2-1
     หลัง จากนั้นหงส์แดงเริ่มถอยต่ำมากขึ้น และเป็นคาร์ดิฟฟ์ ที่ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ มาตามตีเสมอสำเร็จ ก่อนหมดเวลาเพียง 2 นาที จากจังหวะเตะมุม ปีเตอร์ วิตติงแฮม โยนมาหน้าประตู บอลตกมาถึง เบน เทอร์เนอร์ ที่ยืนเบียดอยู่กับเดิร์ค เค้าท์ จิ้มบอลจ่อๆลอดขาโฆเซ่ เรน่า เข้าไป เป็น 2-2

     ก่อนที่เบน เทอร์เนอร์ จะมาโดนใบเหลืองเพราะไปถอดเสื้อฉลองที่ยิงประตูได้
     จากนั้นไม่มีประตูเพิ่มเติม จบ 120 นาที เสมอกัน 2-2 ต้องดวลจุดโทษตัดสิน เพื่อหาแชมป์
     จังหวะตัดสินด้วยการดวลจุดโทษ
     
     
ลิเวอร์พูล คนแรก สตีเว่น เจอร์ราร์ด โดน ทอม ฮีตัน เซฟไว้ได้ 0-0
     
     
คาร์ดิฟฟ์ คนแรก เคนนี่ มิลเลอร์ ยิงชนเสา 0-0
     
     
ลิเวอร์พูล คนที่สอง ชาร์ลี อดัม ยิงข้ามคาน 0-0
     
     
คาร์ดิฟฟ์ คนที่สอง ดอน คาววี่ ซัดเข้าไปไม่เหลือ คาร์ดิฟฟ์ นำ 1-0
     
     
ลิเวอร์พูล คนที่สาม เดิร์ค เค้าท์ ซัดเข้าไปไม่เหลือ เสมอ 1-1
     
     
คาร์ดิฟฟ์ คนที่สาม รูดี้ เกสเตเด้ ยิงชนเสา 1-1
     
     
ลิเวอร์พูล คนที่สี่ สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง ซัดเข้าไปไม่เหลือ ลิเวอร์พูล นำ 2-1
     
     
คาร์ดิฟฟ์ คนที่สี่ ปีเตอร์ วิตติงแฮม ซัดเข้าไปไม่เหลือ เสมอ 2-2
     
     
ลิเวอร์พูล คนที่ห้า เกล็น จอห์นสัน  ซัดเข้าไปไม่เหลือ ลิเวอร์พูล นำ 3-2
     
     
คาร์ดิฟฟ์ คนที่ห้า อันโธนี่ เจอร์ราร์ด ยิงออกข้างเสา
     และการดวลจุดโทษเป็นลิเวอร์พูลที่แม่นกว่าเป็นฝ่ายเอาชนะคาร์ดิฟฟ์ ไปได้ 3-2 ประตู ผงาดคว้าแชมป์แรกในรอบ 6 ปีได้แบบสะใจแฟนบอล และเป็นสมัยที่ 8 ในถ้วยคาร์ลิ่ง คัพ




รายชื่อนักเตะของทั้งสองทีม

     ลิเวอร์พูล(4-4-2):โฆเซ่ เรน่า,เกล็น จอห์นสัน,ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์,มาร์ติน สเคอร์เทล,โฆเซ่  เอ็นริเก้,ชาร์ลี อดัม,สตีเว่น เจอร์ราร์ด,จอร์แดน เฮนเดอร์สัน,สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง,หลุยส์ ซัวเรซ,แอนดี้ แคร์โรลล์

     สำรอง:อเล็กซานเดอร์ โดนี่, เจย์ สเปียริ่ง, เคร็ก เบลลามี่,เจมี่ คาร์ราเกอร์, เดิร์ค เค้าท์, มักซี่ โรดริเกซ,มาร์ติน เคลลี่


     คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้(4-4-1-1):ทอม ฮีตัน,เควิน แม็คนอคตัน,มาร์ค ฮัดสัน,เบน เทอร์เนอร์,ดอน คาววี่,ปีเตอร์ วิตติงแฮม,อารอน กุนนาร์สสัน,โจ เมสัน,เคนนี่ มิลเลอร์,รูดี้ เกสเตเด้

     สำรอง:เดวิด มาร์แชล,ฟิลิป คิสส์,อันโธนี่ เจอร์ราร์ด โรเบิร์ต เอิร์นชอว์,เคร็ก คอนเวย์,ลี เนย์เลอร์,ดาร์ซี่ เบล็ค


     ผู้ตัดสิน:มาร์ค คลัตเทนเบิร์ก


credit:siamsport.co.th

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น